บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2-ไม่ตายง่าย ๆ

"รถพร้อมแล้วครับ" เสียงของริฎวานคนสนิทเอ่ยบอก เขากรอกเสียงมาแต่ยังไม่ทันถึงกรงขัง ลั่นเสียงดังมาหวังว่าให้คนเป็นนายให้ความสนใจ แม้จะอยู่ในคราบของโจรทะเลทราย ลึก ๆ ในใจก็นึกสงสารผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ถูกทำร้าย

"อืม..." มันเป็นดั่งใจหวัง จาร์มาล์ผ่อนกำลังและปล่อยมือหลุดจากหญิงสาว สะบัดเธอแรงจนตัวปลิวกระแทกกับเหล็กอย่างไม่คิดโอนอ่อนให้ ร่างกายของเธอคงบอบช้ำเข้าอีกละลอกจากแรงเหวี่ยงของชายชาตรี

"ท่านจะไปในสภาพนี้ไม่ได้นะครับ กระผมเตรียมชุดให้เรียบร้อยแล้ว...ไปเปลี่ยนเสียเถิด" คนสนิทย้ำเตือนด้วยความหวังดี ผู้เป็นนายจะมีสภาพในคราบโจรกลับเข้าคฤหาสน์ นั่นคงทำให้ผู้เป็นบิดาและมารดาได้สงสัย การที่ออกมาอยู่เช่นนี้แน่นอนว่าเขาปิดบัง เพราะมันมีเรื่องที่เขาต้องเคลียร์สะสางส่วนตัว

"ขอบใจที่เตือน...เฝ้านางแพศยานี่ไว้ให้ดี หากนางหลบหนีไปได้เราจะจัดการกับทุกคนที่อยู่ที่นี่" คำพูดแรกเอ่ยกับริฎวานคนสนิท ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเข้มกำลังบริวารที่คอยเฝ้ากรงขัง

(ขอรับ!!) เสียงอันฮึกเหิมตอบรับพร้อมกันอย่างเข้มแข็งแก่ผู้เป็นนาย นั่นถึงทำให้จาร์มาล์ก้าวขาเดินจากไป ด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม แม้ฝ่าเท้าย้ำพื้นทรายยังทรงพลัง ยิ่งร่างกายกำยำสมส่วนวางท่าด้วยอำนาจ ยิ่งทำให้เขาดูน่าหวาดเกรงต่อสายตาของเหล่าบริวาร

"การมาอยู่ที่นี่ ท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่ทราบใช่ไหม?" เสียงเรียบนิ่งแต่ทรงพลังเอ่ยถามคนสนิทด้วยความอยากรู้ เมื่อรถจิ๊ฟขับเคลื่อนเดินทาง

"ไม่ขอรับ...ทราบเพียงแค่ว่าท่านออกเที่ยวตามประสา" ริฎวานรายงานอย่างนอบน้อม คำพูดที่ผู้เป็นนายสั่งให้เป็นกันเองแบบคนธรรมดา ไม่ต้องมากพิธีรีตอง

"ดี! อย่าให้พวกท่านรู้เด็ดขาด จนกว่าเรื่องของเราจะสะสางให้แล้วเสร็จ"

"ขอรับ"

----------

"วันนี้คาดว่าคงจะหนาวเหน็บกว่าทุกคืน" ทันทีเมื่อก้าวขาเข้ามาในคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่า เสียงเข้มที่ไม่ต่างจากบุตรชายก็เอ่ยทักท้วง เพียงเห็นร่างกำยำเดินนำหน้าเหล่าบริวารเข้ามา

"จาร์มาล์!!" เสียงเรียกชื่อบุตรชายด้วยความดีใจ กับการที่พบเจอกันในรอบหลายวัน ทำเอาผู้เป็นมารดานั้นปลื้มปรีติด้วยความคิดถึง ปรี่เข้าหาบุตรชายแล้วโอบกอดด้วยความห่วงหา

"อัสลามุอะลัยกุม.ท่านแม่" คำทักทายที่ฟังแล้วละมุนหู เขาจะมีให้แค่บิดาและมารดาเพียงเท่านั้น เป็นอีกมุมที่น้อยคนนักจะได้เห็น เขาจะไม่แสดงออกในมุมนี้แก่สายตาใคร เพราะมันจะทำให้ความน่าเกรงขามลดหลั่นลง นั่นคงทำให้เหล่าบริวารไร้ความเกรงขาม

"วะอะลัยกุมุสลาม.ลูกรัก"

"อัสลามุอะลัยกุม.ท่านพ่อ" การนอบน้อมเคารพด้วยการแตะมือลงหลังเท้าของบิดา พร้อมคำทักทายเช่นเดียวกับผู้เป็นมารดา

"วะอะลัยกุมุสลาม."

