บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 12 ข้าอยากให้เจ้าเขียนคำนั้น (ชื่อข้า)เป็นคำแรก

วันถัดมา

ภายในห้องทำงาน บรรยากาศตั้งแต่ยามเว่ยจนตอนนี้ยามเซินแล้ว ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นเลยแม้แต่เพียงคำเดียวเงียบเสียจนได้ยินเสียงหายใจ ลู่เข่อซินยืนนิ่งเป็นหุ่น ทำตัวกลืนกินไปกับห้องเมื่อว่านางคือของตกแต่งสักชิ้น มือเรียวก็ยังคงฝนหมึกให้ท่านอ๋องไม่หยุด วันนี้สีหน้าของชายหนุ่มไม่ดีหนัก เหมือนกับว่ารายงานที่เขากำลังอ่านมีปัญหาอยู่เสียอย่างนั้น พลางทำให้นางคิดถึงคนผู้หนึ่ง ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้นางยังไม่ได้ติดต่อกับเจียวมิ่งเลย ไม่รู้ว่าเมื่อวานเขาได้ไปรับอย่างที่บอกกันไว้หรือไม่ แล้วถ้าหากไปไม่เจอนางที่นั้นเขาจะกระวนกระวายใจออกตามหาอยู่หรือเปล่า เพราะไม่มีใครรู้ว่านางมาอยู่ที่จวนอ๋องเช่นนี้ ก็แน่หล่ะบอกใครก็คงไม่มีใครเชื่อ ขนาดนางเองยังไม่คิดว่าจะได้ท่านอ๋องช่วยไว้เลยด้วยซ้ำ

"คิดอะไรอยู่"

จู่ๆเสียงเข้มก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

"เจ้าคะ"

"คนเช่นเจ้ามีเรื่องอันใดให้คิดมากมายกัน"

คำพูดที่ท่านอ๋องถามทำให้นางคิดตาม ก็จริงสตรีเช่นนางเหตุใดถึงมีเรื่องมากมายให้คิดขนาดนี้กัน วันๆก็ใช้ชีวิตให้รอดไปแต่ละวันก็พอมิใช่หรือ ไม่มีคนข้างหลังให้ต้องดูแลหรือเป็นห่วง อนาคตก็ไม่ได้ปรารถนาอะไรใหญ่โต ทุกสิ่งที่ทำวันนี้ก็เพื่อให้ตนเองกินอิ่มนอนหลับเพียงเท่านั้น

"ข้ากังวลว่า....ข้าหายไปนานเช่นนี้โดยไม่ได้บอกผู้อื่นว่าจะไปที่ใด เกรงว่าจะมีคนเป็นห่วงเจ้าค่ะ"

"ผู้อื่นที่เจ้าว่าเป็นผู้ใด ข้าจะให้คนไปแจ้ง"

"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ไม่รบกวนท่านอ๋องเจ้าค่ะ"

ลู่เข่อซินรีบเอ่ยปฏิเสธทันควันเนื่องด้วยไม่อยากตอบคำถามผู้คนให้ยุ่งยาก หากแต่คิดในใจว่าเรื่องนี้ตนเองควรบอกเจียวมิ่งคนรักหรือไม่ แต่ใจของนางบริสุทธิ์มิได้คิดเกินเลยกับท่านอ๋องหรือว่าทำเรื่องไม่ดีเสียหน่อย ไม่รู้ว่าถ้าบอกเจียวมิ่งไปแล้วเขาจะว่าเช่นไรกันนะ

"เขียนตำราเป็นหรือไม่"

เมื่อเห็นว่านางมีท่าทีไม่สบายใจจึงคิดเปลี่ยนเรื่อง

"ข้ามิรู้หนังสือเจ้าค่ะ"

