ตอนที่ 7 คนรักเช่นไรกันปล่อยให้เจ้ายืนหนาวเช่นนี้หลายชั่วยาม
"ท่านอ๋อง ท่านอ๋องนั้นท่านจะไปที่ใด"
หวังเหล่ยเอ่ยถามพลางหันมาบอกโม่โฉ่วให้นำรถม้าตามไป และรีบวิ่งไปหาผู้เป็นนาย
ลู่เข่อซินที่กำลังมองทางขึ้นเขามานานนับชั่วยามแต่ก็ไม่เห็นคนรักปรากฏตัวเสียที ถึงแม้ว่านางจะชอบอากาศหนาวแต่นี่ก็หนาวเกินไปจนแทบจะทนมิได้แล้ว และกลัวว่าชายหนุ่มจะลืมอีกเพราะเขามักจะทำงานยุ่งจนลืมเช่นนี้อยู่เสียบ่อยๆ แต่ขณะนั้นเองดวงตางามก็เห็นคนผู้หนึ่งเดินมาแต่ไกล หญิงสาวหรี่ตามองคนผู้นั้นก่อนจะพบว่าท่าทีการเดินอีกทั้งรูปร่างดูคุ้นตาไม่น้อย
"ท่านอ๋อง"
ลู่เข่อซินพึมพำออกมาเบาๆ มองร่างใหญ่ที่ตรงดิ่งเดินมาหาตนเอง
"คารวะท่านอ๋องเพคะ"
หญิงสาวรีบย่อกายทำความเคารพชายหนุ่มทันที นางทำตัวไม่ถูกที่ได้พบเขาที่นี่ และได้พบคนใหญ่คนโตขณะที่ไม่มีผู้เป็นนายอยู่ด้วย ใครจะคิดว่าคนเช่นเขาจะเดินเข้ามาหานางเองกัน
"คราวก่อนข้าเคยบอกให้เจ้าพูดกับข้าเช่นไร"
"คราวก่อนหรือเพคะ"
ใบหน้างามเอียงถามด้วยความสงสัยอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบก้มหน้ามองเท้าตนเองที่พื้น
"กลัวข้าหรือ"
"ปะ.....เปล่าเจ้าค่ะ"
ถึงแม้ใจในของนางจะหวาดกลัวแต่ก็ไม่อาจพูดคำนั้นออกไปได้ เขาว่ากันว่าคำพูดของท่านอ๋องมีค่ายิ่งกว่าเงินทอง อีกทั้งเมื่อสักครู่เขาพูดกับนางไปกี่คำกันนะแล้วนางต้องจ่ายเงินหรือไม่
"เช่นนั้นก็เงยหน้าพูดกับข้าดีๆ"
"เพคะ"
หญิงสาวเอ่ยพลางเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างว่าง่าย เป็นอีกครั้งที่ตนเองได้เห็นหน้าท่านอ๋องใกล้ๆเช่นนี้ สมกับคำที่คนเขาลือว่ารูปงามมิผิดไปแม้คำเดียว ใบหน้าของเขาดูนิ่งเรียบกว่าทุกครั้งเหมือนว่าโมโหอันใดหรือใครมาเสียอย่างนั้น
"คราวก่อนข้าบอกให้เจ้าเอ่ยเช่นไร เลิกใช้คำราชาศัพท์ผิดๆกับข้าและเอ่ยเหมือนคนปกติได้แล้ว"
"เพคะ เอ่อ.... เจ้าค่ะ"
หญิงสาวถามคำตอบคำกลัวว่าตนเองจะพูดอันใดผิดไป เรื่องที่ชายหนุ่มเข้ามาทักทายตนก็เป็นไปได้ยากอยู่แล้ว หากนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกกระมัง เมื่อชายหนุ่มไม่เอ่ยถามนางก็ไม่เอ่ยตอบทำให้บรรยากาศเงียบไป
"ขึ้นรถม้า"
"ขึ้นทำไมเจ้าคะ"
ลู่เข่อซินเอ่ยถามด้วยความสงสัย นางไม่เข้าใจจริงๆนั้นแหล่ะ
"เจ้ากำลังจะลงเขามิใช่หรือ หิมะตกหนักเช่นนี้ไม่มีรถม้าขึ้นมารับเจ้าแล้วล่ะ"
"มิเป็นไรเจ้าค่ะท่านอ๋อง ข้ามิได้รอรถม้าแต่กำลังรอคนรักของข้ามารับ"
คำพูดของหญิงสาวทำเอาร่างใหญ่ไปไม่พูด ยามที่นางเอ่ยเรียกชายผู้นั้นว่าคนรักทำเอาเขารู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
"คนรักกันเช่นไรถึงปล่อยให้เจ้ายืนตากหิมะท่ามกลางอากาศหนาวเช่นนี้มาหลายชั่วยาม หากเจ้ามิขึ้นรถม้าข้าจะไล่เขาออกจากตำแหน่งรองแม่ทัพซะ"
คำขู่ของชายหนุ่มดูเหมือนจะได้ผล คนตัวเล็กยอมเดินตามร่างใหญ่แต่โดยดี โจวหนิงเฉินขึ้นรถม้าไปก่อนแล้วแต่นางไม่ยอมเข้าไปในรถม้าเสียที
"แม่นางลู่เจ้าเข้าไปนั่งด้านในกับท่านอ๋องเถิด"
หวังเหล่ยหวังดีรีบเอ่ยบอกหญิงสาว
"มิเอาเจ้าค่ะ ข้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้จะกล้าเข้าไปนั่งกับท่านอ๋องได้อย่างไร"
หญิงสาวเอ่ยออกไปตามตรง ขนาดจวนหลี่นางยังไม่มีสิทธิ์เข้าไปนั่งที่ด้านในรถม้าเลย คนผู้นี้เป็นถึงผู้ใดกันให้ตายนางก็ไม่เข้าไปเด็ดขาด โจวหนิงเฉินดูเหมือนจะได้ยินที่นางสนทนาจึงไม่ทำให้นางลำบากใจ ถอดเสื้อคลุมของตนเองที่สวมอยู่ให้ผู้ช่วยนำไปให้นาง คราแรกหญิงสาวก็ปฏิเสธแต่ก็ไม่เป็นผล จึงรับเสื้อคลุมขนจิ้งจอกมาคลุมตนเองไว้
"ลงเขาเถิด"
สิ้นคำรถม้าก็เคลื่อนตัวลงจากเขา ร่างบางกระชับเสื้อคลุมของชายหนุ่มแน่น มันตัวใหญ่มากจนนางสามารถคลุมตัวเป็นผ้าห่มได้เลย ความอุ่นจากตัวชายหนุ่มยังหลงเหลืออยู่ติดเสื้อ
'กลิ่นหอมสะอาดเฉพาะตัวที่ถิงถิงเคบบอกหอมมาจริงๆด้วย เหมือนกับว่านางกำลังถูกโอบกอดโดยเขาอย่างไรไม่รู้ แล้วท่านอ๋องรู้ได้เช่นไรกับว่าขาอยู่ตรงนี้มาหลายชั่วยามแล้ว' หญิงสาวเอ่ยกับตนเองในใจ ขณะที่ดมเสื้อคลุมนั้น แต่ก็ต้องสลัดความคิดตนเองทิ้งไป นางมีคนรักอยู่แล้วจะมาคิดเรื่องแบบนี้กับชายอื่นไม่ได้เดฺ็ดขาด
