ตอนที่ 16 ข้าจะไปทวงของของข้าคืน
"วันนี้เห็นมีคนบอกว่าท่านอ๋องชมคุณหนูใหญ่เรื่องพู่กันด้วย....."
ถิงถิงเอ่ยพลางมองสีหน้าของหญิงสาว ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นสหายโกรธเช่นนี้ นางรู้มาว่าลู่เข่อซินหวงแหนข้าวของของตนเองมาก หากมิได้รับอนุญาตนางเองก็ไม่กล้าแตะต้องเช่นกัน พู่กันนั้นคงเป็นสิ่งที่สหายรักมาเป็นแน่ เพราะหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเห็นหญิงสาวฝึกเขียนคำๆหนึ่งทุกวัน อีกทั้งดูเหมือนสนใจตำรามากขึ้นด้วย นางเองก็ไม่รู้หนังสือจึงทำได้เพียงให้กำลังใจ
สีหน้าของลู่เข่อซินบิดมุ่นบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างถึงที่สุด หากพู่กันนั้นเป็นของนางจริง ป่านนี้ท่านอ๋องคงโกรธนางมากเป็นแน่ ที่เห็นของที่ตนเองให้ไปตกอยู่ในมือของผู้อื่น เขามิใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างนางด้วยซ้ำ ไหนๆก็เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวที่จะอยู่ที่นี่ นางจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาเอาเปรียบอีกแล้ว พู่กันนั้นจุดประกายให้นางอยากเริ่มที่จะเรียนตำราอีกครั้ง นางจะทวงแสงสว่างของตนเองกลับคืนมาให้ได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ตรงดิ่งไปยังห้องพักของอ้ายเหรินทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
มือเรียวทุบประตูห้องเสียงดังเรียกคนที่อยู่ในห้องให้ออกมา อ้ายเหรินเปิดประตูด้วยสภาพที่ยังงัวเงีย ทันทีที่เห็นหน้าลู่เข่อซินก็มีท่าทีแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะรีบผลักประตูปิดแต่ก็ถูกนางผลักประตูเข้าไปจนได้ อ้ายเหรินเดินถอยหลังล้มตัวลงไปนั่งกับเตียง เพราะนางรู้ดีว่าตนเองทำอันใดผิดไป
"เจ้ามันบ้าไปแล้ว"
"ครานี้เจ้าได้เห็นข้าบ้าของจริงแน่ เอาของข้าไปไว้ที่ใดคืนมาเดี๋ยวนี้"
ลู่เข่อซินเอ่ยพลางมองไปนั่งโต๊ะไม้พบว่ามีกล่องของพู่กันอยู่ นางจำได้ดีว่ากล่องนั้นเป็นของนาง มือเรียวคว้ามาเปิดดูแต่พบว่าด้านในไม่มีพู่กันอยู่แล้ว
"พู่กันข้าอยู่ที่ใด"
เสียงหวานตะคอกถามออกไปด้วยความโกรธที่มีคนมายุ่งกับของของนาง
"ข้าไม่รู้!"
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบเข้าที่หน้าของอ้ายเหรินแม้แต่ถิงถิงเองก็ไม่คาดคิดว่าสหายของตนจะกล้าทำ เดิมก็รู้อยู่แล้วว่าลู่เข่อซินมิยอมคน แต่ที่ผ่านมานางมักแสดงด้านที่อ่อนโยนต่อผู้อื่น เรื่องใดที่ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากนางก็จะเลี่ยงเสียมากกว่า ครั้งนี้คงเป็นเพราะมีคนมาล้ำเส้นนางมากเกินไปจริงๆ
