ตอนที่ 18 หลายปีที่ข้ามาจวนหลี่บ่อยๆครานี้คงรู้แล้วว่าเป็นเพราะผู้ใด
บรรยากาศภายในห้องโถงใหญ่บรรยากาศเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ทุกคนมาพร้อมหน้าตากันที่นี่ หลี่จื่อหานไม่รู้ว่าจะเริ่มเอ่ยบทสนทนาเช่นไร โจวหนิงเฉินเองก็อยู่ไม่เป็นสุขเนื่องด้วยตอนนี้ที่ห้องพักบ่าวรับใช้ท่านหมอกำลังรักษาลู่เข่อซินอยู่ เขาอยากไปดูนางใจแทบขาดแต่ไม่สามารถไปได้ ดวงตาคมหันมองไปยังทิศที่หญิงสาวอยู่บ่อยครั้ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่กล้าไปหานางแต่เพียงไม่รู้ว่าจะไปในฐานะอันใด เพราะเขาเป็นห่วงนางอย่างนั้นหรือ เขากับนางก็ไม่ใช่คนรู้จักกันอีกทั้งนางเป็นคนรักของผู้อื่น เขาไปยุ่งวุ่นวายเช่นนี้คนอื่นจะพูดถึงนางอย่างไรกัน
"เอ่อ....ขออภัยที่ให้ท่านอ๋องต้องเห็นภาพที่ไม่รื่นรมย์ขอรับ"
หลี่จื่อหานเอ่ยเริ่มบทสนทนา เขาไม่รู้ว่าเช่นไรที่จู่ๆท่านอ๋องจะมาที่จวนวันนี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นแน่ สายตาของเขาส่งไปตำหนิหลี่เมิ่งเหยาแต่หลี่ซูฮวา
"ข้าเองก็มาโดยที่ไม่ได้บอกเสนาบดีหลี่ล่วงหน้าเช่นกัน มิทราบว่าสาวใช้ที่ถูกโบยนางทำอันใดผิดหรือ"
ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่สีหน้ากลับแสดงออกว่าอยากได้คำตอบที่น่าพอใจ ประโยคหลังหันไปถามหลี่ซูฮวาที่ยืนอยู่ข้างๆมารดา
"พวกสาวใช้ก็เป็นเช่นนี้แหละขอรับ พวกนางมิเคยมีเหมือนพพวกเราพอเห็นอันใดที่ตนไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัส ก็เกิดความโลภอยากได้ไปครอบครอง พวกเราจึงต้องสั่งสอนนางเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เพื่อไม่ให้พวกนางทำผิดอีกและเป็นแบบอย่างให้สาวใช้คนอื่นๆ"
หลี่จื่อหานแก้ต่างแทนบุตรสาว เพราะพวกนางก็แค่สาวใช้ธรรมดา
"โบยห้าสิบไม้เรียกเล็กๆน้อยๆหรือ อีกนิดเดียวนางก็ตายได้แล้ว"
จำนวนไม้ที่โดนโบยอีกทั้งน้ำหนักที่ลงไม้แต่ละครั้ง มันมากพอที่จะกำจัดคนผู้หนึ่งให้ตาย ต้องเจ็บตอนโดนโบยแล้วยังต้องทุกข์ทรมานกว่าบาดแผลจะหายดีด้วย
"พวกนางเป็นเพียงแค่สาวใช้ เดี๋ยวไม่นานก็หายดีแล้วขอรับ"
"ท่านจะบอกว่าผิวหนังของสาวใช้ไม่เหมือนพวกเรา ไม่เจ็บเท่า หายเร็วกว่า อะไรแบบนั้นใช่หรือไม่"
น้ำเสียงของชายหนุ่มดูจริงจังมากจนหลี่จื่อหานรู้สึกตัวเล็กลง
"เช่นนั้นลองให้คุณหนูหลี่ซูฮวาถูกโบยดูบ้างหรือไม่ หากห้าสิบไม้มากไปเช่นนั้นก็สักสี่สิบไม้เหมือนที่แม่นางลู่โดนเป็นเช่นไร"
"เอ่อ...ฮ่าๆจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับท่านอ๋อง นางมิได้ทำอันใดผิดเสียหน่อย"
