ตอนที่ 3-เจ้าชีวิต
"ตรวจอาการนางให้ละเอียด" เสียงเข้มออกคำสั่งกับหมอที่พามา ยืนจ้องมองหน้าคนป่วยที่ซีดเซียวอย่างนิ่งขรึม แต่ทว่าหารู้ไม่ในใจพลันนึกหวั่น จากที่เห็นว่าเธอนั้นสั่นเทาดูหนาวเหน็บ ริมฝีปากขาวเผือดสั่นระริกอย่างน่าเป็นห่วง
"ขอรับ" เสียงของหมอตอบรับ พลางตรวจดูอาการของคนที่ป่วยอย่างตั้งใจ
สายตาคมจับจ้องไม่ละสายตาไปไหน ยืนมือไขว้หลังอย่างสังเกตการณ์ ทุกการกระทำจองหมออยู่ในสายตาของจาร์มาล์ตลอดเวลา จนริฏวานที่เฝ้ามองอยู่ด้านหลังจับพิรุธผู้เป็นนายได้อย่างรู้เท่าทัน ด้วยมือแกร่งที่กำแน่นอยู่ด้านหลังของจาร์มาล์ รับรู้ได้ว่าเขากำลังมีความกังวลไม่น้อย เพียงแต่ไม่แสดงความพะวงนั้นออกมาชัดเจน
"หนักหนาแค่ไหน?" สายตาเพ่งพิศจ้องมองไม่วางตา เอ่ยปากถามหมอผู้รักษาด้วยความใคร่รู้
"ร่างกายนางบอบช้ำ และอ่อนเพลียมาก มีไข้สูงน่าจะทรุดตัวอยู่หลายวันถึงตะมีอาการดีขึ้น ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ตอนนี้ยังไม่อาจวางใจได้ครับ" หมอที่ทำการรักษาหันมาประจันหน้าและให้คำตอบ
"อืม...ดูแลนาง อย่าให้นางตายเสียล่ะ"
"ครับ"
เป็นการรับรู้อย่างเข้าใจ แต่ปากที่แสนร้ายก็ยังเสียดสีแม้จัสซีเนียจะนอนซมจมที่นอนไร้สติ แสยะยิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกมาจากกระโจมที่พักอย่างคนโล่งอก ที่รับรู้ว่าเธอนั้นปลอดภัย มันคือส่วนลึกที่เขารู้สึกอยู่ก้นบึ้งของก้อนเนื้อข้างซ้าย
"ท่านไม่ต้องห่วงนางมากเกินไปหรอกครับ" ริฏวานทักท้วงระหว่างที่เดินเท้า เพื่อจะไปยังที่พักสำรอง
"ไม่ได้ห่วง...แค่ยังไม่อยากให้นางตายตอนนี้ แค้นที่มียังไม่ได้ชำระ นางจะมาตายได้อย่างไร?" สองเท้าหยุดเดินกะทันหัน เมื่อริฏวานนั้นอ้าปากพูดคำที่แสลงหู หันไปประจันหน้าลั่นวาจาด้วยประโยคยาวเหยียด ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นดุดัน
"อย่างนั้นหรือ?"
