ตอนที่ 3 หึง
“ดูจากหน้าก็น่าจะรู้นะ”
“อ้าว! ไหงเป็นงั้นตัวเองว่าเขาก่อนนี่นา”
“ไปกันเถอะครับพี่เหมียว” อุ่นรักผละตัวออกจากคนรัก เดินเข้าไปควงแขนรุ่นพี่ ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้อรรถยืนยิ้มมองตามหลังอยู่คนเดียว
จากรอยยิ้มที่สุดแสนจะละมุน กลับกลายเป็นรอยยิ้มเหี้ยมราวกับซาตานร้าย ที่พร้อมจะกระชากวิญญาณอีกฝ่ายออกจากร่างได้ทุกเมื่อ
“อุ่นเข้ามาหาพี่หน่อยจ้ะ” เมื่อได้ยินเสียงผู้จัดการเอ่ยเรียก อุ่นรักก็วางมือจากงานที่ทำอยู่ รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้าไปหาทันที
“ครับพี่เปิ้ล”
“ช่วยเอาเอกสารนี้ไปให้ผู้จัดการแผนกวิศวะเซ็นต์หน่อยสิด่วนเลย”
“ได้ครับพี่ผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
อุ่นรักรับเอกสารมาแล้วก็รีบเดินตรงไปยังฝ่ายวิศวกรรม ซึ่งอยู่ถัดลงไปอีกหนึ่งชั้น
เมื่อมาถึงแล้วอุ่นรักก็เจอกับชายหนุ่มที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้นอยู่บนโต๊ะ เขาคนนั้นชื่อ ‘ตี๋’ หนุ่มหล่อหน้าตี๋วัยสามสิบกะรัต มีตำแหน่งเป็นถึงผู้ช่วยผู้จัดการฝ่าย ตี๋เป็นคนสุขุมและมีความเป็นสุภาพบุรุษกับคนทุกเพศทุกวัย แต่ทว่าตอนนี้กลับไร้ซึ่งคนรู้ใจซะอย่างนั้น
“สวัสดีครับพี่ตี๋ ผมเอาเอกสารมาให้ผู้จัดการเซ็น”
“ผู้จัดการอยู่ในห้อง เข้าไปได้เลยครับ” ตี๋ส่งยิ้มให้อย่างที่เคยทำ เป็นรอยยิ้มที่สุดแสนจะอบอุ่น
“ขอบคุณครับ”
อุ่นรักกำลังจะก้าวขาเดินเข้าไป แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเอ่ยเรียกไว้เสียก่อน
“น้องอุ่น”
“ครับ?” อุ่นรักหยุดชะงัก หันมามองหน้ารุ่นพี่เชิงตั้งคำถาม
“ออกมาแล้วมาหาพี่แปบหนึ่งนะครับ”
“ครับพี่ตี๋” เจ้าตัวส่งยิ้มให้ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้จัดการ
ตี๋ได้แต่มองตามหลังแล้วยิ้มออกมาด้วยความชื่นใจ อีกฝ่ายมาให้เห็นหน้าถึงที่ นั่นทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ตี๋แอบชอบอุ่นรักมานานแล้ว ก่อนอรรถจะเข้ามาทำงานที่นี่เสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวกลับไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกออกไปให้รู้ นั่นทำให้ตี๋ยังรู้สึกเสียดายมาโดยตลอด แต่พอรู้ข่าวว่าอุ่นรักตอบรับเป็นแฟนกับอรรถแล้ว เขากลับมีความกล้าซะอย่างนั้น จึงตั้งใจจะลองดูสักตั้ง เผื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนใจอุ่นรักให้หันกลับมามองตนเองได้
นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่สักพัก เสียงหวานที่คุ้นหูก็เอ่ยเรียก
“พี่ตี๋ครับ”
“พี่ตี๋”
“เอ่อ...ครับ” เอ่ยเรียกถึงสองครั้ง ตี๋จึงหันมาสนใจมอง
“พี่ตี๋เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้นั่งเหม่อลอยอย่างนี้” อุ่นรักเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ปะ...เปล่าครับ เสร็จธุระแล้วเหรอ”
“ใช่ครับ ว่าแต่พี่ตี๋มีอะไรจะพูดกับผมงั้นเหรอครับ”
“วันก่อนพี่ไปเที่ยวเลยซื้อขนมมาฝาก กะว่าจะเอาไปให้อุ่นที่โต๊ะแต่งานเยอะไปหน่อย โชคดีวันนี้อุ่นมาหาพี่ถึงที่” ว่าแล้วตี๋ก็เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน หยิบถุงขนมออกมาแล้วยื่นให้กับรุ่นน้อง
“ขอบคุณนะครับพี่ตี๋” อุ่นรักยกมือไหว้ พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้
“ไม่เป็นไรครับพี่ยินดี แต่ยังไม่หมดนะพี่มีของอีกชิ้นจะให้”
“อะไรอีกงั้นเหรอครับ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้วเนี่ย”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่าคนกันเอง” ตี๋หยิบถุงผ้ากำมะหยี่สีแดงใบเล็ก ๆ ออกมาจากลิ้นชัก ข้างในนั้นมีกำไรข้อมือที่ทำมาจากเงินแท้ “ยื่นมือมาสิเดี๋ยวพี่ใส่ให้”
ด้วยความบริสุทธิ์ใจอุ่นรักจึงรีบยื่นมือให้ ก่อนที่ตี๋จะค่อย ๆ บรรจงสวมกำไรข้อมือให้อย่างตั้งใจ
“ขอบคุณนะครับพี่ตี๋ พอดีกับข้อมือผมเลยอ่ะ” อุ่นรักยกมือขึ้นมาส่องดูความงดงามของกำไรเงินแท้วงนั้นด้วยรอยยิ้ม
“อุ่น! มาทำอะไรที่นี่” อรรถบังเอิญเดินมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เขาจึงรีบแสดงความเป็นเจ้าของโดยการโอบไหล่ร่างบางไว้ มองหน้าตี๋อย่างไม่พอใจ
“เราเอาเอกสารมาให้ผู้จัดการฝ่ายวิศวะเซ็น แล้วอรรถล่ะมาทำอะไรแถวนี้”
“มีคนแจ้งในระบบว่าคอมมีปัญหา เลยเดินลงมาดู”
“อ๋อ” อุ่นรักพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับตี๋ต่อทันที “ขอบคุณพี่ตี๋นะครับสำหรับของฝาก”
“ครับผม สำหรับอุ่นรักพี่ยินดีเสมอ” ตี๋นั่นเองที่เป็นคนแจ้ง เขาต้องการให้อรรถลงมาเห็นว่าตอนนี้ เขากับอุ่นรักกำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ และสนิทสนมกันมากแค่ไหน
“พี่ใช่ไหมที่เป็นคนแจ้ง” อรรถกระแทกเสียงใส่อย่างเสียมารยาท ทำให้อุ่นรักหันขวับไปมองหน้าตำหนิทันที
“ใช่!”
“ถ้างั้นเอาไว้ก่อน อุ่นไปกับเราเดี๋ยวนี้เลย” อรรถจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ แล้วดึงตัวให้เดินออกไป
“ไปไหน!” อุ่นรักยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับตัวไปไหน
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้น บ่งบอกว่าเจ้าตัวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับพี่ตี๋”
ตี๋ยังไม่ทันได้เอ่ยปากตอบ แต่อุ่นรักก็ถูกดึงตัวออกไปก่อนแล้ว