ตอนที่ 3 กาฝาก
“ยังไงตาทัตก็ต้องฟังย่า ฉันจะไม่มีทางยอมให้แม่นั่นแต่งงานกับตาทัตเด็ดขาด”
“เราจะห้ามตาทัตได้เหรอคะ”
“ทำไมจะห้ามไม่ได้ นี่ย่ากับแม่ ยังไงตาทัตก็ต้องเลือกเราอยู่แล้ว” หญิงสูงวัยเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
“คุณหญิงจะให้ฝนตั้งโต๊ะรอเลยไหมคะ” ปลายฝนเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าตอนนี้กันติทัตไม่ได้อยู่แล้ว
“รอให้ตาทัตกลับมาก่อนค่อยเตรียม แม่ฝนเงยหน้าขึ้นมาให้ฉันมองชัด ๆ หน่อยสิ”
“ค่ะคุณหญิง” ว่าแล้วก็เงยหน้าขึ้นให้คุณหญิงชดช้อยยลโฉม แม้จะไม่เข้าใจว่าคำสั่งของท่านมีนัยอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่
“หล่อนโตเป็นสาวสวยแล้วสินะ ควรจะออกเรือนได้แล้วกระมัง”
“ออกเรือน! ฝนเพิ่งจะเรียนจบเองนะคะ อีกอย่างยังไม่ได้มีคนรักเลยนะคะคุณหญิง”
“ดีแล้วที่หล่อนไม่มี เรื่องมันจะได้ง่ายขึ้น” คุณหญิงชดช้อยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินเข้าไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งปริศนาให้กับหญิงทั้งสองที่ยืนอยู่
“ฝนไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหญิงกล่าวเลยค่ะคุณอังกาบ”
“ฉันเองก็ไม่เข้าใจคุณแม่เหมือนกัน ท่านกำลังคิดอะไรอยู่นะ อย่าคิดมากเลยเข้าไปในบ้านกันเถอะ”
“ค่ะ”
x o x o x o x o x o x o x
ไปส่งแฟนสาวในครั้งนั้นแล้ว กันติทัตยังไม่กลับมาที่บ้านจนดึกดื่น จนคนที่เฝ้าคอยอดรนทนไม่ไหว เข้าห้องนอนหลับพักผ่อนไปแล้ว คุณหญิงชดช้อยโกรธให้หลานชายเป็นฟืนเป็นไฟ ที่หลงมารยาผู้หญิงคนนั้นจนไม่เห็นหัวย่าและแม่ ร้อนไปถึงปลายฝนที่ตอนนี้ยังคงไม่หลับไม่นอน เพราะต้องมารอเขากลับมา เพื่อจะได้เตือนสติ เนื่องจากเธอโกรธแทนผู้มีพระคุณทั้งสองนั่นเอง
“อ้าว! เธอมานั่งทำอะไรตรงนี้ยัยกาฝาก” เมื่อเห็นสาวน้อยหน้าสวยนั่งอยู่ที่บันไดทางเข้าบ้านกันติทัตก็เอ่ยทัก ใช้คำพูดคำจาดูหมิ่นดูแคลนเหมือนเช่นเคย
ปลายฝนลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอย่างไม่รู้สึกกลัว ทั้งที่ใบหน้าเธอถึงแค่ระดับหน้าอกเขาเท่านั้น
“ก็มารอพี่ทัตนั่นละค่ะ ทำไมถึงกลับค่ำมืดดึกดื่นอย่างนี้”
ได้ยินอย่างนั้นกันติทัตก็ขำเล็กน้อย เท้าสะเอวมองหน้าเจ้าหล่อนอย่างเหยียด ๆ
“เธอเป็นแม่ฉันหรือไง ถึงมีสิทธิ์มายืนถามอย่างนี้”
“ฝนถามแทนคุณหญิงและคุณอังกาบ รู้ไหมว่าท่านทั้งสองรอพี่มาทานข้าวด้วยกัน แต่พี่กลับเห็นผู้หญิงดีกว่า ปล่อยให้คนแก่ต้องรออย่างนี้มันสมควรแล้วหรือคะ”
“แล้วไง นี่มันเรื่องในครอบครัวฉัน เธอเป็นคนนอกมาเดือดร้อนอะไร หรือคิดว่านั่นคือย่าและแม่ของตัวเองจริง ๆ ไปแล้ว อย่าคิดว่าคุณย่ากับคุณแม่ถือหางแล้วจะมาอวดดีกับฉันนะ”
“ฝนไม่เคยอวดดีและรู้ตัวว่าเป็นใคร ต่ำต้อยแค่ไหน แต่ฝนก็ไม่เคยทำให้ผู้มีพระคุณทั้งสองต้องไม่สบายใจอย่างนี้ค่ะ”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาสอนฉัน เป็นแค่เด็กถูกเก็บมาเลี้ยงทำตัวอวดดีอย่างกับเจ้าของบ้าน”
“ฝนไม่เคยคิดอย่างที่พี่กล่าวหา ตอนแรกก็คิดว่ากลับมาจากเมืองนอกแล้วนิสัยจะเปลี่ยน แต่ที่ไหนได้ยังคงมีความคิดเหมือนเด็กไม่เคยเปลี่ยน มีเรื่องจะคุยด้วยแค่นี้ละค่ะ” เธอเหวี่ยงสีหน้าใส่เขา ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น เพื่อจะมุ่งหน้าไปยังเรือนนอน
“เดี๋ยว!” เขาว่าพลางรั้งแขนของเธอเอาไว้ ทำให้ร่างบอบบางต้องชะงักงัน
“ปล่อยมือฝนเดี๋ยวนี้!”