ลู่เข่อซินเอ่นออกไปตามตรง นางเกิดในครอบครัวชาวบ้านธรรมดา มีเพียงคุณหนูคุณชายเท่านั้นที่จะได้เรียนหนังสือ ขนาดผู้ที่มีฐานะมากกว่านางเสียหน่อยยังไม่มีโอกาสนี้เลย ตอนเด็กๆหญิงสาวเคยแอบไปเกาะขอบพนังแนบหูแอบฟังอาจารย์ที่จวนใหญ่ๆเชิญมาสอน แต่ก็ถูกไล่ตีจนต้องหนี นางเคยโทษท่านพ่อที่ไม่สามารถส่งให้นางเรียนตำราได้ แต่พออายุมากขึ้นจึงได้เข้าใจ ขนาดข้าวสารจะกอกหม้อยังแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็สามารถคำนวณได้ รู้จักเขียนตัวเลขเพราะฝึกเขียนที่พื้นดินบ่อยๆเนื่องด้วยไม่มีเงินซื้อพู่กันและกระดาษ โจวหนิงเฉินไม่ได้รู้สึกรังเกียจอันใดหญิงสาวเนื่องด้วยเข้าใจดี ขนาดคุณหนูในห้องหอบางคนที่เพียบพร้อมยังไม่สนใจในตำราเลยด้วยซ้ำ

"ในภายภาคหน้าเจ้าต้องเป็นฮูหยินของรองแม่ทัพ หากมิรู้หนังสือจะทำให้เจ้าลำบาก อย่างไรเสียก่อนออกเรือนเจ้าก็ให้เขาหาอาจารย์มาสอนเสียหน่อย"

โจวหนิงเฉินฝืนตนเองเอ่ยถึงชายผู้นั้น เพราะเขาสัญญากับตนเองว่าหลังนางออกเรือนจะไม่เข้าไปวุ่นวายอีก เขาไม่อยากเห็นนางถูกรังแก แต่หากเป็นเขาเองหญิงสาวจะไม่รู้หนังสือก็ไม่ได้มีปัญหาอันใด เขาไม่ได้ให้นางต้องมาคอยจัดการอันใดยุ่งยาก มีคนมากมายทำให้อยู่แล้วเพียงใช้ชีวิตให้ดีกินอิ่มนอนหลับอยู่ข้างกายเขาก็พอ

"ท่านอ๋องรู้ด้วยหรือเจ้าค่ะ"

ลู่เข่อซินเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ คนระดับท่านอ๋องใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของผู้อื่นด้วยหรือ ที่ผ่านมานางกับเขาก็ไม่เคยสนทนากันเลยด้วยซ้ำ นางยังคิดมาตลอดว่าคนเช่นท่านอ๋องคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนธรรมดาอย่างนางอยู่บนโลกนี้ด้วย หากเปรียบเขาเป็นต้นไม้ใหญ่ นางก็คือต้นหญ้าที่มีมากมายจนแยกไม่ออกและไม่เป็นที่สะดุดตาใคร

"วันนั้นที่โรงเตี๊ยม"

โจวหนิงเฉินพยายามหาคำแก้ตัว พลางทำให้หญิงสาวจำได้ว่าที่โรงเตี๊ยมวันนั้นท่านอ๋องก็อยู่ แม่ทัพเพ่ยเอ่ยกับนางเรื่องของเจียวมิ่งพอดี ลู่เข่อซินพยักหน้าเข้าใจ

"แล้วเขียนชื่อตนเองเป็นหรือไม่"

"เป็นเจ้าค่ะ"

ถึงจะไม่รู้หนังสือ แต่ใครบางที่จะไม่รู้จักเขียนชื่อตนเอง มือหนาส่งพู่กันของตนเองเขียนอยู่ให้นางก่อนจะวางกระดาษเปล่าผืนใหญ่ให้ สายตาคมส่งสัญญาณบอกให้นางเขียนให้เขาดู ร่างบางลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรับพู่กันมา มือเรียวจุ่มหมึกจากนั้นตั้งใจเขียนชื่อตนเองลงไปบนกระดาษเปล่า ร่างใหญ่เอียงตัวเล็กน้อยให้หญิงสาวเขียนได้ถนัดและก็ไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ ดวงตาคมสำรวจใบหน้างามจากทางด้านข้างขณะที่ดวงตาพริบช้าๆ ไล่มาที่จมูกเรียว ปากนางเม้มเข้าด้วยกันเพราะกำลังตั้งใจเขียนอยู่ ปอยผมที่ถูกจัดทรงอย่างมิใส่ใจหล่นลงมาเล็กน้อยพัดไปตามสายลมที่เข้ามา ใบหูขาวมีต่างหูเล็กๆแต่มันชั่งเหมาะสมและลงตัวกับนางมาก รู้สึกไม่ขาดหรือไม่มากจนเกินไป

"เสร็จแล้วเจ้าค่ะ"

ลู่เข่อซินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของคนข้างกาย นางไม่ชอบให้บุรุษเข้าใกล้นอกจากคนในครอบครัวหรือคนรักเท่านั้น พออยู่ใกล้ท่านอ๋องเลยไม่เป็นตนเองเสียเท่าไหร่ จากนั้นยืนตัวตรงกลับไปยืนที่เดิม โจวหนิงเฉินรีบเก็บอาการตนเองก่อนจะไอในลำคอเปลี่ยนสถานการณ์ หยิบกระดาษแผ่นที่นางเขียนขึ้นมาดู พบว่าที่นางเขียนมิผิดแต่ลายมือไม่งดงามและไม่เป็นระเบียบน่าจะเพราะนางจับพู่กันไม่ถูกวิธี

มือหนาเอื้อมไปเปิดกล่องไม้เล็กๆที่ด้านข้าง หยิบพู่กันอีกด้ามออกมาก่อนจะยื่นให้หญิงสาว

"เจ้าลองจับพู่กันใหม่"

มือเรียวเหมือนจะงงๆแต่ก็ยอมรับมาแต่โดยดี จากนั้นเขาก็สาธิตวิธีการจับพู่กันที่ถูกต้องให้หญิงสาวดู ลู่เข่อซินทำตามอย่างตั้งใจ

"ท่านอ๋องลายมืองดงามมากเลยเจ้าค่ะ"

หญิงสาวเอ่ยชมไปตามตรง พลางคิดในใจว่าเหตุใดบุรุษเช่นเขาถึงได้สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง นางมิแปลกใจเลยว่าเหตุใดจนป่านนี้อ๋องหนิงเฉิน ที่ใครๆก็ต่างร่ำลือว่าเขาเป็นที่สุดในทุกๆด้านถึงอยู่ตัวผู้เดียว เพราะเขามิได้ขาดอันใดเติมตนเองจนเต็มหมดแล้ว หากนางเป็นอย่างเขาชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอันใดเช่นกัน อยู่คนเดียวใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอ

"อื้มลายมือของเจ้างดงามขึ้นกว่าเดิม"

"ขอบคุณเจ้าค่ะท่านอ๋อง"

"......."

โจวหนิงเฉินไม่เอ่ยตอบแต่เขียนชื่อตนเองลงไปในกระดาษ

"จำวิธีการเขียนได้หรือไม่"

"จำได้เจ้าค่ะ"

"เจ้าลองกลับไปฝึกเขียนคำนี้ดู"

โจวหนิงเฉินเอ่ยพลางพับกระดาษแล้วยื่นให้หญิงสาว

"คำว่านี้แปลว่าอันใดหรือเจ้าคะ"

หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"คำแรกที่ข้าอยากให้เจ้าเขียนเป็น แลกกับพู่กันด้ามนี้ หวังว่าหากมีโอกาสพบกันคราหน้าการเรียนของเจ้าจะก้าวหน้าขึ้น แล้วเมื่อนั้นเจ้าจะรู้ได้เองว่าคำนี้คือคำว่าอะไร"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel