บทที่ 2 ไม่เจอกันนาน
น้ำสีอำพันแก้วแล้วแก้วเล่าถูกกระดกเข้าปากไหลผ่านลำคอรวดเดียวทุกครั้งที่น้องชายรินเติมให้ จนตอนนี้เริ่มมึนเมาตาลายแล้ว แต่ก็ยังมีสติทุกอย่าง
“ผมมีเวรพรุ่งนี้เช้า ดื่มเยอะไม่ได้” ธีร์บอกพี่ชาย
“แกกลับก่อนพี่เถอะ พี่หยุดพรุ่งนี้”
“ขับรถกลับไม่ไหวก็นั่งแท็กซี่กลับนะพี่ อย่าฝืนตัวเองถ้าเมาแล้ว”
“เออ! ไม่ต้องมาบอก ไปเถอะ เนี่ยก็ห้าทุ่มแล้ว พี่ดื่มอีกสองสามแก้วก็จะกลับ”
“งั้นผมไปนะ”
อือ
หมอธีร์มองพี่ชายจนแน่ใจว่าไม่น่าเป็นห่วงก็เดินออกจากร้านเพื่อไปเรียกแท็กซี่กลับโรงพยาบาล มีบ้าน มีคอนโดให้กลับ แต่ชอบนอนที่ห้องพักทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้มากกว่า เพราะมันสะดวกสบายเวลาเดินทางไปทำงาน
พอน้องชายกลับแล้ว ภีร์ก็จัดการน้ำสีอำพันในขวดคนเดียว จากรินใส่แก้วก็เป็นยกขวดกระดกดื่มรวดเดียวให้ลืมเรื่องราวเมื่อกลางวันในวันนี้
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
เสียงสั่นเตือนโทรศัพท์ปลุกเจ้าของเครื่องที่เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงให้ตื่นนอนมากดรับสาย อ้อมดาวงัวเงียคลำมือหาโทรศัพท์แล้วกดรับสายโดยไม่ดูว่าเป็นใครโทรมาหาตนเวลาดึกดื่นเช่นนี้
“ใครคะ? อา..” เธอกรอกเสียงถามปลายสายพร้อมปิดปากยกมือหาว
“ฉันเองดาว”
“หมอภีร์” อ้อมดาวตื่นเต็มตาทันทีเมื่อได้ยินเสียงปลายสายแล้วดึงโทรศัพท์ออกจากหูมาดูเบอร์ก็อมยิ้มเขินแล้วนำกลับไปแนบหูพูดต่อ
“นอนรึยังดาว”
“ยังค่ะ ดาวยังไม่นอนค่ะหมอภีร์” เธอรีบตอบเขาแม้ว่าเขาจะโทรมาปลุกตัวเองกลางดึกก็เถอะ แต่ขอแค่เป็นผู้ชายในสาย ไม่ว่าจะหลับหรือทำอะไร เธอก็อยากจะคุย
“คุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม รบกวนรึเปล่าดาว”
“ไม่รบกวนค่ะ หรือจะให้ดาวไปหาก็ได้นะคะตอนนี้”
“อือ...มันดึกแล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กออกมาหาผู้ชายดึกๆ ดื่นๆ ไม่ดี” หมอหนุ่มเอ่ยตอบกลับมา
“แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นหมอภีร์ ยังไงดาวก็ปลอดภัยค่ะ” สาวน้อยส่งเสียงตอบกลับไปในสาย
“หึหึ...เอาอะไรมาแน่ใจว่าอยู่กับฉันแล้วปลอดภัย อึก!” แล้วเขาก็สะอึก ตอนนี้ภีร์อยากหาผู้รับฟังความเจ็บปวดของตัวเอง และมีแค่อ้อมดาวเท่านั้นที่เขาไว้ใจจะเล่าให้ฟัง
“เพราะเป็นหมอภีร์ยังไงคะ หมอภีร์มีแต่ให้ดาวไม่เคยทำร้ายดาวสักครั้ง”