เมื่อเห็นท่าทางของบุตรสาวเขาก็อยู่ไม่เป็นสุข หลี่ซูฮวาเป็นคุณหนูใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี อย่าว่าแต่ตีนางเลยแค่ดุด่าก็มิเคย หากจะโบยนางคงสลบไปตั้งแต่ไม้แรกแล้วกระมัง อีกทั้งนางเป็นคุณหนูในห้องหอไหนเลยจะมีรอยแผลเป็นได้
"ทำอันใดผิด.....ไม่ทราบว่าคุณหนูซูฮวารู้หรือไม่ว่าตนเองทำอันใดผิด"
โจวหนิงเฉินหันมาถามหญิงสาวที่ยืนก้มหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องให้ หลี่จื่อหานใบหน้าเริ่มมีน้ำโห หลี่ซูฮวารู้ดีว่าตอนนี้บิดาของนางโกรธมากๆแล้ว มือเรียวกำเข้ากันแน่นก่อนจะเดินออกมาด้านหน้าและคุกเข่าลง
"นางมาทวงพู่กันคืนเจ้าค่ะ"
"พู่กันอันใด"
หลี่จื่อหานยืนขึ้นด้วยความโมโหและตะคอกใส่บุตรสาวเป็นครั้งแรก
"พะ...พู่กันด้ามที่ท่านอ๋องเอ่ยชมเมื่อวานเจ้าค่ะ แต่ไม่ใช่ความผิดของลูกทั้งหมดนะเจ้าค่ะ สาวใช้ลูกบอกว่านางซื้อมาจากตลาดจาก....จากชายชรา"
หญิงสาวเอ่ยพลางมองหน้าโจวหนิงเฉิน เพราะเมื่อวานตนได้แต่งเรื่องขึ้นมามากมาย ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายพลางเอนหลังพิงเก้าอี้และกอดอก จนป่านนี้นางยังโกหก เดิมทีเขาจะไม่ให้นางถูกโบยถึงสี่สิบไม้เพราะเห็นแก่หน้าฝ่าบาท หากจะสั่งโบยบุตรสาวของเสนาบดีกรมคลังเช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่านางจะทำให้เขาทนมิได้แล้ว
"ข้าให้พูดใหม่"
เสียงทุ้มเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบๆ
"ข้าพูดจริงๆเจ้าค่ะท่านอ๋อง"
"สี่สิบห้าไม้!"
"ท่านพ่อช่วยอธิบายกับท่านอ๋องแทนลูกด้วย ลูกไม่ผิดนะเจ้าคะ"
หลี่ซูฮวาหันไปขอร้องบิดาให้ช่วยตนเอง
"ห้าสิบไม้!"
โจวหนิงเฉินค่อยๆเพิ่มจำนวนไม้ขึ้นเรื่อยๆเมื่อหญิงสาวไม่ยอมสารภาพ พลางโบกมือให้หวังเหล่ยนำของสิ่งหนึ่งออกมา เป็นกล่องพู่กันแบบเดียวกันของหญิงสาว แต่ด้านในมีลวดลายต่างกัน แต่ลักษณะและวัสดุเหมือนกันดูก็รู้ว่าเป็นช่างคนเดียวกันทำ รวมถึงหยกใสรูปเถาฮวานั้นด้วย หลี่จื่อหานหยิบพู่กันสองชิ้นมาเทียบกัน
"พู่กันนี้ถูกสั่งทำพิเศษจากช่างฝีมือดีทางเหนือสุดของแคว้น มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้นที่มี จะหาซื้อที่ใดมิได้และลอกเลียนแบบก็มิได้อีกด้วย มีเพียงแค่เจ็ดด้ามเท่านั้น หนึ่งในเจ็ดด้ามท่านอ๋องมอบมันให้แม่นางลู่"
หวังเหล่ยเอ่ยอย่างอธิบาย หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ฟุบลงไปกับพื้นทันที เนื่องด้วยรู้ว่าตนเองพลาดแล้ว พลาดตั้งแต่ต้น นางเกลียดลู่เข่อซินผู้นั้นป่านจะขาดใจ พลางคิดในใจว่าหากผ่านวันนี้ไปได้คนแรกที่นางจะจัดการก็คือสตรีแพศยาผู้นั้น
เพี๊ยะ!
