ตอนที่ 4 กวนโมโห
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณย่า”
เสียงทุ้มของหลานชายทำให้คุณหญิงชดช้อยถึงกับสะบัดหน้าหนี ยังโกรธเรื่องเมื่อวานที่อีกฝ่ายไปส่งแฟนสาวแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ ทำให้ต้องนั่งรอทานข้าวจนถึงดึกดื่น
“แม่ฝนบอกให้ใครบางคนออกไปไกล ๆ ฉันไม่อยากเห็นหน้า”
ได้ยินคำสั่งปลายฝนก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขา ก็เจอกับสายตาที่เผด็จการ สื่อว่าอย่ามาหือกับฉันอะไรเทือกนั้น ทำให้เจ้าหล่อนต้องหลบสายตาทันที
“โธ่ คุณย่าครับ ผมผิดไปแล้ว ให้อภัยหลานชายคนนี้ด้วยเถอะนะครับ เมื่อคืนมันเหตุสุดวิสัยจริง ๆ พอดีว่าพ่อของอลิซชวนให้ทานมื้อเย็นด้วยกัน ท่านรัฐมนตรีออกปากชวนขนาดนั้น จะไม่อยู่ต่อมันก็เสียมารยาทนะครับ” ว่าพลางหย่อนก้นลงไปนั่งข้าง ๆ บนโซฟา คนเป็นย่าพยายามเขยิบก้นหนี ทว่าหลานชายรีบสวมกอดไว้เสียก่อน
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงเราก็มีความผิด”
“แล้วทำยังไงคุณย่าถึงจะหายโกรธผมล่ะครับ”
“มันก็พอมีทางอยู่นั่นล่ะ”
“ว่ามาเลยครับ ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้คุณย่าหายโกรธ”
“ไปทำธุระให้ย่าหน่อยสิ”
“ธุระอะไรครับ ว่ามาเลย”
“บ้านพักตากอากาศที่หัวหินกำลังมีการต่อเติมใหม่ ย่าอยากให้เราไปดูจนกว่าจะเสร็จ แล้วค่อยกลับมา ถือซะว่าไปพักผ่อนก็แล้วกัน”
“หา! แค่นั้นเองเหรอครับคุณย่า”
“ใช่ แค่นั้นทำให้ย่าได้ไหม”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ถือโอกาสชวนอลิซไปเที่ยวด้วย บรรยากาศคงดีน่าดู ผมจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ คุณพ่อกับคุณย่าเคยพาไปที่นั่น” กันติทัตยิ้มอย่างมีแผนในใจ นึกถึงใบหน้าของหญิงคนรักด้วยความถวิลหา
“ไม่ได้! ถ้าแกทำอย่างนั้นย่าจะไม่พูดกับแกอีกตลอดชีวิต แกก็รู้ว่าย่าไม่ชอบ”
“โธ่ คุณย่าครับ ลองเปิดใจให้อลิซหน่อยนะ เธอไม่ใช่คนเลวร้ายเหมือนอย่างที่ย่าคิดนะครับ”
“ย่าไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้นเข้าใจไหม”
“แต่เธอไม่ได้ทำผิดอะไรเลยนะครับ”
“ไม่ต้องมาเถียงย่า สงสัยจะโดนผู้หญิงคนนั้นล้างสมองไปหมดแล้วสินะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณย่า”
“เงียบ! ย่ายังพูดไม่จบ ในฐานะที่เรายังไม่น่าไว้วางใจ ย่าจะให้แม่ฝนไปด้วย เพื่อเป็นหูเป็นตาให้ย่า ถ้าแกนัดยัยนั่นมาย่าจะตัดแกออกจากกองมรดก และจะไม่พูดกับแกไปตลอด” คุณหญิงชดช้อยกล่าวอย่างเด็ดขาด
“คุณหญิงคะ คือฝนคิดว่า…”
“ไม่ต้องพูดอีกคน นี่คือคำสั่งของฉัน ห้ามใครขัดเด็ดขาด”
“ค่ะ”
ปลายฝนได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม ก่อนจะชำเลืองตามองคนที่นั่งอยู่ข้างคุณหญิง สายตาคมคู่นั้นจ้องมองราวกับว่าเธอคือคนผิดเสียอย่างนั้น
“คุณย่าเป็นคนใจร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย” กันติทัตพยายามออดอ้อนคนเป็นย่า ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ยอมอ่อนข้อให้เหมือนทุกครั้งเลย
“ฉันก็เพิ่งใจจะร้ายก็ตอนที่แกพาแม่นั่นเข้าบ้านนี่ละ พรุ่งนี้เตรียมตัวออกเดินทางได้เลย”
“คุณย่าครับ!”
“ไม่ต้องมีข้อแม้อะไรทั้งนั้น คำสั่งฉันถือว่าเป็นที่สุด เสร็จงานทางโน้นแล้วค่อยเข้าบริษัท”
“โอเคครับ ผมจะตามใจคุณย่าก็ได้ ถือว่าเป็นการไถ่โทษเรื่องเมื่อวาน แต่หลังจากนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณย่าพรากผมกับอลิซเด็ดขาด”
“ก็ลองดูว่าย่าจะทำได้ไหม”
ย่าหลานต่างก็จ้องมองกันด้วยสายตาที่เชือดเฉือน ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตนเองจะเป็นฝ่ายเอาชนะได้ ปลายฝนได้แต่นั่งมองดูอย่างรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เพราะพรุ่งนี้แล้วที่จะต้องออกเดินทางไปกับเขาเพียงลำพัง สำหรับคนที่มีใจเสน่หาต่อเขาอย่างเธอ มันคงเป็นเรื่องน่ายินดีที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกัน ทว่าปลายฝนก็รู้ตัวดี ว่าคงเป็นตัวอะไรสักอย่างที่อยู่นอกสายตาเขาเช่นเดิม
เสร็จธุระแล้วปลายฝนก็เดินถือถาดแก้วเปล่ากลับเข้าไปในครัว เมื่อย่างกรายเข้าไปในนั้น กลุ่มคนใช้ที่กำลังสุมหัว ต่างก็รีบเดินหนีราวกับผึ้งแตกรัง เห็นอย่างนั้นเธอก็รู้สึกงงแต่ไม่ได้พูดอะไร
“เรียนจบมาแล้วคงไม่คิดจะหางานทำ คงตั้งใจจะจับคุณทัตสินะ ถึงได้มายืนรอดึก ๆ ดื่น ๆ” มะลิกล่าวอย่างลอย ๆ ก่อนจะยิ้มอย่างรู้กันกับเพื่อนซี้รำเพย
“ฉันเปล่านะเค้ามาเอง ก็แค่ยืนเล่น ๆ ไงเผื่อฟลุ๊ค” เพื่อนสนิทว่าต่ออย่างสนุกปาก
ปลายฝนรู้ดีว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ หากต้องมาต่อปากต่อคำกับคนพวกนี้ เธอเองก็ไม่รู้เหตุใด ทั้งสองสาวถึงได้จงเกลียดจงชังเธอนัก ล้างแก้วเสร็จแล้วก็จะเดินออกไป
“เดี๋ยว!”
“อะไรอีก ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับพวกพี่หรอกนะ”