“เธอยังไม่รู้จักฉันดีเด็กน้อย เธอรู้จักฉันผ่านเสียงเท่านั้น” น้ำเสียงทุ้มตอบกลับมาในสาย
“ดาวเคยเจอหมอภีร์สองครั้งจะว่าผ่านเสียงได้ยังไงคะ”
“แต่สองปีมานี้เราไม่ได้เจอกัน ฉันและเธออาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง อาจไม่เหมือนเดิมที่เคยเห็นแล้วก็ได้เด็กน้อย”
“ดาวยังเป็นเด็กน้อยของหมอภีร์เหมือนเดิมค่ะ ไม่ว่าจะวันแรกที่หมอภีร์เจอจนตอนนี้ดาวก็ยังเป็นเด็กน้อยขี้แยของคุณหมอเหมือนเดิมค่ะ”
“หึหึ...ฉันจะพยายามเชื่อ รู้อะไรไหม เวลาเปลี่ยนอะไรๆ ก็เปลี่ยน แม้แต่จิตใจของคน เฮอะ!” เขาพูดแล้วก็นึกถึงมารดาผู้ให้กำเนิดของตนเองแล้วเม้มปากแน่น น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลอาบล้นออกมานอกดวงตาสีน้ำตาลเข้ม
“กับคนอื่นดาวไม่รู้ แต่สำหรับดาวแล้วยังเหมือนเดิมค่ะ ดาวจะอยู่กับหมอภีร์จนกว่าหมอภีร์จะไม่ต้องการเด็กคนนี้แล้วค่ะ” สาวน้อยตอบกลับเสียงใสและรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงปลายสายว่าเขากำลังเจ็บปวดและร้องไห้อยู่ เป็นแบบนี้ทุกครั้งยามเขาโทรหากลางดึกและไม่ต้องเดาว่าเขาดื่มหรือไม่ดื่ม เขาดื่มและเมาอยู่แน่ๆ
“เธอปีกกล้าขาแข็ง เธอก็จะไม่เห็นหัวฉันแล้วดาว ตอนนี้เธอยังต้องพึ่งพาเงินของฉันในการเรียน พอฉันหมดประโยชน์ เธอ...” ยังไม่ทันได้พูดจบ สาวน้อยก็พูดแทรกส่งกลับไป
“ไม่มีวันนั้นค่ะ ดาวจะไปจากหมอภีร์ก็ต่อเมื่อหมอภีร์ไล่และไม่ต้องการดาวแล้ว ตอนนี้หมอภีร์อยู่ไหนคะ ดาวจะไปหา” เมื่อก่อนอ้อมดาวอยู่ต่างจังหวัดไปหาภีร์ไม่ได้ แต่ตอนนี้เธออยู่กรุงเทพฯ สามารถไปหาไปปลอบและฟังเขาปรับทุกข์ระบายความเจ็บปวดในใจได้ แม้ว่าตอนนี้หอพักจะปิดแล้วก็ตาม แต่เธอก็สามารถหาวิธีขอผู้คุมหอพักออกไปหาเขาได้
“มันดึกแล้ว อันตราย”
“ดาวเป็นห่วงหมอภีร์มากกว่าค่ะ ตอนนี้อยู่ไหนคะ ดาวจะไปหา”
“มีแค่เธอที่เป็นห่วงฉัน ขอบใจมากดาว ขอบใจ”
“บอกดาวมาค่ะ อยู่ไหนคะ ดาวจะไปหาตอนนี้”
“ฉันอยู่ร้าน...มาถึงโทรบอกนะ จะออกไปหาที่หน้าร้านแล้วกลับด้วยกัน”
“ค่ะ และเลิกดื่มด้วยนะคะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
“อือ...ขอบใจเด็กน้อย” แล้วหมอหนุ่มก็ตัดวางสายจากเธอ ส่วนอ้อมดาวพอวางสายก็ลุกขึ้นลงจากเตียงของตัวเองเปิดไฟหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนจนทำให้เพื่อนร่วมห้องด้วยตื่น เธอจึงรีบขอโทษเพื่อนและบอกเพื่อนว่าจะออกไปข้างนอกจะกลับเช้า ไหนๆ ก็มีเรียนตอนบ่ายกลับเช้าได้