"อย่ามายิ้มแบบนั้น เราไม่ได้ห่วง"
"ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง"
เมื่อริฏวานเห็นแล้วว่าผู้เป็นนายนั้นคงไม่ยอมรับต่อสิ่งที่รู้สึกเป็นแน่ จึงขอยอมแพ้ไม่ต่อความให้ยืดยาว สองขาของจาร์มาล์ก้าวเดินนำหน้า แผ่นหลังหนาแกร่งค่อย ๆ เดินห่างออกไป ริฏวานได้แต่ส่ายหัวแล้วยิ้มอ่อนต่อการกระทำของจาร์มาล์ ที่ปากช่างแข็งไม่ตรงกับใจ
"สักวันท่านจะกลืนน้ำลายตัวเองสหายรักของข้า" กร่นบ่นเพียงลำพังอย่างหน่ายใจ ก่อนจะก้าวขาย่างกรายตามผู้เป็นนายไปยังที่หมาย
"ถ้าเราไม่กลับไปทานมื้อเย็นกับท่านแม่ตามสัญญา ท่านแม่จะต้องน้อยใจแน่ ๆ ริฏวาน" จาร์มาล์ที่เข้ามาในกระโจมที่พัก เอ่ยทักท้วงขึ้นเมื่อนึกถึงคำมั่นที่ให้ไว้กับมารดา ก่อนจะเดินทางมายังทะเลทรายที่กบดาน
"แล้วเหตุใดท่านถึงต้องการจะผิดสัญญา" ริฏวานเอ่ยถาม แม้จะคาดเดาไว้แล้วอย่างรู้ทัน สาเหตุนั่นคงเป็นเพราะจัสซีเนียที่นอนซมด้วยพิษไข้เป็นแน่
"ระยะทางไกล บางทีเราก็เหนื่อย" เป็นคำตอบที่ไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ด้วยการตอบที่บ่ายเบี่ยงสายตาไปทางอื่นอย่างต้องการหลบซ่อนความรู้สึก ริฏวานเห็นแล้วนึกขำ แต่ไม่อาจแสดงอาการออกมาได้อย่างให้เกียรติผู้เป็นนาย
"หึ" ความอดทนของริฏวานมีไม่มากพอ จนเขาต้องแค่นเสียงจากลำคอเบา ๆ นั่นทำให้จาร์มาล์หันหน้ามองทันทีทันใด
"ขำอะไร?" และแล้วเขาต้องย้อนถาม ยิ่งสายตาของริฏวานมองมา ยิ่งทำให้จาร์มาล์นึกประหม่า
"ขำท่านที่ปากแข็ง" ริฏวานต้องพูดออกไปตามจริง
"อย่ามาเล่นลิ้นริฏวาน" ย้อนถามเป็นนัยกับอาการที่ลูกน้องเป็น แววตาดุดันจ้องมองเลิ่กลั่ก กิริยาที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แสดงออกมาต่อหน้าจาร์มาล์ นั่นยิ่งทำให้จาร์มาล์กลั้นหัวเราะไม่ไหว
"หึหึ...ปากไม่ตรงกับใจ"
"อยากตายเหรอริฏวาน"
"ท่านพักสักครู่เถิด หากได้เวลาเดินทางกลับคฤหาสน์ กระผมจะมาตาม"
"นาย!!"
ยังไม่ทันที่คนปากแข็งจะได้ด่าทอต่อว่า ริฏวานก็โค้งหัวด้วยความเคารพ ก่อนจะเดินออกจากกระโจมที่พักไป ทิ้งไว้เพียงผู้เป็นนายที่กระแทกเสียงเรียกตามหลัง ฟังยังไงก็ดั่งคนเกรี้ยวโกรธ สาเหตุนั่นเพราะถูกลูกน้องคนสนิทจับพิรุธได้ มันทำให้คนที่วางฟอร์มเหี้ยมโหดต้องเสียหน้า
"หึ! ทำเป็นรู้ดี...อย่างเราจะไปห่วงแพศยาแบบนางทำไมกัน ไม่มีทาง!"