“ฉันไม่ได้พิศวาสเธอหรอกนะ แค่สงสัยว่าทำไมถึงลงทุนมาคอยฉันเพื่อที่จะพูดเรื่องนี้ เธอต้องการอะไรกันแน่แม่กาฝาก”
“ดิฉันชื่อปลายฝนค่ะไม่ใช่กาฝาก”
“ฉันจะเรียกแล้วจะทำไม”
“ฝนจะฟ้องคุณหญิง”
“แม่ขี้ฟ้อง ฟ้องตั้งแต่เด็กจนโตจนติดเป็นนิสัย ว่าแต่คนอื่นเป็นเด็ก ตัวเองก็เด็กไม่รู้จักโตเหมือนกันนั่นละ”
“ปล่อย! ถ้าไม่ปล่อยฝนจะร้องให้คนทั้งบ้านรู้ว่าพี่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ”
“ฉันอยากจะขำให้ฟันร่วงหมดปาก ใครจะเชื่อว่าฉันจะทำอะไรเธอ” เขาเอ่ยกลั้วขำ
“พี่ทัต!” โกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ปลายฝนได้แต่จ้องเขม็งมองหน้าชายหนุ่มอย่างขุ่นเคือง พยายามดึงมือตัวเองกลับทว่าเขาดึงตัวเธอเข้าหา จนเซถลาล้มอยู่ภายในอ้อมกอดนั่นแล้ว
สายตาทั้งสองคู่ประสานกันแวบหนึ่ง เหมือนมีประกายอะไรบางอย่างแวบเข้ามาในความคิด ทำให้ทั้งคู่ละสายตาออกไป ก่อนที่ฝ่ายชายจะคลายอ้อมแขน
“ฉันขอเตือนเอาไว้ ว่าฉันไม่ได้ใจดีตลอดไปหรอกนะ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องครอบครัวฉัน ไม่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนเพราะเธอเป็นแค่คนนอก”
“ฝนจะไม่ยุ่ง ถ้าเรื่องนั้นไม่ทำให้ผู้มีพระคุณของฝนต้องเดือดเนื้อร้อนใจค่ะ” ปลายฝนต่อคำอย่างไม่ลดละด้วยความโทสะที่มีอยู่ ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นอีกครั้ง ครั้งนี้เธอผ่านมาได้อย่างฉลุยโดยไม่มีใครฉุดรั้ง
ส่วนกันติทัตก็ได้แต่มองตามหลังพลางส่ายหัวเบา ๆ เขาและเธอเป็นไม้เบื่อไม้เมามาตั้งแต่เด็ก นั่นเพราะคุณหญิงชดช้อยและคุณอังกาบ ประคบประหงมเธอคนนี้ยิ่งกว่าลูกในไส้ มีเรื่องทะเลาะกันทีไรท่านทั้งสองก็ไม่เคยเข้าข้างหลานชายแท้ ๆ ทำให้กันติทัตระบายความอัดอั้นด้วยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก จนติดเป็นนิสัย บัดนี้ความคิดเหล่านั้นก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
หลังจากทั้งสองคนเดินแยกไปคนละทางแล้ว คนที่แอบซุ่มอยู่ก็ออกมาจากที่ซ่อนตัว เป็นสาวใช้ทั้งสองซึ่งเป็นคู่อริกับปลายฝนนั่นเอง มะลิ และ รำเพย สาวใช้รุ่นพี่ต่างก็เบะปากมองหน้ากันราวกับมีแผนร้ายในใจเสียอย่างนั้น