"เจ้า! เจ้ากล้าตบข้าหรือ คุณหนูใหญ่ไม่มีทางปล่อยเจ้าแน่ หากเจ้าอยากได้พู่กันคืนก็ไปทวงเอาของคุณหนูใหญ่นู้น สตรีไม่รู้หนังสือเช่นเจ้าจะมีพู่กันไปทำไม มีแล้วมันทำให้เจ้าสูงขึ้นหรือ อ้อ! หรือว่าพอรู้ว่าตนเองจะได้เป็นฮูหยินของรองท่านแม่ทัพก็เขย่งตนเองขึ้นอยู่เหนือผู้อื่น"
คำพูดของอ้ายเหรินทิ่มแทงใจของหญิงสาว อ้ายเหรินนางเองก็อิจฉาลู่เข่อซินไม่น้อย บ่าวรับใช้ต่ำต้อยกลับมีวาสนาได้เป็นคนรักของท่านรองแม่ทัพ ยิ่งหญิงสาวได้ดีนางก็ยิ่งเกลียด ลู่เข่อซินกำมือแน่นข่มอารมณ์ตนเองไม่ให้ใจร้อนมากไปกว่านี้ แต่ดวงตาหนึ่งคู่ฉายเปลวเพลิงลุกโชนน่าสะพรึงกลัว
"เจ้ารู้หรือไม่เหตุใดสตรีเช่นข้าถึงต่างจากเจ้า เพราะคนเช่นข้ามองตนเองเป็นมนุษย์คนหนึ่ง งานที่ข้าทำเป็นเพียงอาชีพที่ข้าหาเลี้ยงตนเอง ความสูงต่ำอยู่ที่จิตใจต่อให้วันหน้าเจ้าจะกลายเป็นฮูหยินในจวนใหญ่ที่ใดสักแห่ง หากความคิดของเจ้าเป็นเช่นนี้อยู่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าสูงส่งเลยแม้แต่น้อย"
หญิงสาวเอ่ยพลางตบที่หน้านางเบาๆ อ้ายเหรินหลับตารอรับความเจ็บ
"อ้อ! ข้าจะบอกอะไรเจ้าอีกเรื่อง ของของผู้อื่นก็เป็นของผู้อื่นต่อให้เจ้าใหญ่โตมาจากไหน เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งวุ่นวาย เผื่อเจ้าเกิดมาไม่มีผู้ใดสอนและมารยาทสามารถมีได้เลยโดยไม่ต้องให้บอก"
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! ปัง!
ลู่เข่อซินเอ่ยจบก็ฟาดมือลงที่ใบหน้านางอีกสองครั้งอย่างระบายความโกรธ ก่อนจะออกไปจากห้องและปิดประตูเสียงดัง ถิงถิงที่ยืนอยู่ข้างๆยกนิ้วโป้งให้สหายสองข้าง
"แล้วนั่นเจ้าจะไปที่ใด"
"ข้าจะไปทวงของของข้าคืน"
"ข้ารู้ว่าเจ้ามิพอใจ แต่วันนี้มืดค่ำแล้ว ไว้พรุ่งนี้ก่อนดีหรือไม่ รอใจเจ้าเย็นลงกว่านี้ นั่นคุณหนูใหญ่เลยนะเข่อซิน"
คำพูดของสหายเอ่ยเตือนหญิงสาว ถึงอย่างไรเราก็เป็นคนธรรมดา อีกทั้งยังเป็นบ่าวรับใช้ในจวนเขา จะทำอันใดคงยากเสียหน่อย อีกทั้งพู่กันนั่นคงยากที่จะเอากลับคืนมาหากอยู่ในมือนางแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นลู่เข่อซินก็อยากลองเสี่ยงดูสักครั้ง หากไม่ได้จริงๆถ้าเกิดว่ามีโอกาสได้เจอกับท่านอ๋องค่อยขอโทษเขาจากใจจริง ลู่เข่อซินพยักหน้าให้สหายก่อนจะเข้าห้องพักตนเองไป หญิงสาวเดินตรงไปเปิดลิ้นชักไม้หยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมา มีคำหนึ่งที่ถูกเขียนด้วยลายมืองดงาม
"ลายมือผู้ใดกันงดงามยิ่ง มิเหมือนลายมือคนในจวนเลย คำนั้นอ่านว่าอันใดกัน"
ถิงถิงแอบส่องกระดาษที่หญิงสาวถือ
"ลายมือท่านอ๋องหนะ"
"ลายมือท่านอ๋อง......"
ชู่~~
ถิงถิงยังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกมือเรียวรีบเอามือปิดปากนางแล้วบอกให้ทำเสียงเบา ถิงถิงพยักหน้ารับรู้
"เจ้าพูดจริงหรือ ขอข้าดูหน่อย"
ถิงถิงเอ่ยพลางรับกระดาษมาชื่นชม ทำหน้าสนใจและตื่นเต้นเหมือนมันเป็นสิ่งของร่ำค่า
"เจ้าเชื่อที่ข้าพูดหรือ"
ลู่เข่อซินเอ่ยถามสหาย เพราะมันเป็นไปได้ยากจริงๆที่ท่านอ๋องกับนางจะได้มาพบกัน ถิงถิงที่ได้ยินเช่นนั้นพยักหน้างึน
"หากเป็นผู้อื่นข้าคงไม่เชื่อ แต่หากเป็นเจ้าที่ไม่เคยโอ้อวดผู้อื่น อีกทั้งลายมือนี่ก็งดงามเหมือนกับตัวท่านอ๋องเลย ข้ายิ่งเชื่อสนิทใจ แล้วคำนี้มันอ่านว่าเช่นไรกัน"
"ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"ลองถามผู้อื่นดูหรือไม่ ต้องเป็นคำที่ดีมากเป็นแน่ เขาว่ากันว่าลายมือท่านอ๋องมีค่ามาก ผู้ใดซื้อจวนใหม่ก็อยากให้เขาเขียนคำอวยพรให้ทั้งนั้น แต่จะได้มาก็ยากเอาเรื่องเพราะท่านอ๋องไม่ชอบเรื่องพวกนี้"
"เจ้าว่าเอาไปขายจะได้สักราคาเท่าใด ฮ่าๆ"
ลู่เข่อซินพูดทีเล่น นางอารมณ์ดีมากขึ้นแล้ว
"ว่าแต่เจ้าไม่อยากรู้จริงๆหรือว่าคำนี้คืออะไร"
"ท่านอ๋องบอกว่าให้ข้าตั้งใจฝึกเขียนหนังสือและหัดท่องตำราเอง ข้าอยากเขียนและอ่านมันด้วยตนเอง ที่ผ่านมาจึงไม่อยากให้ผู้ใดช่วยอ่านมัน"
"เหตุใดข้ารู้สึกว่าเจ้ากับท่านอ๋องแปลกๆ เจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ว่าเรื่องเป็นมาเช่นไร น๊า~ เข่อซิน เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยเอาเรื่องไปเล่าต่อให้ผู้ใดฟัง"
เมื่อเห็นท่าทีอ้อนวอนเช่นนั้น ลู่เข่อซินจึงเล่าให้ฟังเพราะรู้ว่าอย่างไรถิงถิงก็ไม่เล่าให้ผู้ใดฟังต่อแน่ตั้งแต่รู้จักกันมาตลอดห้าปี นางเป็นมากกว่าสหายเสียอีกคอยช่วยนางทุกอย่าง อีกทั้งนางบริสุทธิ์ใจไม่เคยคิดเกินเลยต่อท่านอ๋องเลย เพียงแค่ชื่นชมเขาเท่านั้น
"หรือว่าที่ท่านอ๋องดีกับเจ้าขนาดนี้ เขาจะมีใจให้เจ้ากัน"
"เพ้อเจ้อหน่า ข้ามีคนรักอยู่แล้วท่านอ๋องเองก็รู้ อีกทั้งข้ากับเขาต่างกันเกินไป เขาไม่มีทางมาชายตาแลสตรีเช่นข้าหรอก"
"ก็มิแน่~ ท่านอ๋องอาจจะเห็นสตรีที่เพียบพร้อมจนเบื่อแล้ว เลยอยากสนใจสตรีธรรมดาเช่นเจ้าดู เดี๋ยวนะ! หากพู่กันนั้นท่านอ๋องให้เจ้ามาแสดงว่าวันนี้เขาก็รู้แล้วว่าพู่กันที่คุณหนูใช้เป็นของเจ้า"
"นั่นคือเรื่องที่ข้ากำลังเป็นกังวล หรือว่าข้าควรหาซื้ออันใหม่ที่เหมือนกันดีหรือไม่"
"ข้าเกรงว่าระดับท่านอ๋องแล้วเขาไม่ใช้พู่กันที่หาซื้อได้ตามตลาดแน่ เจ้าดูแค่กล่องสิคงแพงกว่าชีวิตนี้ของข้าอีก หากคุณหนูใหญ่ไม่คืนให้เจ้าจริงๆ ข้าว่าเจ้าไปสารภาพกับท่านอ๋องเถิด ก่อนที่เขาจะส่งคนมาฆ่าเจ้าทิ้งระบายความโกรธ คนต่างร่ำลือว่าเขาโหดเหี้ยม รู้เรื่องเช่นนี้คงผิดหวังและโกรธเจ้าอยู่เป็นแน่"
ถิงถิงไม่พูดเปล่าแต่ยังทำเสียงให้เข้ากับเรื่องราวตนเองที่กำลังพูดด้วย
"ฮื่อ ถิงถิงข้าจะทำเช่นไรดี ข้ายังไม่อยากตายนะ!"
