ตอนที่ 14 ข้าผิดหวังในตัวเจ้า
ภายในร้านบะหมี่เล็กๆในตลาด ลูกค้ามีเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้น มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังทำสงครามเงียบกัน ชามบะหมี่ร้อนทั้งสองถ้วยถูกทิ้งไว้มาเกือบครึ่งชั่วยามจนเส้นอืดหมดแล้ว ลู่เข่อซินนั่งจ้องหน้าชายคนรักของตนเอง เจียวมิ่งเองก็มีท่าทีนิ่งเรียบเหมือนกำลังรู้สึกผิดแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มเอ่ยกับนางเช่นไร วันนั้นงานเขายุ่งและเร่งด่วนจริงๆ จนทำให้ลืมนัดที่ให้หญิงสาวไว้ กว่าจะนึกขึ้นได้ก็เข้ายามโหย่วไปแล้ว ชายหนุ่มรู้ดีว่าคนที่ฉลาดเช่นนางหากไม่เห็นเขาไปรับคงหาทางลงจากเขาเองได้แน่
"แล้ววันนั้นเจ้าได้ไปรับข้าที่บนเขาตามที่บอกหรือไม่"
ลู่เข่อซินเอ่ยถามไปอย่างนั้นทั้งที่รู้คำตอบอยู่ก่อนแล้ว หากเขาไปจริงหลังจากนั้นก็ต้องรู้ว่านางหายไป ความเป็นไปได้สุดคือกลับไปถามถิงถิงที่จวนหลี่ แต่สหายตนบอกว่าไม่เห็นเขาไปเหยียบที่นั่นเลยด้วยซ้ำ
"ขออภัยที่ข้าละเลยเจ้า ครานี้ข้ายอมรับผิดทุกอย่าง ซินเออร์เจ้าจะโกรธข้าก็ได้และอยากให้ข้าทำอันใดเพื่อเป็นการไถ่โทษข้าก็ยอมทั้งนั้น"
เจียวมิ่งไม่เอ่ยเปล่า พลางยื่นมือมากุมมือเรียว ลู่เข่อซินดึงมือตนเองกลับ ครั้งนี้เขาทำนางเสียความรู้สึกมากจริงๆ มันสะสมมานานจนนางเองก็ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกนี้เช่นไรดี นางรักเขามากแต่นางก็รักตัวเองด้วยเช่นกัน อยากให้ความรักนี้มันไปด้วยกันได้พร้อมๆกัน
"เจ้าตอนนี้เปลี่ยนไปมาก จนข้าเองก็เดาใจไม่ออกว่ากำลังคิดอันใดอยู่เรายังรักกันอยู่หรือไม่ กว่าเจ้าจะว่างมาพบข้าได้ก็ผ่านวันนั้นมาเป็นอาทิตย์แล้ว หากว่าวันนั้นเกิดเรื่องกับข้าที่บนเขาเจ้าคงเห็นข้าอีกทีก็คงไร้ลมหายใจไปแล้วกระมัง"
ความรู้สึกที่ไม่อาจทนเก็บงำได้ระเบิดออก เพราะนางใส่อารมณ์กับชายหนุ่มทำให้น้ำเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อย ลู่เข่อซินรู้สึกเกรงใจลูกค้าคนอื่นจึงได้ลุกออกจากร้านไป
"ซินเออร์ รอข้าเดี๋ยว ซินเออร์"
เจียวมิ่งล้วงเอาเงินและจ่ายค่าบะหมี่ก่อนจะรีบวิ่งเดินตามหญิงสาวไป ลู่เข่อซินกำมือแน่นอย่างอดกั้นอารมณ์แต่น้ำตาก็ยังไหลออกมาโดยไร้เสียงสะอื้น เขาเป็นที่พึ่งเดียวและเป็นโลกทั้งใบของนาง
"เข่อซินเจ้าใจเย็น ใจเย็นๆก่อนได้หรือไม่"
เจียวมิ่งที่ขายาวกว่าเดินมาดักหน้านางก่อนจะจับมือเรียวมากุม หญิงสาวหันหน้าหนีด้วยอารมณ์ที่ยังไม่สงบ
"เจ้าก็รู้ว่าข้ารักเจ้ามากเพียงใด ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้กับข้าเลยได้หรือไม่ อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้นพอเจ้าเป็นอิสระแล้วเราจะแต่งงานกัน"
"เจ้าทำให้ข้าต้องกลับมาทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง ว่าคนที่ข้าจะฝากชีวิตไว้เขามีคุณสมบัติมากพอหรือยัง"
หญิงสาวเอ่ยออกไปตามตรง นางมีความคิดเป็นของตนเอง ก่อนที่ท่านพ่อท่านแม่จะเสียพวกท่านก็เลี้ยงนางด้วยความรัก นางจึงรู้ดีว่าความรักที่ดีเป็นอย่างไรหากนางรักสบาย นางคงเลือกทางลัดที่ดี ไม่อดทนรอเขาและมองเขาผู้เดียวมาตลอด ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มเป็นเพียงบัณฑิตธรรมดาไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไร ทั้งที่มีคนที่ดีกว่าเขาเข้ามาหามากมาย ถึงแม้ว่านางจะเป็นแค่บาวรับใช้ก็ตาม
"ก็ได้"
ชายหนุ่มเอ่ยพลางคุกเข่าก้มหน้ามองพื้น
"เจ้าทำอันใด"
"เจ้าจะทุบจะตีข้าเช่นไรก็ได้ข้ายอมทุกอย่าง ขอเพียงเจ้าให้อภัยข้าและอย่าทิ้งข้าไป ชีวิตข้าไม่มีเจ้ามิได้ หรือเจ้าจะให้ข้าคำนับขอโทษเจ้าก็ได้"
ชายหนุ่มไม่เอ่ยเปล่าแต่ยังก้มหน้าไปที่พื้นทำท่าจะคำนับหญิงสาวอีกด้วย ลู่เข่อซินรีบคุกเข่าก้มไปที่พื้นห้ามเขาอย่างรวดเร็ว
"เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ สิ่งที่ข้าต้องการจากเจ้าคือความใส่ใจ หากเจ้ามิว่างก็ช่วยบอกข้าก่อนมิใช่บอกให้ข้ารอ หากทำอย่างที่พูดไม่ได้หรือว่ายังไม่แน่ใจว่าจะทำได้ก็อย่าพึ่งด่วนสรุปบอกข้า เพราะคนที่รออย่างข้าเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าเจ้าจะทำได้ เราทั้งคู่ตอนนี้เหมือนคนไม่รับรู้ชีวิตของกันและกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืนก่อนวันนั้น ข้าเกือบถูกคุณชายใหญ่รังแกทำมิดีมิร้ายจนบาดเจ็บไปทั้งตัว บนเขาวันนั้น....ฮึก! บนเขาข้ารอเจ้าเกือบสองชั่วยาม หิมะตกหนักจนข้าเกือบแข็งตาย ข้าป่วยไม่สบายเกือบเอาชีวิตไม่รอด เจ้าอยู่ที่ใด ที่พึ่งเดียวของข้า คนแรกที่ข้านึกถึง เจ้าไปอยู่ที่ใด"
ลู่เข่อซินเอ่ยไปร้องให้ไปด้วยดูน่าสงสารจนจับใจ
"ซินเออร์"
เจียวมิ่งรู้สึกผิดจนไม่รู้ว่าจะเอ่ยอันใดออกไป มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆจากนั้นเดินออกไปทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยความรู้สึกผิด น้ำตาของเขาไหลออกมาพร้อมๆกับหิมะที่โรยปรายลงมาเช่นกัน
..........