"รถเตรียมพร้อมออกเดินทางกลับแล้วครับ" เมื่อได้เวลาอันควรแก่การเดินทาง ริฏวานก็ทำหน้าที่ด้วยความตั้งใจ แต่ฉไนเลยผู้เป็นนายกับยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง
"........" เสียงเรียกของริฏวานดังพอที่จะได้ยินชัดเจน แต่คนเจนจัดเล่ห์เหลี่ยมแสร้งทำเป็นนิ่ง เหมือนกับไม่ได้ยินมัน
"ท่านจาร์มาล์" เรียกครั้งแรกไม่สนใจ ริฏวานเลยเดินขยับเข้าไปใกล้อีก
".........." จาร์มาล์ก็ยังคงนิ่งเฉยดังเดิม ทำเพียงพลิกกายหันหลังให้ ทำดั่งกับคนหลับสนิทไม่รู้เรื่องราวอันใด
"ท่านจะผิดคำสัญญาต่อมารดาอย่างนั้นหรือ?" ริฏวานพูดขึ้นเสียงเรียบเป็นการย้ำเตือน การทำแชเชือนของผู้เป็นนายที่ไม่ต่างจากเด็กในตอนนี้ เป็นท่าทีผิดแปลกจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง ความเหี้ยมโหดและเด็ดเดี่ยวแทบจางหายไป แม้จะรู้ดีว่าเพราะเหตุผลใดถึงเป็นเฉกเช่นนี้
พรึ่บ!! คำว่าสัญญาแว่วเข้ามาในหู ทำให้จาร์มาล์ปัดผ้าห่มผืนหนาออกจากกาย แล้วดีดตัวลุกนั่งอย่างวางท่า เพ่งพิศสายตามองริฏวานอย่างเคร่งขรึม
"เราแค่หลับเพื่อพักสายตา แต่ว่าคงจะหลับลึกเกินไป ทำไมไม่เรียกเราดี ๆ"
"เรียกอยู่หลายที แต่ท่านไม่คิดสนใจ"
ทำทีเป็นต่อว่าเสียงเข้ม ทว่านั่นกลับยิ่งแสดงพิรุธให้ริฏวานได้หัวเราะขบขัน ไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงต่อสิ่งที่เป็นเช่นไร แถจนสีถลอกข้างไปหมด
"เรียกแล้วเราก็ต้องได้ยิน"
"ท่านแสร้งต่างหาก"
"สรุปใครเป็นนายของใครกันแน่ริฏวาน!"
เมื่อสู้รบฝีปากคงไม่รอด จึงข่มด้วยเสียงเข้มอย่างเอาแต่ใจ แสดงอำนาจบาดใหญ่เพื่อหยุดสิ่งที่ริฏวานนั้นกำลังดูแคลนด้วยสายตา ทว่ากลับจริงจังไม่ ทุกอย่างที่แสดงต่อกันยามอยู่ส่วนตัว ล้วนเป็นความสนิทชิดเชื้อใจดั่งเพื่อนทั้งปวง
"ขออภัยครับ...ตอนนี้ท่านควรลุกจากกระโจมเพื่อเดินทางได้แล้ว เพราะหากล่าช้ากว่านี้เกรงว่าจะมืดค่ำเสียก่อน"
"รู้แล้วน่า"
ไม่อยากเย้าแหย่ให้ผู้เป็นนายหัวร้อนมากไปกว่านี ริฏวานจึงตัดบทสนทนาด้วยการย้ำเตือนต่อการเดินทางอีกครั้ง ทำให้จาร์มาล์รีบลุกไปหยิบเสื้อคลุมที่พาดตรงเก้าอี้หรูหรา ก่อนจะสะบัดหางตาใส่ริฏวาน แล้วย้ำเท้าเดินออกมา มุ่งหน้าสู่กระโจมอีกหลังที่อยู่ไม่ไกล เหตุผลไม่ต้องคาดเดาให้วุ่นวายสมอง ไม่ต้องตรองให้ปวดหัว แค่มองด้วยสายตาเดียวก็รับรู้ต่อการกระทำล่วงหน้าของคนปากแข็ง
"หมอต้องอยู่รักษานางที่นี่จนกว่าจะหายดีเป็นปลิดทิ้ง" สองมือไขว้หลังยืนสั่งการกับหมอ วางท่าอย่างน่าเกรงขาม จนหมอต้องหลบสายตาดุดันนั้นอย่างนึกกลัว
"รับทราบครับ"
"พรุ่งนี้เราจะมาดูอีกครั้ง...หากนางมีอาการทรุดหนักลงไปอีก หรือหมดลมหายใจ หมอก็จะต้องตามนางไปเช่นเดียวกัน" เป็นคำขู่ที่ทำเอาหมอนั้นขนลุกขนพอง น้ำเสียงที่ฟังเหมือนเย็นยะเยือกแต่กลับมีพลังล้างผลาญจนน่ากลัว ทำหมอตัวสั่นอย่างหวาดหวั่น จนแทบไม่กล้าสบตาเลยทีเดียว
"ครับ"
