กรงสวาทคุณหมอ

41.0K · ยังไม่จบ
ณิการ์
25
บท
845
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หมอภีร์ แม้จะได้รับความรักจาก “เมียเด็ก” มามากเท่าไหร่แต่ในใจก็ยังหนาวเหน็บ.....แล้วใครเล่าเติมเต็มให้หมอหนุ่มได้? ++++++ “ดาวดีขึ้นรึยังฮึ ถ้าไม่ดีฉีดยาให้นะ” เขาลุกจากเตียงเดินเข้ามาถามคนตัวเล็กที่นั่งส่องกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง “หมอภีร์ฉีดยาให้คงจะป่วยหนักกว่าเดิม เพราะหมอภีร์ฉีดยาให้เนี่ยแหละ ดาวถึงปวดหัวแบบนี้ หมอหื่น!” เธอเอี้ยวหน้าหันมาเงยขึ้นพูดกับคนตัวโตที่ยืนซ้อนด้านหลังตนเอง “จะป่วยได้ยังไง ก็บอกแล้วไงว่าอยู่กับฉันจะไม่เจ็บไม่ป่วย” เขาโน้มตัวก้มหน้าลงพูดเป่ารดใบหน้าสวยหวานชมพูระเรื่อพร้อมขบเม้มปลายจมูกน้อย อือ! มือน้อยยกขึ้นลูบจมูกที่โดนกัดแล้วพูดตอบ “อยู่กับคุณหมอมีแต่จะทำให้ดาวเจ็บป่วยน่ะสิไม่ว่า ก็เล่นให้ดาวอดหลับอดนอนทุกคืนแบบนี้” “ทำไมคิดแบบนั้น ฉันเป็นหมอ เธอเจ็บป่วยอะไร ฉันก็ฉีดยาให้เธอได้ทันเวลา ออกจะดีไม่ใช่เหรอดาว” “ฉีดยาบนเตียงน่ะเหรอคะ?” เธอถามแล้วก็ยิ้มก้มหน้าซ่อนความอาย “หืม! เด็กน้อย ลืมไปรึเปล่าเข็มของฉันมันฉีดยาให้เธอได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องอยู่บนเตียง รถ ระเบียง ห้องน้ำ ห้องครัว ไหนจะ...” เขายังพูดเปรียบเทียบไม่ทันจบประโยคความ เสียงเล็กก็ร้องห้ามไว้ก่อน “หยุดพูดเลยนะคะ ดาวไม่อยากฟังแล้วหมอภีร์” “ฉันอยากบอกให้เธอรู้นี่ ว่าหมออย่างฉันน่ะขยันฉีดยาให้เธอแค่ไหน แล้วถ้าคิดว่าจะหนีไปจากฉันได้ ฝันไปเถอะเด็กน้อย และเมื่อไหร่จะมีลูกให้ฉันสักที” เขาลูบไล้เส้นผมดำยาวสลวยแล้วก็จับขึ้นมาดอมดม

ประธานคนต่ำต้อยเลขาหมอหนีแต่งงานมาเฟียรักแรกพบอุ้มบุญพาลูกกหนี18+

บทที่ 1 ไม่เจอกันนาน

ตลอดเวลาหลายปีได้ยินแต่เสียงทุ้มอ่อนโยนส่งมาในสาย วันนี้เธอจะได้เจอหน้าของเขาอีกครั้ง จำได้ครั้งแรกที่เจอกันว่าเขาอ่อนโยนมากแค่ไหน ก็หลังจากที่เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียนครั้งนั้น นายแพทย์หนุ่มภีร์ กุมารเวชศาสตร์ วัย 39 ปี ในปีนั้นนายแพทย์หนุ่มอายุ 30 ปี ได้เดินทางไปออกหน่วยแพทย์อาสาที่จังหวัดกำแพงเพชร ในวันนั้นเขาก็ได้รู้และได้ฟังเรื่องราวของเธอที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่กับคุณยายตั้งแต่จำความได้ และในตอนนั้นอ้อมดาวเพิ่งอายุได้เก้าขวบ จนเมื่อสองปีก่อนคุณยายได้จากไป อ้อมดาวหรือดาว สาวน้อยวัย 18 ปี จึงเหลือตัวคนเดียวในโลก แต่หมอภีร์ไม่ได้ปล่อยให้เธอโดดเดี่ยว จากเคว้งคว้างไร้ที่พึ่งพิงก็มีมืออ่อนโยนของคุณหมอแสนดีเข้ามาช่วยเหลือรับอุปการะเธอตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน จากที่เคยเป็นแค่เจ้าของเงินทุนส่งเธอเรียน ตอนนี้เขาขยับมาเป็นผู้ปกครองเต็มขั้น

สาวน้อยไร้เดียงสาได้สอบเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ผู้มีพระคุณและตอบแทนหมอภีร์ที่เมตตาเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรอย่างตนเอง สาวน้อยยืนส่องกระจกร้านอาหารอยู่หน้าร้านอาหารที่นัดกับผู้มีพระคุณ ใจสาวน้อยทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจที่จะได้เจอ จากที่ได้ยินแต่เสียงทุ้มอ่อนโยนมาตลอดสองปี

ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!