"รอบนี้ลูกเที่ยวหลายวันมากเลยจาร์มาล์ แม่คิดถึงแต่ก็รู้ว่าลูกต้องกลับมา ไม่อยากกวนใจ" มือของผู้เป็นมารดาลูบแก้มของบุตรชายด้วยความรัก พร้อมเอ่ยวาจาออกมาอย่างคนน้อยใจ ทำให้ผู้เป็นสามีที่นั่งมองอยู่อมยิ้ม

"ลูกขอโทษที่ทำให้ท่านแม่เป็นห่วง แต่ลูกวางใจได้เพราะยังไงก็มีท่านพ่อที่เอาใจท่านแม่แทนลูกอยู่แล้ว...จริงไหมขอรับท่านพ่อ" จาร์มาล์ลั่นวาจาปลอบใจผู้เป็นมารดา ตามสำทับด้วยการเอ่ยหาความเห็นจากบิดาที่นั่งอยู่ตรงข้าม

"นั่นเมียพ่อ ไม่ต้องรอใครมาเอาใจแทนหรอก...แล้วนี่เมื่อไหร่จะเลิกเที่ยวเตรดเตร่เสียที ภารกิจมีมากมายไม่คิดจะช่วยดูแล" คำพูดเอ่ยแซวบุตรชายที่เรียกรอยยิ้มเขินอายให้แก่ภริยา แต่ว่าประโยคหลังที่ลั่นออกมาทำเอาบุตรชายถึงกับยิ้มไม่ออก

"ขอเวลาลูกไม่นาน แล้วจะมาช่วยงานนะขอรับ" การร้องขอต่อกลอนลั่นบอกไป ทำเอาบิดาถึงกับส่ายหัว แม้จะมีภารกิจมากมาย แต่ก็ไม่อยากจะเร้าหรือบังคับบุตรชายให้กระทำ เพราะเชื่อให้คำมั่นที่บุตรชายได้ให้ไว้ เมื่อควรค่าแก่เวลาเขาจะมารับหน้าที่ตามที่เอ่ยปาก

"ไม่บังคับ แต่ก็ใช่ว่าต้องรอนาน...งานไม่รออย่างที่ลูกคิดหรอกจาร์มาล์ เออ...แล้วไหนบอกว่ามีคนรัก ไม่เห็นจะพามาแนะนำเลยสักครั้ง"

".........."

ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นด้วยคำสอน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสิ่งที่นึกขึ้นได้ คำว่าคนรักที่ทำให้รอยยิ้มอ่อนของจาร์มาล์หายไป ยิ่งคิดย้อนไปยิ่งทำให้เขาเคียดแค้น แต่มันต้องเก็บกลั้นไว้ในใจ แสดงความเกรี้ยวโกรธออกมาก็ไม่ได้ ทำได้เพียงนิ่งเฉยเท่านั้น ทั้งที่ภายในใจนั้นกำลังบีบรัดก้อนเนื้อข้างซ้ายด้วยความเจ็บแค้น

"ตอนนี้ลูกยังไม่พร้อม...อย่าสนใจเรื่องของลูกเลยขอรับท่านพ่อ มันไม่ได้มีสาระอะไรเลยสักนิด" การบ่ายเบี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจ แต่หาใครอื่นใดรู้ไม่ว่ามันคือความเจ็บปวดที่เขาต้องแบกรับไว้ ไม่สามารถพูดมันออกไปให้ใครฟังได้

"ทำไมลูกพูดแบบนั้นจาร์มาล์" เสียงของผู้เป็นมารดาทักท้วง เมื่อสีหน้าของบุตรชายดูไม่ยิ้มแย้มเหมือนก่อนหน้า เพียงแค่สิ้นคำถามของผู้เป็นบิดา

".........." บุตรชายเลือกที่จะเงียบเมื่อผู้เป็นมารดานั้นต่อว่า คำว่าคนรักที่ตอนนี้กลายเป็นคนเคยรัก เพราะถูกหักหลังมันทำให้จาร์มาล์นั้นฝังใจเจ็บ

"เอาละ...ฟาตินก็อย่าไปตำหนินัก จาร์มาล์ขึ้นไปพักเถอะ" เมื่อเห็นสายตาที่ฟาดฟันระหว่างบุตรชายและภริยา ผู้ที่เป็นประมุขของครอบครัวจึงเอ่ยแทรก ส่งสัญญาณทางสายตาแยกให้ลูกออกห่างจากผู้เป็นมารดา ลูกผู้ชายเหมือนกันย่อมเข้าใจในสิ่งที่สื่อ แต่กับคนเป็นสามีก็ไม่อยากจะริดรอนความรู้สึกของภริยา

"ท่านชอบให้ท้ายลูกจนเริ่มเสียนิสัยเหมือนกับท่าน..." น้ำเสียงที่เง้างอนไม่พอใจ สะบัดใส่ผู้เป็นสวามี

"ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะฟาติน" หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงด่าทออย่างไม่ไว้หน้า แต่ทว่าตอนนี้ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป กาลเวลาและความรักที่มีให้ มันผันกลายอุปนิสัยร้ายไปแทบหมดสิ้น ไม่เคืองโกรธผู้เป็นภริยาเลยสักนิดในการต่อว่า มันกลับเรียกรอยยิ้มของคนยิ้มยากเสียมากกว่า รวมทั้งบุตรชายที่นั่งมองไม่กะพริบตาเช่นกัน

"ลูกขอตัว...ยังไงก็รักท่านแม่นะขอรับ" จากที่บึ้งตึงแปรเปลี่ยนเป็นอมยิ้มทันทีทันใด เมื่อได้เห็นอาการของผู้เป็นมารดาตอนนี้ แม้จะเป็นการตำหนิ แต่เมื่อผู้เป็นบิดาช่วยเหลือไม่ให้โดนไปมากกว่านี้ ย่อมเป็นการดีแล้ว

สองเท้าเหยียบย้ำไปตามพื้นกระเบื้องหรูหรา ราวบันไดที่เป็นทองแท้ทั้งสองฝั่ง แวววับสัมผัสรับกับแสงไฟที่สาดส่อง จาร์มาล์เดินขึ้นมายังคฤหาสน์ฟากฝั่งที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว โดยมีริฏวานคนสนิทคอยติดตามรับใช้

"ไปพักเถอะ...เราจะพักผ่อนเช่นกัน" เสียงเข้มสั่งการโดยไม่หันมามอง จากนั้นก็เดินทอดน่องเข้าสู่ห้องน้ำหรูหรา ที่ถูกตระเตรียมเพื่อการใช้งานในทันที

"สิ่งที่ทำกับเรา...แพศยาอย่างเธอต้องชดใช้อย่างทรมาน" การนอนแช่น้ำหวังผ่อนคลาย แต่ไฉนเลยในหัวถึงได้มีภาพของเธอที่เกลียดชังฉายวับเข้ามา แก้วไวน์แดงรสเลิศกรอกเข้าปากอย่างต่อเนื่อง แววตาคมเข้มที่ทอดมองออกไปตามทัศนียภาพที่กว้างไกล ฉายแววอาฆาตเคียดแค้นเพียงแค่ใบหน้ามนนั้นวนเวียนให้นึกถึง

กริ่ง กริ่ง เสียงของเครื่องมือสื่อสารดังเข้ามา หันเหสายตาให้ความสนใจต่อการโทรเข้าหา ทำให้ความคิดนั้นหยุดชะงักลงทันที

"มีอะไร!?" ตอบรับปลายสายด้วยน้ำเสียงที่น่ายำเกรง

(นักโทษที่อยู่ในกรงขัง นางป่วยตัวสั่น พวกเราล้วนเป็นชาย ไม่รู้ต้องจัดการอย่างไรครับ ได้แต่เฝ้านางนอนตัวสั่นเท่านั้น และเหมือนอาการจะไม่ค่อยสู้ดี หากปล่อยไว้แบบนี้นางคงแย่) เสียงของบริวารที่ได้รับมอบหมายกล่าวรายงานอย่างละเอียดยิบ

"ไม่น่าตาย ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ" ความใจแข็งไม่คิดโอนอ่อน แม้จะได้รับรายงานถึงอาการของจัสซีเนีย

(ขอรับนายท่าน) แม้บริวารที่เห็นอาการจะนึกสงสาร แต่ในเมื่อไม่มีคำสั่งการจากปากของผู้เป็นนาย ก็ไม่อาจจะล่วงล้ำกระทำเองได้ จึงตอบรับด้วยความจำยอมและวางสายไป

"หึ!! คนแบบนางไม่ตายง่าย ๆ หรอก" รอยยิ้มมุมปากที่ร้ายกาจ มือหนึ่งควงแก้วไวน์รสชาติดี ก่อนจะยกจิบอย่างสบายใจ แต่อีกฟากฝั่งนั้นช่างต่างกันลิบลับ

เขาดูมีความสุข แต่เธอกลับทุกข์ตรมและข่มขื่นเจียนตาย ร่างกายที่อ่อนแออ่อนแรงเหนื่อยล้า การถูกทำร้ายร่างกายทำให้เธอนั้นจับไข้ แต่เขาไม่คิดจะสนใจ เพราะมีความแค้นครอบงำ

*****

"จะไปแล้วเหรอจาร์มาล์" เสียงเรียกของผู้เป็นมารดาทักท้วง เมื่อเห็นบุตรชายจ้วงเท้าวิ่งลงบันไดคฤหาสน์ลงมา ดั่งกับว่ารีบร้อนเหลือแสน

"ขอรับท่านแม่ แต่เดี๋ยวเย็นนี้ลูกจะกลับมา ขอออกไปทำธุระก่อน" เพียงเสียงเรียกของมารดา จาร์มาล์ก็รีบเดินในท่วงท่าปกติ แล้วให้คำตอบแก่ผู้เป็นมารดา ที่ตอนนี้ย่างกรายเข้ามาใกล้แล้วหยุดยืนตรงหน้า

"ดูรีบร้อนเหลือเกิน ทานมื้อเช้าก่อนค่อยไปสิลูก" มืออุ่นของมารดาลูบแก้มของบุตรชายด้วยความรัก พร้อมออกปากชวน

"ธุระค่อนข้างด่วน ลูกต้องรีบไป แล้วจะรีบกลับมาทานมื้อเย็นนะขอรับ"

"ก็ได้จาร์มาล์ งั้นก็รีบไป เดินทางปลอดภัยนะ"

"รักท่านแม่นะขอรับ"

"จ้ะ"

ความรีบร้อนไม่ใช่ว่าเพราะเหตุใด แต่มันคือการที่เหล่าบริวารโทรมารายงานในอาการของคนที่ถูกขังต่างหาก ปากแข็งบอกว่าดั่งไม่คิดจะห่วงใย แต่ไฉนเลยถึงทำคนใจแข็งนอนแทบไม่หลับตลอดทั้งคืน จนต้องรีบสั่งการมายังริฏวานให้ทำการเตรียมรถเพื่อการเดินทางแต่เช้า

"ดูท่านจะห่วงนาง" รถยนต์ขับเคลื่อนออกมาไกล แต่อาการของผู้เป็นนายยังดูร้อนรน จนคนสนิทต้องทักท้วง แม้จะรู้ทันเป็นนัยก็ตามที

"ไม่ได้ห่วง แค่ยังไม่อยากให้นางต้องตาย แล้วนี่หมอที่จะไปรักษาจัดการเรียกตัวแล้วใช่ไหมริฏวาน" คำปฏิเสธเสียงกร้าว เมื่อถูกคนสนิทจับได้จึงรีบเฉไฉอย่างวางท่า ก่อนจะเลี่ยงด้วยการถามหาคนที่จะไปรักษาคนป่วยที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย

"จัดการเรียบร้อยขอรับ อยู่ในรถยนต์คันหลังที่ตามติดมา" ริฏวานให้คำตอบ นึกขำในใจกับคำพูดปฏิเสธ แต่แท้จริงแล้วผู้เป็นนายรู้สึกตรงกันข้าม รู้ทันด้วยอุปนิสัยแท้จริง เพราะสนิทกันมาแต่เยาว์วัย จนรู้ใจไปแทบเสียทุกอย่าง

หากคนนั้นผู้เป็นนายอยากให้ตายหรือทรมานจริง ๆ อาการเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างจะถูกตัดรอนไปทันที ไม่มีอาการกระวนกระวายดั่งเช่นที่เป็นในตอนนี้อย่างแน่นอน...เบื้องลึกของความรู้สึกจากที่คาดเดาคงจะเริ่มตื้นขึ้นมาเสียแล้ว แต่ระยะเวลาที่ไม่นานก็ยังคาดหมายในความแน่นอนไม่ได้เฉกเช่นเดียวกัน แต่น่าจะไม่เหมือนดังก่อน

กำแพงหนาที่มันขวางกั้น ยากนักที่จะทำลายให้พังลง ความเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง หัวใจของผู้เป็นนายที่ทะนงดุจหินผา ไม่รู้ว่าจะมีใครสามารถทำลายให้พังลงได้หรือไม่

"อืม" คำตอบรับสั้น ๆ เป็นการรับรู้...ไม่มีผู้ใดพูดเจรจาอะไรกันต่อนับจากนี้ตลอดการเดินทาง

---------

สองเท้าก้าวเดินเข้ามายังเขตบริเวณที่มีอำนาจ เหล่าบริวารก้มหัวคำนับอย่างเคารพและยำเกรง

"นางอยู่ไหน?" เสียงเข้มดุดันเอ่ยถาม หมายถึงนักโทษหญิงที่เขาคุมขังไว้ จัสซีเนีย

"อยู่ในกรงขังสัตว์เหมือนเดิมครับ" คนที่ดูแลรายงาน

จากนั้นจาร์มาล์ก็เดินไปยังกรงขังนั้น จัดการออกคำสั่งให้เปิดประตู สภาพของจัสซีเนียนั้นซีดเซียว นอนตัวสั่นเทิ้มไร้สติ ริมฝีปากขาวเผือดเหมือนขาดน้ำ เขาเอื้อมมือไปจับต้องผิวกาย พบว่ามันร้อนระอุแทบไหม้ ไม่รู้ว่าเธอทานทนมีลมหายใจมาได้อย่างไรตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา

"ให้หมอตามไปที่พักของเรา รักษานางที่นั่น" อุ้มเธอแนบอกเดินออกมาจากกรงขังท่ามกลางสายตาของเหล่าบริวาร ที่มองเห็นแล้วเป็นต้องงุนงงกันเป็นแถบ ผู้เป็นนายไม่ดูร้ายกาจดุจเสือร้าย แต่กลับแตะกายนักโทษ เป็นสิ่งที่เหล่าบริวารไม่เคยเห็น

"ครับ" ริฏวานที่รู้หน้าที่ตอบรับด้วยความเคารพยำเกรง

(ป่วยหนักขนาดนี้เลยหรือ)

ร่างกายที่สั่นเทิ้มได้รับความอบอุ่นจากอ้อมอกของจาร์มาล์ ระหว่างทางเดินมายังที่พัก เธอมีอาการละเมอเพ้อฝัน ส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวัน แต่คนที่อุ้มเธอมาทำเพียงจ้องมองเท่านั้น คิดว่าคงเป็นผลที่มาจากพิษไข้

"รักษานางให้หายเป็นปกติ" เสียงเข้มสั่งการกับหมอที่พามา

"ครับ" หมอตอบรับและเริ่มทำหน้าที่ของตนด้วยความตั้งใจ

ส่วนจาร์มาล์และริฏวานก็นั่งดูการรักษาด้วยความเงียบสงบ เขาจดจ้องมองทุกอิริยาบถในการรักษา ไม่ละสายตามองไปทางใดนอกจากสนใจคนที่อยู่บนเตียงเท่านั้น

"ไม่ต้องห่วงมากไป เดี๋ยวนางก็หายเป็นปกติครับ" ริฏวานที่เห็นอาการของผู้เป็นนาย แม้จาร์มาล์จะไม่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใย แต่เขาก็รับรู้ได้จากสายตาที่จดจ้องไม่กะพริบแม้จะมีสายลมพัดผ่าน

"ไม่ได้ห่วง!" คำปฏิเสธก็เป็นในรูปแบบเดิม แต่สายตานั้นก็ยังไม่คิดจะละห่างไปไหน

(ท่านปากแข็งเหมือนกับเด็ก...ขอให้นางเป็นผู้พังกำแพงหัวใจของท่านในเร็ววัน) เป็นสิ่งที่ริฏวานพูดในใจ เขาไม่อยากจะให้ผู้เป็นนายนั้นมีทุกข์ และไม่มีความสุขในการดำเนินชีวิต ความเคียดแค้นที่มันครอบงำจนหัวใจของผู้เป็นนายแทบมืดดำ เขาอยากให้หัวใจผู้เป็นนายสุกสกาวด้วยสุขมากกว่าทุกข์ ไม่อยากให้ทำร้ายผู้ใด แต่ก็ไม่สามารถห้ามได้...

(6)

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel