บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 คราแรกที่พบเจ้า

6 วันผ่านไป (ณ จวนตระกูลโจว )

แสงอาทิตย์ช่วงปลายยามเฉินสอดส่องเข้ามาภายในตำหนักในช่วงหลายวัน ท้องฟ้าเปิดเช่นนี้พาให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นมาบ้าง ร่างใหญ่ถือชาร้อนในมือออกมาดื่มด้านนอกศาลาที่ยื่นออกมาจากตำหนัก จวนแห่งนี้กว้างกว่าห้าสิบหมู่ เรือนที่ชายหนุ่มพักอยู่ใหญ่และหรูหราจนถูกเรียกว่าตำหนัก ส่วนสถานที่อื่นๆ มีมากกว่าสิบเรือน พื้นที่โดยรอบงดงามและเงียบสงบเหมือนอย่างที่เจ้าของจวนชื่นชอบ

"เรียนท่านอ๋อง พวกนางคือสตรีที่ฝ่าบาทส่งมาเจ้าค่ะ"

แม่นมลี่ฉุนเอ่ยบอกผู้เป็นนาย ดวงตาคมหันมามองสตรีแต่งกายน้อยชิ้นทั้งที่อากาศหนาว แต่งแต้มใบหน้าสีสดอีกทั้งประโคมเครื่องหอมจนกลิ่นฉุนชวนอาเจียน

"คารวะท่านอ๋อง"

สตรีสามนางจีบปากจีบคอเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม หวังพิชิตใจชายหนุ่มอย่างสุดความสามารถ แต่กลับถูกฝ่ามือใหญ่ปัดไล่หนีอย่างไม่ไว้หน้า แม่นมลี่ชุนรู้หน้าที่ดีจึงได้รีบพาพวกหญิงสาวออกไปทันที

"หากฝ่าบาทส่งพวกนางมาอีก บอกว่าข้าจะจับพวกนางมัดแล้วไปทิ้งที่วังหลังของเขา"

เสียงเข้มเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง หลายคราที่น้องชายส่งหญิงงามมากมายมา เพราะด้วยเห็นว่าเขามิคิดสมรสกับผู้ใด อยู่ตัวผู้เดียวไร้พันธะ ช่วงแรกก็ไม่อาจปฏิเสธแต่ภายหลังรับพวกนางไว้ไม่ได้แล้ว ถึงเขาจะไม่แตะต้องพวกนางก็ตาม ความวุ่นวายในจวนส่วนใหญ่ก็เกิดจากเรื่องนี้ จนคนร่ำลือว่าจวนอ๋องโหดร้าย ป่าเถื่อน นั้นเป็นเพราะพวกนางตบตีชิงดีชิงเด่นกันเอง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใจดีเช่นกันข่าวลือจะเกิดขึ้นได้เช่นไรหากไม่มีมูล อะไรที่รบกวนความสงบก็ไม่เก็บไว้ให้รกหูรกตา

"ขอรับท่านอ๋อง"

พ่อบ้านนามเนี่ยนเจินเอ่ยพรางเดินตามแม่นมลี่ฉุนไป จวนแห่งนี้มีบ่าวรับใช้กว่าห้าสิบชีวิตแต่กลับมีนายเพียงคนเดียว ทุกอย่างถูกจัดการอย่างเป็นระเบียบและดีที่สุดเหมาะสมกับค่าตอบแทนที่มากกว่าจวนอื่นๆ

จ๊อก~

เสียงชาร้อนกระทบกับถ้วยหรู มันมีราคายิ่งกว่าชีวิตของคนบางคนเสียอีก หวังเหล่ยผู้ช่วยคนสนิทรินชาให้ผู้เป็นนาย เขาคือหนึ่งในสามของผู้ช่วยและมีอายุน้อยสุด อีกสองคนคือโม่โฉ่วและพี่ใหญ่เฟยอิน