สองสัปดาห์ผ่านไป
"เอ้านี่! ขนมเจ้า"
ถิงถิงเอ่ยกับหญิงสาวพลางยื่นขนมให้ ลู่เข่อซินยิ้มกว้างก่อนจะรับขนมมาวางไว้ ถิงถิงนั่งลงข้างๆสหายช่วยซักผ้ากองโตที่ไม่มีท่าว่าจะเสร็จสักที
"พวกเจ้าสองคนเมื่อไหร่จะดีกัน ข้าว่าเจ้าหายโกรธรองแม่ทัพได้แล้ว เขามาง้อเจ้าทุกเย็นหลังเลิกงานแต่เจ้าก็ไม่ยอมไปพบเขา อีกทั้งทุกเช้าก็ซื้อขนมมาฝากไว้ให้เจ้าไม่ขาด ข้าว่าเขาสำนึกผิดไม่กล้าทำผิดต่อเจ้าอีกแล้วล่ะ"
"อื้ม~ ข้าว่าครั้งนี้เขาก็รู้สึกผิดไม่น้อยเช่นกัน"
ลู่เข่อซินเอ่ยอย่างเห็นด้วย เพราะนางคบหากับเขามานานจึงรู้ว่าชายหนุ่มมีนิสัยเช่นไร ท้ายที่สุดนางก็ต้องยกโทษให้เขาอยู่ดีไม่รู้ว่าจะเสียเวลาไปกับการผิดใจกันนานๆทำไม
"อีกแค่เดือนเดียวก็จะออกไปจากที่นี่แล้ว เจ้าคิดไว้หรือยังว่าจะไปทำอันใด"
"ข้าหรือ....ก็คงกลับบ้านเกิดที่อำเภอเทียนตงไปพักผ่อนเสียหน่อย แล้วค่อยกลับมาหางานในโรงเตี๊ยมที่เมืองหลวงทำ ข้ามิอยากเป็นบ่าวรับใช้ใต้ชายคาเรือนผู้อื่นแล้วล่ะ เป็นพนักงานในโรงเตี๊ยมก็ได้ค่าแรงวันต่อวัน วันไหนอยากหยุดก็หยุดได้เลย แล้วเจ้าเล่าจะไปทำอันใดหรือว่าแต่งงานกับท่านรองแม่ทัพเลย"
ถิงถิงเอ่ยหยอกล้อสหายพรางชนไหล่นางเบาๆ
"เขาตั้งใจไว้เช่นนั้นจริงๆ แต่ข้าก็ไม่อยากพึ่งพาเขาเกินไป อยากเปิดร้านขนมเล็กๆไม่ต้องใหญ่โตด้วยนะข้าขี้เกียจจัดการร้าน มีพนังงานสักคนพอ วันไหนเหนื่อยก็ปิดร้าน วันไหนไม่อยากขายก็หยุดพัก ข้าว่าชีวิตที่ธรรมดาแบบนั้นทำให้ข้ามีความสุข"
"ไว้พนักงานคนเดียวผู้นั้นข้าจะไปสมัครนะ"
"ย่อมได้ ฮ่า"
หญิงสาวเอ่ยพลางหัวเราะออกมาพร้อมกัน พวกนางก็แค่สตรีธรรมดาที่ไม่ได้มีความฝันที่ยิ่งใหญ่
"งานเจ้าเสร็จแล้วหรือถึงได้มาช่วยข้าได้"
หญิงสาวเอ่ยถามสหายเพราะปกติงานของถิงถิงคือดูแลความสะอาดของเรือนหลี่ซูฮวา และทุกวันนางจะต้องยืนคอยรับใช้ที่นั้น มิได้เป็นบ่าวคนสนิททุกวันจึงถูกใช้ต่อมาอีกที
"วันนี้มีคนใหญ่โตมา คุณหนูใหญ่จึงไล่พวกข้าออกมาให้เหลือบ่าวไว้ไม่กี่คน รักษาภาพรักคุณหนูผู้เรียบง่ายไม่เรื่องมาก"
ถิงถิงเอ่ยเบาราวกระซิบด้วยน้ำเสียงล้อเรียน ลู่เข่อซินถึงกับส่ายหน้าให้ท่าทางที่ขี้เล่นของสหาย
"คนใหญ่โตที่ใดกัน"
"อ๋องหนิงเฉินน่ะ ข้าไม่เห็นมาจวนหลี่เป็นเดือนแล้ว"
คำพูดของถิงถิงทำเอาหญิงสาวชะงักมือที่กำลังซักผ้า ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นนางก็ไม่ได้พบกับเขาอีกเลย จนเกือบลืมเรื่องที่นางเคยไปอยู่ที่จวนโจวจนหมดสิ้น นี่สิที่เขาเรียกว่าเวลาพัดผ่านไปเร็วดั่งสายลม ที่ๆเคยอยู่หรือที่ๆเคยไปล้วนเลื่อนลางหายไป จนบางคราก็ลืมความรู้สึกขณะนั้นแล้ว