เสียงมือหนากระทบเข้าที่ใบหน้างามของหลี่ซูฮวา
"ท่านพ่อ"
หญิงสาวเอ่ยออกมาหลังถูกบิดาตบตีเป็นครั้งแรก มองหน้าบิดาตนเองด้วยน้ำตานองหน้า
"เสนาบดีหลี่คิดว่าตบหน้าเพียงครั้งเดียวจะมากพอ มิต้องโบยห้าสิบไม้ล้วใช่หรือไม่"
"ไม่ขอรับ ไม่เลย ข้าจะให้คนโบยนางให้ครบห้าสิบไม้ตามที่ท่านอ๋องบอกขอรับ"
ถึงเขาจะรักบุตรสาวคนนี้มากกว่าใคร แต่เขาก็ไม่โง่พอให้นางทำลายตระกูลและต้องบาดหมางกับท่านอ๋อง ใครๆต่างก็รู้ว่าแคว้นนี้มีกษัตริย์สองพระองค์ ลูกสาวคนเดียวจะพาให้ตระกูลล่มจมมิได้
"เช่นนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา เสนาบดีหลี่คงทราบแล้วว่าเหตุใดข้าถึงมาที่จวนหลี่บ่อยๆ อีกหนึ่งเดือนที่เหลือต่อจากนี้หวังว่าท่านคงรู้ว่าควรทำเช่นไร หากนางมีรอยขีดข่วนแม้เพียงเล็กน้อย....."
"ไม่มีขอรับ ไม่มีแน่ๆ"
ชายหนุ่มยังเอ่ยไม่ทันจบ หลี่จื่อหานก็รีบเอ่ยขัดเสียก่อน โจวหนิงเฉินลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางจัดอาภรณ์ของตนเองให้เข้าที่
"หวังว่าเรื่องที่ข้าพูดวันนี้เกี่ยวกับนางจะเป็นความลับ อีกทั้งโบยห้าสิบไม้นั้นหากท่านพร้อมแล้วให้ส่งคนไปบอกที่จวนข้า ข้าจะให้คนมาช่วยนับแต่อย่าให้เกินพรุ่งนี้ยามอู่!"
"ขอรับๆ น้อมส่งท่านอ๋อง"
หลี่จื่อหานรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว โจวหนิงเฉินเอ่ยจบก็เดินออกไปทันที หลี่ซูฮวาร้องออกมาด้วยความเสียใจโดยมีมารดาคอยปลอบอยู่ข้างๆ
"ท่านพ่อข้าไม่อยากถูกโบย ท่านพ่อช่วยข้าด้วย"
"เตรียมตัวซะ! ข้าจะโบยเจ้าด้วยตัวเอง"
หลี่จื่อหานเอ่ยด้วยความโมโหก่อนจะเดินออกไป พลางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ของบุตรชาย วันที่เกิดเรื่องเขาเรียกหลี่จางเหว่ยเข้าไปตักเตือนมิให้ยุ่งกับนาง เพราะแม่นางลู่เป็นคนรักของรองแม่ทัพแต่เขาไม่คิดเลยว่าคนที่อยู่ด้านหลังนางจะใหญ่กว่ารองแม่ทัพแต่เป็นท่านอ๋องเช่นนี้ เรื่องที่บุตรชายเขาถูกตัดนิ้วและส่งตัวไปไกลถึงชายแดนใต้เป็นเพราะเขาลงโทษหลี่จางเหว่ย แต่เท่านี้ก็นับว่าเมตตาแล้ว คนอย่างอ๋องหนิงเฉินหากจะทำจริงๆคิดว่าชีวิตของหลี่จางเหว่ยหรือทั้งตระกูลเขาก็คงไม่เหลือ
