ตอนที่ 2
รองเท้ายางหรือรองเท้าบูทมากกว่า แต่เป็นเพราะไม่รู้ล่วงหน้าว่าวันนี้จะต้องออกมาผจญแดดและฝุ่นควันภายนอก ไม่งั้นคงเตรียมทากันแดดให้หนากว่านี้ แล้วเอารองเท้าแตะติดมาด้วย
ฉันเคยติดตามเสี่ยหมงไปตามไซต์งานลักษณะนี้มาแล้วบ้างเหมือนกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกคุ้นชินเสียที กับเสียงเครื่องจักร เครื่องขุดเจาะและเสียงปั้นจั่นสูงใหญ่ที่กำลังตอกเสาเข็ม ส่งเสียงดังลั่นเป็นจังหวะตั้งแต่นาทีแรกที่มาถึง
โดยปกติแล้วถ้าเลือกได้ฉันชอบนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศที่มีแอร์เย็นๆ มากกว่าจะออกมาตะลอนเดินตามเสี่ยหมงอยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้าแบบนี้ ทว่าในตอนนี้ความคิดเหล่านั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว... เมื่อฉันได้มาเจอหน้า ‘เควิน’ ผู้มีใบหน้าคมคร้าม หน่วยก้านกำยำล่ำสั่น รอยยิ้มของเขาช่างเซ็กซี่ขยี้ใจ สายตาแฝงความเร่าร้อนที่มองมาแต่ละครั้งทำให้ฉันเกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกว่ามือไม้มันเกิดอาการอ่อนระทวยยังไงพิกล
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าการได้เดินตามเควินมันทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกเรายังแง่มีมุมที่สวยงามอีกมาก ยังมีชีวิตที่ดำเนินอยู่ในมุมที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะเฉียดกรายเข้ามาใกล้ อย่างเช่นเบื้องหลังแนวรั้วสังกะสีก่อสร้างที่เต็มไปด้วยโครงเหล็กของนั่งร้าน ท่ามกลางเสียงเครื่องจักรทั้งรถเครน แทรกเตอร์ รถแบล็คโฮลและเครื่องตอกเสาเข็มที่กำลังส่งเสียงดังบลั่กๆ ไปทั้งบริเวณ
“อย่าให้เสร็จช้ากว่ากำหนดเวลาส่งมอบงานนะนะเควิน”
เสี่ยหมงหันมากำชับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ผมรับรองครับเสี่ย”
ลูกครึ่งร่างสูงใหญ่รับปากหนักแน่น เสี่ยหมงเดินสำรวจอยู่แค่ชั้นล่าง ฉันเดินตามหลังเควินไปติดๆ บางครั้งก็ลองตามเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ที่โชยออกมาจากร่างกายกำยำของเขา เป็นเหงื่อผสมกลิ่นกายที่ไม่ได้รู้สึกว่าเหม็นเลยสักนิด แต่กลับทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง กระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เควินเดินขึ้นไปตามบันไดจนถึงชั้นบน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันก้าวตามไปติดๆ ตอนนั้นเสี่ยหมงออกไปคุยกับคนงานที่เทปูนกันอยู่ด้านนอก
เควินหันมามอง ได้ทีฉันจึงแกล้งเป็นลม ยกมือขึ้นแตะหน้าผากแล้วเซเล็กน้อย
“คุณจันทร์”
เควินรีบคว้าเอวฉันไว้ เปิดโอกาสให้ฉันฉวยจังหวะโผเข้าคว้าร่างกำยำของเขาแล้วสวมกอดเอาไว้แน่นเหมือนตุ๊กแก
หน้าอกอวบใหญ่ของฉันอัดกระแทกเข้ากับแผงอกแกร่งไปด้วยมัดกล้ามของเควินเข้าอย่างจัง และหน้าท้องของฉันก็เบียดบดเข้ากับกึ่งกลางกายของเขาที่กดเน้นเข้ามาอย่างจงใจ ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความเร่าร้อนที่แผ่ลามออกมาจากลำตัวของเขา
“ขอโทษค่ะ... ”
ฉันขืนตัวออกมาด้วยสีหน้าเขินๆ หลังจากแอบพริ้มตาปลื้มปริ่ม ซบซุกใบหน้าอ้อยอิ่งอยู่ในอ้อมอกของเขาอยู่นานเป็นครู่ ตอนซบหน้าอยู่กับอกเขาฉันรู้สึกว่าหัวใจของเควินเต้นแรงราวจะทะลุออกมาจากอก ไม่ต่างกับฉันที่รู้สึกตื่นเต้นจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่
“สงสัยวันนี้แดดคงร้อนไปหน่อย... ผู้หญิงบอบบางอย่างคุณคงไม่ชินกับอากาศร้อนๆ แบบนี้ ลงไปนั่งพักในห้องแอร์ดีกว่ามั้ยครับ”
น้ำเสียงห่วงใยของเควินยิ่งที่ให้ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ อาการเรียกร้องหาคนห่วงใยดูแลแสดงออกมาทางแววตาของฉันที่จ้องมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ช่วยกอดประคองเอาไว้ ตอนที่ฉันแกล้งเซเข้าไปหาเขา
“รู้สึกเหมือนจะเป็นลมค่ะ... แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ”
จะว่าตอแหลฉันก็ไม่เถียง ฉันฝืนยิ้มให้เขา ทำราวกับว่าตัวเองป่วย ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร
“ข้างล่างเรียบร้อยดี... ”
เสียงของเสี่ยหมงดังขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นสัญญาณให้ฉันขยับห่างออกจากร่างสูงของเควินที่ยืนมองตากันอยู่ในขณะนั้น
เสี่ยหมงเดินสำรวจรอบๆ ไซต์ก่อสร้างอีกพักใหญ่ๆ สั่งงานเควินสองสามคำก่อนจะกลับ
“ฉันกลับก่อนนะคะ”
ฉันหันไปกล่าวลาเควินด้วยน้ำเสียงหวาน
“ว่างๆ แวะมาอีกนะครับคนสวย... ดีใจจังที่ได้เจอคุณในวันนี้”
เควินตอบเสียงหวานเช่นกัน ฉันรู้ว่าเขาจีบฉัน สายตาคมวาวที่มองมาในแต่ละครั้งทำให้ฉันรู้สึกว่าหัวใจพองโตเหมือนลูกโป่งที่สูบลมเข้าไปจนล้น
“เสี่ยคะ... หนูขอแยกกับเสี่ยตรงนี้เลยนะคะ”
ฉันรู้ว่าเวลาในตอนนั้นก็หกโมงกว่า ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานพอดี ถ้าจะต้องกลับเข้าออฟฟิศเพื่อไปเอารถที่จอดทิ้งเอาไว้คงเสียเวลาแย่ เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าเวลาหลังเลิกงานในกรุงเทพฯ เป็นช่วงที่รถติดสาหัสมากจนบางคนเปรียบเปรยว่าเป็นช่วงนรกแตก
“อ้าว... แล้วหนูจะกลับยังไงจ๊ะ”
เสี่ยหมงถามด้วยความห่วงใย ถ้าตัดนิสัยหัวงูออกไปแกก็ผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่ง ดูไม่มีพิษภัยอะไร
“หนูนั่งแท็กซี่กลับก็ได้ค่ะ”
“ตามใจ... งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ อันที่จริงเสี่ยกะว่าจะพาหนูไปกินเข้าเย็น แต่บังเอิญมีงานด่วนเข้ามาแทรกเสียก่อน”
เสี่ยใหญ่ทำท่าเสียดายอย่างเห็นได้ชัด แต่ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก นึกขอบใจ ‘งานด่วน’ ที่แทรกเข้ามา เพราะมันช่วยให้ฉันไม่ต้องไปต่อกับเขา มิเช่นนั้นคงอึดอัดใจน่าดู
พอแยกกับเสี่ยหมง ฉันกะว่าจะลองเข้าไปเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่เพิ่งเปิดใหม่ย่านบางใหญ่ แต่ในขณะที่กำลังยืนโบกแท็กซี่อยู่นั้น จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าฉันลืมอะไรบางอย่างเอาไว้ที่ไซต์งานของเควิน
‘ตายละ! ฉันลืมแฟ้มเอกสาร ในนั้นมีเอกสารสำคัญรอเซนต์อยู่หลายชิ้น อุตส่าห์ฝ่าการจราจรมาถึงตรงนี้แล้ว... นี่จะต้องกลับไปที่ไซต์งานนั่นอีกหรือ?’