จาร์มาล์ขยับขาเดินเข้าไปหยุดยืนข้างเตียงคนไข้ ไล่กวาดสายตามองจัสซีเนียตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ที่ใบหน้าเหลืองซีด หลังมือที่เสียบสายน้ำเกลือ ความเผลอไผลทำให้จาร์มาล์เอื้อมมือหวังจับต้อง แต่เมื่อประคองสติกลับคืนได้ ต้องชักมือกลับเร็วไว ทอดถอนลมหายใจพ่นแรง ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากออกมา มุ่งหน้าสู่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่ห่างไกลจากจุดกบดานในเวลาต่อมา
ยามราตรีผ่านพ้นไป แสงตะวันเจิดจ้าเปล่งรัศมีความร้อน คนที่จับไข้สูงทุเลาเบาลง และเริ่มคงสติรู้สึกตัว แต่ยังไม่หายดี เพราะอาการที่จัสซีเนียเป็นนั้นหนักหนาใช่ย่อย เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้น กะพริบปรับรับแสงดวงตะวันที่ ณ ตอนนี้ร้อนระอุแทบหลอมละลาย แต่สำหรับจัสซีเนีย ที่ร่างกายอ่อนเพลียกลับรู้สึกหนาวสั่นด้วยพิษไข้ที่มี หล่อนพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง แล้วกวาดสายตามองโดยรอบอาณาบริเวณ จนสายตาบรรจบเข้ากับเขาคนนั้นที่หล่อนเกลียดขี้หน้า เดินเข้ามาในกระโจมที่พักพอดิบพอดี
"หึ" ทว่าเสียงนั้นกลับทำให้เธอไม่อยากจะลืมตาตื่นแม้แต่น้อย จนค่อย ๆ เบือนหน้าหนีไปอีกทาง อีกทั้งร่างกายของหล่อนตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะปะทะกับจาร์มาล์ผู้ปากร้ายและป่าเถื่อน
"ร่างกายนางดีขึ้นแล้วครับ พักผ่อนอีกสามสี่วันก็หายดีเป็นปกติ" เมื่อหมอตรวจดูอาการก็รีบรายงานจาร์มาล์ทันที
"อืม ไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย ตอนนี้เราจะส่งหมอกลับ"
"แต่ว่าอาการของนาง...."
แกร๊ก!!
เสียงเข้มสั่งการอย่างเอาแต่ใจ แต่ทันใดนั้นเสียงของหมอก็พูดขัดขึ้น หวังจะชี้แจงอาการคนไข้ แต่มันกลับไม่ได้ดั่งใจคนอารมณ์ร้าย ทำให้จาร์มาล์กดปลายกระบอกปืนจี้กลางหน้าผากของหมอทันทีอย่างข่มขู่ นั่นถึงทำให้หมอยืนนิ่งตัวเกร็ง เพราะหวาดกลัวว่าปืนจะลั่นใส่หัว
"จะไปแบบยังมีลมหายใจ หรือหมอจะไปแบบไร้ลมหายใจสิ้นวิญญาณ" เปล่งเสียงเย็นยะเยือก เพ่งพิศมองหน้าหมออย่างเชือดเฉือน สื่อเป็นนัยว่าการกระทำต่อจากนี้คือคำเตือน ว่าควรทำตามคำสั่งการ หรือควรคัดค้านต่อกลอน
"คะ ครับ" แต่ความกลัวของหมอนั้นมีมาก จึงตอบรับอย่างเร็วไว
"เชิญทางนี้ครับหมอ" ริฏวานผายมือเชื้อเชิญอย่างรู้งาน จากนั้นจึงเดินตามหมอออกไป ทิ้งไว้เพียงผู้เป็นนายไว้กับคนไข้ตามลำพัง
"ไง...แพศยาอย่างเธอ จะตายง่าย ๆ แบบนี้ ดูจะไม่ยุติธรรมสักเท่าไหร่ " น้ำเสียงที่เขาใช้เอ่ย ฟังแล้วดั่งกับเย้ยหยันดูแคลน
".........." จัสซีเนียทำได้เพียงเงียบเพื่อรอฟัง แม้ว่าร่างกายจะอ่อนแรง แต่เธอก็ยังพยายามที่จะหยัดตัวลุกนั่ง
"อย่างเธอน่ะ จะตายไม่ได้นอกจากเราเป็นคนอนุญาต! ชาตินี้ทั้งชาติจะมีเพียงเรา ที่เป็นเจ้าชีวิตของเธอแต่เพียงผู้เดียว จำไว้!"
"อ๊ะ!!"
เขาปรี่ประชิดตัวของจัสซีเนีย สองมือแกร่งจับแน่นตรงไหล่มนนั้นเต็มแรง เขย่าจนหัวของหล่อนสั่นคลอน และตัดรอนทิ่มแทงเสียดสีด้วยวาจาที่หยาบกร้านไม่น่าฟัง ก่อนจะสะบัดร่างของหล่อนอย่างแรงจนเซถลาแทบประคองตัวไว้ไม่ไหว
"กระแดะทำสำออย ไม่ใช่ว่าอ่อยให้เราพิศวาสหรือสงสารหรอกนะ แต่บอกเลยว่าเราไม่หลงกลผู้หญิงเช่นนี้"
"เลว!"
กลีบปากของจัสซีเนียที่ยากจะขยับแต่ก็ยังคงพยายาม เธอหันมามองเขาเพียงเสี้ยวสายตา และพ่นคำด่าทอสั้น ๆ แต่หนักแน่นด้วยความเกรี้ยวโกรธ
"รู้เห็นแค่นี้บอกว่าเราเลว ถ้ารู้หมดอย่างละเอียดนี่จะไม่ช็อกตายหรอกรึ?" เหมือนคนใจโฉดจะไม่สะทกสะท้าน แถมยังต่อปากเหน็บแนมอย่างเหนือกว่า
"ระยำ!!" และคำด่าก็ยังคงออกจากปากก็จัสซีเนียอยู่ร่ำไป
"ช่างไม่เจียมสังขารเอาเสียเลย ดูสภาพตัวเองสิ ทำเป็นปากดี!"
"อย่างน้อยก็มีดี ไม่เหมือนแก! ที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นและป่าเถื่อน"
"มันสมควรตาย"
"เอาอะไรมาตัดสินว่าใครสมควรตาย แกเป็นผู้พิทักษ์กฎหมายหรือไง! แกมันก็แค่โจรใจทรามต่ำช้า ปล้นฆ่าคนอื่นแย่งชิงทรัพย์ไปเป็นของตนเอง!!"
"หึ ฮ่าฮ่า...น่าขำสิ้นดี!! ทรัพย์คนอื่นอย่างนั้นรึ?....ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ทรัพย์ที่เธอว่ามานั้น มันมาจากสิ่งโสมม ไอ้คนพวกมันมันสมควรเจอแบบนั้นแล้ว ที่พวกมันมีกินมีใช้ ไม่ใช่ของที่ได้มาอย่างขาวสะอาด แต่มันมาจากการทำสิ่งผิดกฎหมายทั้งนั้น รู้เอาไว้ซะด้วย รวมทั้งของพ่อและพี่ชายเธอด้วย! อย่าโง่! "
คำสุดท้ายที่หนักแน่น นิ้วมือแกร่งจิ้มลงกลางหน้าผากมนของจัสซีเนียอย่างแรง จนเธอที่กำลังประจันหน้ากับเขาต้องหงายหลังลงกับพื้นเตียงนอน ไร้ซึ่งความอ่อนโยนและไม่มีแม้แต่คำพูดดี ๆ ที่ออกจากปากของจาร์มาล์ ไร้วาจาที่น่าฟัง นั่นทำให้จัสซีเนียที่เจ็บป่วย ปวดเมื่อยตามร่างกายน้ำตาแทบไหลรินเพราะเจ็บปวด...
(9)