เสียงสั่นเตือนในกระเป๋าสะพายใบเล็กดังขึ้น เธอจึงรีบล้วงหยิบออกมากดรับสายเมื่อปลายสายเป็นหมอภีร์

“ค่ะ หมอภีร์”

“ขอโทษด้วยนะดาว วันนี้ฉันไปตามนัดไม่ได้แล้ว ทั้งๆ ที่เป็นคนนัดเธอแท้ๆ เด็กน้อย” ปลายสายส่งเสียงเครียดกลับมาในสายทำเอาใบหน้ายิ้มแย้มตื่นเต้นของสาวน้อยนั้นบิดบึ้งเสียใจ แต่ก็แสร้งยิ้มตอบกลับคนในสายไป

“ไม่เป็นไรค่ะหมอภีร์”

“ขอโทษเธอด้วยนะเด็กน้อย ไว้ครั้งหน้าฉันจะนัดอีกครั้งและไม่ผิดนัดแน่นอน”

“ไม่เป็นไรค่ะหมอภีร์ ดาวดีใจนะคะที่หมอภีร์โทรมาบอกดาว”

“ขอโทษอีกครั้งนะ แค่นี้นะเด็กน้อย”

“ค่ะ หมอภีร์”

แล้วเธอก็กดวางสายจากคุณหมอหนุ่ม ส่องกระจกหน้าร้านอาหารแล้วก็ถอนหายใจดังเดินห่างออกจากร้านด้วยใจที่ห่อเหี่ยว

ภีร์เพิ่งเสร็จจากงานลงเวรจะอาบน้ำแต่งตัวไปหาสาวน้อยตามนัด แต่ก็ต้องมาสะดุดเมื่อเจอกับผู้หญิงตรงหน้าและข้างๆ ก็มีชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตนเองหลายปี ปากหนาเม้มแน่นตั้งใจจะเดินผ่านไม่ทักทาย แต่มือเหี่ยวย่นนั้นก็เอื้อมมาคว้าจับข้อมือหนาของเขารั้งไว้

“ภีร์” น้ำเสียงอ่อนโยนแหบแห้งตามวัยเอ่ยเรียกชื่อบุตรชายที่ไม่เจอกันนานหลายปี แต่ก็ถูกลูกชายสะบัดมือทิ้งออกอย่างรังเกียจ

“อย่ามาแตะต้องผม และโปรดเรียกผมคุณภีร์ด้วยครับคุณผู้หญิง เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจะเรียกชื่อเฉยๆ แบบนี้” น้ำเสียงห้วนแข็งดังลอดออกจากริมฝีปากหนาสีชมพูสุขภาพดี

“เฮ้! พี่พูดแบบนี้กับแม่ได้ยังไง” คนที่ยืนข้างหญิงแก่เอ่ยขึ้นพร้อมเดินมาผลักอกของเขาด้วยอารมณ์ และเขาก็ทำเพียงแค่ปัดหน้าอกตัวเองตรงที่อีกฝ่ายแตะสัมผัสออกด้วยท่าทางรังเกียจ

“ใครพี่นาย ฉันมีน้องคนเดียวคือธีร์ อีกอย่างฉันไม่มีแม่ แม่ที่ทิ้งลูกตัวเองไปเลี้ยงลูกติดผัวใหม่ ฉันไม่เอามาเป็นแม่หรอกนะ และอย่ามาวุ่นวายกับชีวิตฉันอีก พาแม่ของนายกลับไปได้แล้ว” พูดจบหมอภีร์ก็เดินจากไป ไม่สนใจคนเป็นแม่ ส่วนญาดาพอได้ฟังคำพูดของลูกชายแล้วก็จุกเจ็บในอกจนน้ำตาไหลรื้นออกมาจนลูกเลี้ยงอย่างไรอันเข้ามาโอบประคองกลัวว่าแม่จะล้มทรุดไปกับพื้น

“กลับกันเถอะครับแม่” ไรอันหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษเอ่ย

“แม่อยากคุยกับพี่เขาอีกหน่อยไรอัน”

“แต่เขาไม่อยากคุยกับเรา เขาไม่นับเราเป็นครอบครัวด้วยซ้ำ” ไรอันเอ่ย

“พี่เขาเกลียดแม่ และธีร์ก็เกลียดแม่ด้วย อึก! ฮือ...” นางเอ่ยเสียงสั่นเครือ

“วันนี้กลับบ้านก่อนเถอะครับ”

ไรอันรู้ว่าแม่เลี้ยงของตัวเองรักและคิดถึงลูกชายทั้งสองมาตลอด ตอนนี้เขาและแม่เลี้ยงก็ได้เดินทางมาอยู่ไทยเพื่อดูแลอดีตสามีของแม่เลี้ยงที่กำลังป่วยโรคไต ท่านได้รับการฟอกไตและต้องมีคนคอยดูแล และแม่เลี้ยงก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของท่านที่เหลือ เขาและพ่อก็เข้าใจจึงให้ท่านกลับมาดูแลอดีตสามีโดยมีเขาตามมาช่วยดูแลด้วยและก็นึกสงสารท่าน เพราะลูกชายทั้งสองคนไม่มาดูดำดูดีแม้ว่าท่านจะป่วยก็ยังปล่อยให้ท่านอยู่บ้านคนเดียว ส่วนพ่อของเขาไม่ได้มาอยู่ด้วยจะเทียวไปเทียวมาเพราะธุรกิจอยู่ทางนั้นขาดพ่อไม่ได้

“อือ...พาแม่กลับเถอะไรอัน”

ที่มาวันนี้เพราะรอเจอลูกที่บ้านไม่ไหว ตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทยได้สองเดือน ลูกชายก็ไม่เคยกลับไปบ้านสักครั้งจนต้องมาเจอที่โรงพยาบาล ส่วนลูกชายคนเล็กก็ไม่ต่างกันกับพี่ชาย นางรู้ว่าตอนจากไปนางทำให้ภีร์และธีร์เสียใจ นางกับอดีตสามีเป็นแม่และพ่อที่แย่สำหรับทั้งสองจึงทำให้ทั้งสองโตมาเป็นคนแข็งกร้าวแบบทุกวันนี้

“ครับ” แล้วไรอันก็โอบประคองพาแม่เลี้ยงของตนเดินออกจากตรงนี้เพื่อจะกลับบ้าน

ปึก!

พอกลับมาห้องทำงานก็ทุบมือกับโต๊ะทำงานด้วยความขุ่นเคือง ภาพของแม่และลูกเลี้ยงของแม่ มันทำให้เขาหงุดหงิดโมโหจนต้องกำมือแน่นเข้าหากัน ไรอันเป็นใครกัน ทำไมถึงมาแย่งแม่ไปจากเขากับน้องชาย เมื่อแม่เลือกครอบครัวใหม่แล้ว ทำไมต้องกลับมายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเล่า

แอค!

ประตูห้องทำงานเปิดผลักเข้ามาทำให้เขาหันขวับไปมองคนที่เปิดเข้ามา

“ผู้หญิงคนนั้นก็มาหาพี่เหมือนกันเหรอ?” ธีร์ น้องของเขานั่นเองเปิดผลักเข้ามา เขาและน้องชายเป็นหมอประจำโรงพยาบาลเดียวกัน

“ไปหาแกเหมือนกัน?”

“อือ...ไปรอผมที่ห้องทำงานเลยแหละ”

“ทำไมต้องกลับมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่”

“นั่นดิ กลับมาเรียกร้องความเป็นแม่จากเราทำไม ตัวเองก็มีลูกเลี้ยงอยู่แล้ว จะมายุ่งอะไรกับเราก็ไม่รู้” ธีร์เห็นด้วยกับพี่ชาย

“ไปดื่มกันไหม”

“ไปดิพี่”

“ออกเวรพอดี แกล่ะธีร์”

“เหมือนกันครับ”

“งั้นก็ไปเปลี่ยนชุดเถอะ พี่ก็จะเปลี่ยนชุดเหมือนกัน”

“อือ...ผมจะบอกพี่ว่าค่าจ้างพยาบาลพิเศษที่ดูแลพ่อที่บ้าน ผมจ่ายแล้วนะเดือนนี้ และค่าเด็กรับใช้ คนสวน คนขับรถ แม่ครัว ผมก็จ่ายหมดแล้วเดือนนี้”

“อือ...พี่ก็ลืมไปเลย ทำแต่งานจนลืมเรื่องค่าจ้างพวกเขา”

“ผมรู้ไงถึงจ่ายก่อนแล้ว ไปเปลี่ยนชุดละ เจอกันที่รถ วันนี้เอารถพี่ไปนะ”

“อือ...แกขับ”

“ไม่มีปัญหา”

หึ!

หมอภีร์มองน้องชายอายุห่างกับตนสี่ปีเดินออกจากห้องทำงานตัวเองไปก็หันกลับมาสนใจตัวเอง