"พรุ่งนี้เป็นวันครบห้าปีวันตายของบิดาและมารดาแม่นางลู่เข่อซินขอรับท่านอ๋อง ปีนี้ท่านจะไปเองหรือไม่ขอรับ"

"ไม่ล่ะ เจ้าเอาของไปเซ่นไหว้เช่นเดิม"

โจวหนิงเฉินเอ่ยพลางยกชาขึ้นดื่ม อีกไม่นานบุตรสาวของทั้งคู่จะออกเรือน นางคงพาคนรักไปไหว้พวกเขา ชายหนุ่มไม่อยากเห็นภาพที่ทั้งคู่หวานชื่นเช่นนั้น

.....

เมื่อห้าปีที่แล้ว

ค่ำคืนที่สว่างสไวแต่มิได้มาจากโคมไฟแต่เป็นเปลวเพลิงที่ลุกโชนโหมกระหน่ำดังพายุ ร่างใหญ่เต็มไปด้วยบาดแผลและชุ่มด้วยโลหิตทั้งตัว อาภรณ์ขาดริ้ว ใบหน้าและเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเขม่าสีดำจากกองเพลิง หนีตายจากโรงเตี๊ยมที่ถูกไฟไหม้จนแทบเอาชีวิตไม่รอด นอกจากจะต้องคลานหนีเปลวเพลิงแล้วยังต้องซ่อนตัวจากคนร้ายนับสิบที่ดักรออยู่ด้านนอก ขณะที่กำลังตะเกียกตะกายอยู่นั้นกลับถูกมือคนผู้หนึ่งดึงเข้าไปหลบในซอกเก็บฟืนไม่ไกลจากโรงเตี๊ยม

"ท่าน....ท่านตายหรือยัง"

เสียงของสตรีตัวเล็กเอ่ยถามเขาด้วยเสียงสั่นเครือ ดูเหมือนว่านางเองก็กลัวไม่น้อยเช่นกัน

"หากเจ้ายังไม่อยากตายจริงๆก็พาข้าออกไปจากตรงนี้ เจ้าจะให้ฟืนพวกนี้ติดไฟแล้วเผาพวกเราตายหรืออย่างไร"

เสียงแหบแห้งเพราะความเหนื่อยและเจ็บปวดเอ่ยตำหนิหญิงสาว ลู่เข่อซินพาดแขนหนาที่ไหล่ก่อนจะพาเขาออกไปด้วยท่าทีทุลักทุเล เนื่องด้วยขนาดตัวและความสูงของทั้งคู่ต่างกันมากเกินไป จนเกือบล้มไปหลายครั้ง โจวหนิงเฉินมองสภาพตนเองถึงใบหน้าจะดำเพราะเขม่าไฟจนมองไม่ออกว่าเป็นเขา แต่อาภรณ์ขาดริ้วที่สวมใส่ก็ยังเป็นเขาอยู่

"เปลื้องผ้าข้าซะ"

เสียงเข้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

"ทะ....ท่านพูดอันใดกัน"

หญิงสาวไม่เอ่ยเปล่าแต่ยังปล่อยร่างใหญ่ให้ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรง โจวหนิงเฉินกระอักเลือดออกมาคำโตเนื่องด้วยสภาพร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส คนตัวเล็กมีสีหน้าลำบากใจตอนนี้นางพึ่งอายุได้เพียงสิบเจ็ดเท่านั้น ยังมิได้ออกเรือนอีกทั้งคนรักก็ยังไม่มีจะมาให้เปลื้องผ้าบุรุษที่ใดไม่รู้ได้อย่างไรกัน

"มิปิดบัง ข้ากำลังถูกตามฆ่า หากเจ้ามิอยากตายก็รีบไปจากข้าซะ!"

โจวหนิงเฉินตะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดก็ถอยห่างเขาหนึ่งก้าวทันที นางก็ไม่อยากเอาชีวิตตนเองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเสี่ยงอันตรายเช่นกัน ดวงตางามละจากร่างใหญ่มองไปยังเปลวเพลิงที่เริ่มลามเข้ามาเรื่อยๆ การตัดสินใจมีเพียงเสี้ยววิเท่านั้น หนึ่งคือรีบหนีไปทำเหมือนว่าไม่เคยเจอเขามาก่อน สองคือพาเขาออกไปจากที่นี่โดยอาจมีมือสังหารพบเขาเข้าและจัดการฆ่านางตามไปด้วย

ไวเท่าความคิดหญิงสาววิ่งออกจากโรงเก็บฟืนทันที ร่างใหญ่มองตามแผ่นหลังบาง เปลวเพลงสะท้อนในดวงตาคม เขาไม่สามารถพาตนเองหนีออกไปจากที่นี่ได้เลย ลูกธนูสองดอกยังคงปักคาที่หน้าท้องและไหล่ข้างซ้ายอยู่เลย ขาสองข้างก็ถูกคานจากโรงเตี๊ยมหล่นมาทับจนขยับแทบมิได้ แต่จังหวะที่ชายหนุ่มกำลังสิ้นหวังอยู่นั้น กลับเห็นร่างเล็กกลับวิ่งมาหาเขาพร้อมกับอาภรณ์เก่าๆในมือ

"เจ้า....."

"ท่านใช้เศษผ้านี้คลุมร่างกายไปก่อนนะ"

หญิงสาวเอ่ยพลางทำใจอยู่ชั่วครู่ จากนั้นดึงอาภรณ์ที่ขาดริ้วออกจากร่างกายเขา ดวงตางามไม่ทันจะได้มองภาพเปลือยเปล่านั้นด้วยซ้ำ แสงสว่างจากเปลวเพลิงที่ใกล้เข้ามาทำให้นางเพียงเห็นร่างๆเท่านั้น จากนั้นสวมเศษผ้าให้เขา เดิมวันนี้นางต้องเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปถึงสองคนพร้อมกัน หากคนผู้นี้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปแทนคนที่จากไปก็นับว่าดีไม่น้อย

"ท่านพร้อมหรือไม่"

หญิงสาวเอ่ยพลางพยุงร่างใหญ่ให้ลุกขึ้น โจวหนิงเฉินพยักหน้าให้นาง ก่อนจะค่อยๆยันกายตนเองออกไปจากโรงเก็บฟืน คานไม้ที่ไฟลามมาไม่ห่างตกลงบริเวณที่ทั้งคู่อยู่หลังออกไปเพียงเสี้ยววิเท่านั้น หากช้าอีกหน่อยคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว นางพาเขามายังเรือนของชาวบ้านที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ ด้านหลังมีบ่อน้ำสำหรับซักผ้าพอดี ไฟคงไม่ลามเร็วมาถึงตรงนี้เป็นแน่

"ข้าช่วยท่านได้เท่านี้ หวังว่าท่านจะรอดพ้นจากมือสังหาร และ....และมิใช่คนไม่ดี"

นางเองก็ไม่ได้อยากช่วยพวกคนชั่ว ดูจากอาภรณ์เครื่องแต่งกายของเขาก่อนหน้าคงเป็นขุนนางใหญ่โตสักตำแหน่งเป็นแน่

"อีกไม่นานคนของข้าคงมาช่วย ขอบใจเจ้ามาก"

โจวหนิงเฉินเอ่ยออกมาเบาๆ ร่างบางล้วงเอายาในแขนเสื้อยัดเข้ามือชายหนุ่ม

"เดิมทียานี้ข้าตั้งใจซื้อไปให้ท่านพ่อ แต่มันไม่ทันเสียแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่ามันมีวาสนาต่อท่าน"

เดิมทีเมื่อช่วงสายวันนี้นางตั้งใจนำยาแก้ปวดไปให้บิดาที่นอนป่วย แต่พอกลับไปถึงเรือนกลับพบว่าท่านจากไปแล้ว มารดาที่นอนป่วยอยู่ข้างๆ ก็สิ้นใจตามไปอีกเพียงสองชั่วยามต่อจากนั้น เพราะครอบครัวของนางจนอีกทั้งท่านพ่อท่านแม่ติดโรคระบาด ไม่มีเงินซื้อยารักษาจึงได้นอนป่วยมาแรมเดือนและจากไปในที่สุด ในหนึ่งวันหญิงสาวตัวเล็กๆไร้ที่พึ่งต้องแตกสลายถึงสองคราในวันเดียว นางตั้งใจมายืมเงินสหายที่ทำงานในโรงเตี๊ยมไปจัดงานศพให้พวกท่านแต่ไม่คิดว่าจะเกิดไฟไหม้เช่นนี้

"เจ้ามีนามว่าอันใด"

ก่อนหญิงสาวจะจากไป ร่างใหญ่ที่หายใจรวยรินพิงถังน้ำใหญ่เอ่ยถามหญิงสาว

"ท่านคงไม่อยากรู้จักสตรีที่เจอท่านคราแรก ท่านก็เปลือยผ้าต่อหน้าข้าหรอกกระมัง มิต้องห่วงอย่างไรเสียสภาพท่านเช่นนี้เจอกันคราหน้าก็คงจำท่านมิได้"

หญิงสาวไม่เอ่ยเปล่ายังสาดน้ำไปหนึ่งถังใส่ชายหนุ่มอีกด้วย หวังว่าไฟที่กำลังลามมาจะช้ากว่าคนที่มาช่วยเขานะ หลังสาดน้ำราดตัวชายหนุ่มเสร็จนางก็ไม่ได้หันมาสนใจเขาอีก รีบออกไปให้เร็วที่สุด โจวหนิงเฉินมองตามหญิงสาวที่วิ่งออกไปพลางมองยาในมือ และยัดมันใส่ปากพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่....

ปัจจุบัน

หวังเหล่ยมองผู้เป็นนายที่กำลังเหม่อลอย เขาเองก็ไม่อยากเห็นท่านอ๋องเศร้าใจเช่นนี้เหมือนกัน จวนกว้างใหญ่เช่นนี้กลับมีเขาอาศัยอยู่เพียงคนเดียว เขาลามือจากกองทัพละทิ้งจากอำนาจที่อยู่ในมือให้ผู้เป็นน้องชายขึ้นเป็นกษัตริย์ ออกมาอยู่นอกวังเพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวาย ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแต่ก็ยังไม่วายถูกขุนนางบางคนที่ไม่อาจให้เขามีชีวิตอยู่ได้ นั้นก็แน่อยู่แล้วอดีตแม่ทัพผู้องอาจเป็นที่รักของชาวประชา ความสามารถทั้งบู๊และบุ๋นกลับยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับผู้เป็นน้องชายง่ายๆ ก็ต้องมีคนหวาดระแวงเขาอยู่ดี

"พิธีแต่งตั้งรองแม่ทัพเจียวมิ่งอย่างเป็นทางการในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าขอรับ แต่ท่านแม่ทัพเพ่ยประกาศต่อกองทัพให้เขาทำงานในตำแหน่งแล้วขอรับ"

"อื้ม"

เพราะอยากให้หญิงสาวสบายเสียหน่อย มิต้องมาทำงานหนักเป็นบ่าวรับใช้ก็เลยให้คนที่นางรักดูแลนางดีๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องดูความสามารถเจียวมิ่งด้วย เพราะเขาไม่สามารถช่วงนางตรงๆได้ จึงทำได้เพียงเท่านี้

"นั่นท่านอ่องจะไปที่ใดกันขอรับ"

หวังเหล่ยเอ่ยถามผู้เป็นนายที่จู่ๆก็ลุกขึ้นและเดินออกไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel