บทที่ 4 คนของพัคซูโฮ
เทียนกัลยาภัครู้สึกตัวในช่วงเวลาเย็นมองไปรอบๆกับไม่ใช่ที่ที่คุ้นเคยจึงดีดตัวขึ้นมา แต่ทำให้หน้ามืดจึงค่อยหลับตาและใช้มือนวดบริเวณขมับทั้งสองข้าง
“ปวดตรงไหนเหรอ”
หญิงสาวเมื่อเห็นว่าเป็นคนใจร้ายจึงขยับตัวลุกหนีเพราะตอนนี้ซูโฮอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกับกลิ่นบุหรี่สร้างเสน่ห์ขึ้นมาไม่หน่อยแต่ใช้ไม่ได้สำหรับเทียนกัลยาภัค
“ถะ ถอย ออกไปห่างๆ”
เมื่อเห็นชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้จึงจะคลานลงจากเตียงอีกฝั่งแต่ก็ไม่ทันคนตัวโตกว่าซูโฮเข้ากอดหญิงสาวจากทางด้านหลังทำให้เทียนกัลยาภัคหน้าคว่ำไปกับที่นอน
“จะไปไหน!” เมื่อเห็นคนตรงหน้าเตรียมตัวจะหนีชายหนุ่มจึงเข้าสวมกอดไว้ตอนนี้ทั้งสองจึงนอนกอดกันอยู่บนที่นอนกว้าง
“ปะ ปล่อยหนู อย่าทำอะไรหนูเลย”
“อย่าไม่ดื้อคืนนี้ฉันจะไม่ทำอะไร” เพราะเห็นว่าเทียนกัลยาภัคไม่ค่อยสบายคืนนี้เขาจะให้หญิงสาวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
“เพื่อนหนูละ”
“ไม่ต้องห่วงฉันพูดคำไหนคำนั้น ลุกไปกินข้าวกินยาได้แล้ว”
เทียนกัลยาภัคจึงทำตามที่ชายหนุ่มบอกกินข้าวให้อิ่มค่อยคิดหาวิธีหนีออกไปจากผู้ชายใจร้ายคนนี้ หรือไม่ก็ยอมถูกจับและโดนส่งกลับประเทศ
.
มีนรญาพยายามกดโทรเทียนกัลยาภัคแต่ก็ไม่มีใครรับสายเธออิจฉาเพื่อนเพราะเพิ่งรู้ประวัติของผู้ชายคนนั้น
“ถ้าเทียนมันจะรับ คงรับไปนานแล้ว” ปัญนิตาหันมามองมีนรญาคงไม่พ้นเรื่องผู้ชายคนนั้น ขอให้เทียนกัลยาภัคไม่เป็นอะไรหรือไม่ก็ขอให้ชายหนุ่มดูแลเทียนกัลยาภัคให้ดี
“ผู้ชายคนนั้นคือพัคซูโฮหล่อ รวยยิ่งกว่าอะไร เทียนมันทำบุญด้วยอะไร” มีนรญาตาลุกวาวขึ้นมาทันทีด้วยความอิจฉาอย่างนี้เทียนกัลยาภัคก็สบายไปทั้งชาติเลย
“เธอยังจะห่วงผู้ชายมากกว่าเพื่อนเหรอ”
“รวยขนาดนั้น ฉันก็ยอม”
“ไร้สาระ” ปัญนิตามองหน้ามีนรญาด้วยสายตาที่ขุ่นเคืองเธอกับมีนรญาไม่ค่อยชอบขี้หน้ากันอยู่แล้ว
“คอยดูเถอะโดนทิ้งเมื่อไรฉันจะสมน้ำหน้าให้เลย” ความอิจฉาทำให้มีนรญาพูดออกมาแบบที่สมองคิด เทียนกัลยาภัคเด่นกว่าเธอตั้งหลายอย่างไหนจะหน้าตาอีก
“เธอนี่มัน...” ปัญนิตาจึงเลิกคุยกับมีนรญาตอนนี้แค่รอว่าเทียนกัลยาภัคจะติดต่อมาหรือไม่เพราะเธอก็ห่วงเพื่อนที่สุด คนของซูโฮรับปากว่าจะช่วยพวกเธอระหว่างอยู่ที่เกาหลี
เทียนกัลยาภัคกำลังนั่งกินข้าวโดยมีสายตาของซูโฮนั่งจ้องหญิงสาวอยู่จนคนป่วยแทบกลืนข้าวไม่ลง
“หนูขอโทรหาเพื่อนหน่อยได้ไหมคะ?”
“ได้สิ แต่ของแบบนี้มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” ซูโฮพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ พร้อมกับอมยิ้มออกมาชายหนุ่มวางมือถือไว้ตรงหน้าตัวเอง
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรคะ” เทียนกัลยาภัคจึงมองตามไปที่นิ้วมือของชายหนุ่ม ซูโฮที่นิ้วไปที่แก้มของตัวเองและพูดความต้องการออกมา
“หอมแก้มฉันให้คุย 2 นาที แต่ถ้าจูบปาก 5 นาที จะเลือกอะไร”
“เอ่อ ไม่เลือกได้ไหมคะ” เทียนกัลยาภัคตอบออกไปชายหนุ่มกำลังทำเหมือนคนกำลังจีบกันแต่ทำไมหัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นมาจนหญิงสาวไม่เข้าใจตัวเอง
“เลือก! ไม่งั้นก็ไม่ต้องโทร”
“หอมแก้มก็ได้ค่ะ”
ซูโฮจึงพอใจแล้วลุกขึ้นมาเดินมาใกล้หญิงสาวจับยกให้เทียนกัลยาภัคมานั่งบนตักแกร่งมือทั้งสองข้างจึงโอบกอดเอวของกหญิงสาวไว้
“ค คุณนั่งห่างๆ ก็ได้ค่ะ”
“เร็วสิ!” ชายหนุ่มยื่นแก้มเข้ามาใกล้เทียนกัลยาภัคจึงหลับตาแล้วจำใจกดริมฝีปากไปที่แก้มสากของซูโฮแล้วรีบผละออกมาอย่างรวดเร็ว
“อีกข้าง”
“คุณขี้โกงกันหรือเปล่า”
“ก็ฟังไม่จบเองสองข้างเร็วๆก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ” หญิงสาวจึงทำตามที่ชายหนุ่มต้องการแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อสายหาปัญนิตา
“ฮัลโหล ตารับสายค่ะจากไหนคะ”
“ตาเทียนเอง”
“เทียนเป็นยังไงบ้างเขาทำอะไรเทียนหรือเปล่าแล้วเทียนอยู่ไหน”
“เทียนสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง อุ้ย!”
“เทียนเป็นอะไร! บอกเราได้นะ”
“เอาไว้เดี๋ยวเทียนโทรกลับนะ ฝากขอโทษทุกคนด้วย”
เทียนกัลยาภัคจึงรีบวางสายจากเพื่อนเพราะตอนนี้ชายหนุ่มกำลังใช้มือเคล้นคลึงกับหน้าอกอวบผ่านเสื้อตัวใหญ่โดยไม่เกรงใจหญิงสาวเลยสักนิด
“โอ๊ยยยยยย เป็นหมาหรือไง!” ซูโฮร้องออกมาเมื่อหญิงสาวใช้ปากกัดเข้าไปที่นิ้วมือของเขาเต็มแรงจนเกิดเป็นรอยฟันขึ้นมา
“ช่วยไม่ได้ใครบอกให้คุณมาลวนลามหนูแถมยังกวนเวลาหนูอีก” หญิงสาวรีบลุกขึ้นจากตักของซูโฮพร้อมจ้องไปที่ชายหนุ่มด้วยสายตาที่พร้อมจะเอาเรื่อง
“ถ้าเป็นเด็กดีเมื่อไรฉันจะไม่กักขังเธอไว้ โอเคป่ะ” แต่หญิงสาวก็ไม่ตอบอะไรกลับมาจนชายหนุ่มเป็นฝ่ายถามขึ้นมาอีกรอบ
“เทียนกัลยาภัคมีชื่อที่เรียกง่ายกว่านี้ไหม”
“เทียน!”
“เทียน เรียกยากจังฉันเรียก แออินก็ได้” ซึ่งภาษาเกาหลีแปลว่าที่รักหรือคนรัก คนไม่รู้ความหมายถึงกับทำหน้างง “ใครเป็นพระอินทร์” เทียนกัลยาภัคบ่นออกมาในใจ
“พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอกลับโซลด้วย”
“หนูต้องอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหนคะ”
“สามเดือนหรือไม่จนกว่าฉันจะเบื่อ ไม่ต้องห่วงหรอกฉันไม่เคยนอนกับใครเดินหนึ่งเดือน ฉันจะให้เงินไปตั้งตัวก้อนหนึ่งถือว่าเป็นค่าสึกเหรอก็แล้วกัน” ชายหนุ่มพูดออกมาตามความต้องการของตัวเอง
“...”
หญิงสาวกำหมัดแน่นแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาเพราะตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์พูด ดวงตาที่เริ่มแดงทำให้ซูโฮรู้ว่าหญิงสาวคงกำลังโกรธเขา
“คุณทำแบบนี้ทำไมในเมื่อคืนนั้นก็แค่เรื่องเข้าใจผิด”
“แค่เรื่องเข้าใจผิด?” ซูโฮเหมือนโดนตบหน้าเพราะหญิงสาวคิดกับเขาแค่เป็นเรื่องที่ผิดพลาด พูดออกมาโดยไม่คิดอะไร
“หนูก็..ก็เสียความบริสุทธิ์ให้คุณแล้วทำไมเราถึงไม่ต่างคนต่างไป”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้! เทียนกัลยาภัค” ซูโฮจึงบอกให้หญิงหยุดพูดพอโดนพูดแบบนี้ชายหนุ่มถึงกับไปไม่เป็นคำพูดเหล่านี้เขาต่างหากที่สมควรจะพูดออกมา
“แล้วคุณจะให้หนูอยู่ในฐานะอะไรคะ?”
“ผู้หญิงของฉัน”
“คะ”
“เป็นผู้หญิงของพัคซูโฮ” การที่เขาเลือกที่จะให้สถานะนี้นั่นแปลว่าหญิงสาวสำคัญกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยหลับนอนด้วยหญิงสาวควรจะภูมิใจ
“เข้าใจแล้วค่ะ”
คนที่ไม่เข้าใจความหมายกำลังคิดว่าชายหนุ่มตีค่าให้เธอเป็นเพียงคู่นอนจึงเงียบและเดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไรออกมา
“เราคงเป็นได้แค่นี้สินะ”
พัคซูโฮไม่เข้าใจว่าเทียนกัลยาภัคเป็นอะไรขึ้นมาตอนนี้ก็ดึกมากแล้วชายหนุ่มจึงเดินย่องเข้าไปในห้องพักที่มีเทียนกัลยาภัคพักอยู่แต่ก็ไม่พบใคร เมื่อเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องน้ำได้ยินเสียงน้ำไหลจึงค่อยๆเปิดประตู
“Shift แม่งโคตรเด็ด”
เพล้ง!
ซูโฮที่ทำขวดน้ำหล่นถึงกับไปไม่เป็นรีบเก็บของวางไว้ที่เดิมแล้วมานั่งรอหญิงสาวที่ปลายเตียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เทียนกัลยาภัคเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีใครอยู่ในห้องจึงรีบเช็ดตัวแล้วสวมเสื้อผ้าที่ซูโฮเตรียมไว้ให้ เมื่อเดินออกมาถึงกับตกใจที่เห็นชายหนุ่มนั่งรออยู่ที่ปลายเตียง
“คุณเข้ามาทำอะไรคะ”
“ก็มีห้องเดียวฉันจะนอนบนที่นอน”
“นั้นคุณก็นอนไปหนูจะนอนพื้นเอง” หญิงสาวจึงลากผ้าห่มและหมอนลงมาไว้ที่พื้น เมื่อเริ่มง่วงจึงล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจคนที่อยู่ในห้อง
“แออินหลับยัง” ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับจึงค่อยๆใช้มือสะกิดเรียกหญิงสาวแต่ดูเหมือนหญิงสาวจะหลับลึกเมื่อแตะโดนหน้าถึงกับต้องรีบเอามือออก
“ทำไมตัวร้อนจัง” ชายหนุ่มจึงรีบอุ้มหญิงสาวมานอนบนเตียงเมื่อไม่เคยดูแลใครจึงทำตัวไม่ถูก คนที่จะเพิ่งได้คงมีแค่ลูกน้อง
“นายหลับหรือยังแทจอง”
“กำลังจะหลับครับ” ใครจะกล้าบอกว่าเขากำลังหลับฝันดีเลยแต่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์
“เวลาคนไข้ขึ้นเขาทำกันยังไงไข้ถึงจะลดวะ”
“เจ้านายไม่สบายเหรอครับให้ผมเรียกหมอให้ไหมครับ”
“ตอบคำถามฉันมาก็พอ”
“เช็ดตัวไงครับ แล้วก็กินยาลดไข้”
เมื่อวางสายไปแล้วซูโฮจึงหาผ้าผืนเล็กไปชุบน้ำแล้วนำมาเช็ดตัวให้หญิงสาว เพราะสงสารหรอกนะเขาถึงยอมทำให้เขาไม่มีวันรักใคร
“อื้อ อย่าทำหนู ปล่อยยย”
“แออิน ฉันเอง” เมื่อเห็นหญิงสาวละเมอจึงนอนกอดไว้เพื่อให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นคนไม่สบายเมื่อได้รับไออุ่นจึงกอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“กูต้องอดทนขนาดนี้เลยเหรอวะ” ชายหนุ่มบ่นออกมาเพราะตอนนี้น้องชายของเขาขยายตัวใหญ่ขึ้นแค่ได้กลิ่นหอมๆจากตัวของเทียนกัลยาภัคอารมณ์เขาก็เตลิดไปไกลแล้วกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง