บทที่ 2
โลเรนซาหน้าชา เจ็บแค้นซะยิ่งกว่าถูกตีแสกหน้า มาเฟียไก่อ่อนคนนี้ทำให้เขาอับอายเป็นอย่างมาก เพราะลูฟร์ไมได้เค้นเสียงด่าเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่เขาตะเบ่งเสียงด่าก้อง ส่งให้มาเฟียแทบทุกคนได้ยินกันถ้วนหน้า และเขาสาบานได้ว่าได้ยินเสียงหัวเราะเยาะจากมาเฟียพวกนี้ หัวเยาะเขาด้วย
แม้แค้นลูฟร์มากเพียงใด ที่หักหน้าเขาต่อหน้าพี่น้องมาเฟียนับร้อยคน กระนั้นโลเรนซาก็ยังคงฉีกยิ้มกว้าง เอ่ยพูดกับลูฟร์อย่างสนิทสนม เพื่อซ่อนความแค้นของตน
เองไว้
“ถ้าหลานยังไม่อยากคุยกับลุงก็ไม่เป็นไร ไว้หลานอารมณ์ดีก่อน แล้วเราค่อยคุยกันอีกครั้ง”
“ผมไม่ได้เป็นญาติกับคุณ อย่าเรียกผมว่าหลานอีก”
ลูฟร์สั่งเสียงเย็น รำคาญที่โลเรนซามาเห่ากวนใจในยามที่เขาต้องการความสงบเพื่อส่งดวงวิญญาณของบิดา จึงหันไปมองลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกาย พร้อมกับออกคำสั่งกับลูกน้องเสียงดัง จึงใจหักหน้าโลเรนซาให้หน้าชาอับอายพี่น้องมาเฟียอีกครั้ง
“ท่านบาทหลวงคงไม่ได้เริ่มพิธีแน่ ถ้ายังมีคนมาเห่าอยู่หน้าหลุมศพของคุณพ่อไม่หยุด มาค์โก้นายช่วยเชิญคุณโลเรนซาไปรูดซิบปากที่ด้านนอกสุสานด้วย”
“ได้ครับเจ้านาย”
มาค์โก้รับคำสั่งของเจ้านาย จากนั้นก็เดินตรงเข้าใส่โลเรนซา พร้อมกับลูกน้องร่างใหญ่ราวกับยักษ์อีกหนึ่งคน ซึ่งทำท่าจะเข้าไปหิ้วปีกคนปากมากอย่างโลเรนซาออกจากสุสาน แต่ก็ถูกอีกฝ่ายตะโกนห้ามสั่งดัง
“ไม่ต้อง กูไปเองได้”
โลเรนซาก้าวถอยหลัง เมื่อเห็นลูกน้องร่างยักษ์ของลูฟร์เดินเข้าใส่ตนเอง สะบัดแขนให้พ้นจากมือใหญ่มาค์โก้ ซึ่งกำลังจะลากเขาออกไปจากสุสานตามคำสั่งของเจ้านาย
“ถ้ายังงั้นเชิญครับ เชิญเดินออกไปดีๆ ก่อนจะถูกผมจับโยนออกไป”
มาค์โก้ผายมือไปข้างหน้า ไม่ได้ขู่แค่เพียงลมปาก แต่พร้อมจะทำเช่นดั่งที่เค้นเสียงออกไป หากโลเรนซาไม่ยอมทำตาม
ทางด้านของโลเรนซากัดฟันกรอด กำมือเข้าหากันแน่นด้วยความเจ็บใจ แม้เขาจะมีลูกน้องซึ่งคอยทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดติดตามมาด้วย แต่ก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาภายในบริเวณสุสาน เพราะเป็นคำสั่งของลูฟร์ ที่สั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนที่ติดตามเจ้านายมาร่วมงานศพให้รออยู่นอกสุสาน คนที่จะเข้ามาในสุสานได้ต้องเป็นระดับหัวหน้าเท่า
นั้น เพราะฉะนั้น ตอนนี้เขาก็เป็นเหมือนคนที่ไร้แขนขาสำหรับการสู้รบปรบมือกับลูกน้องของลูฟร์ ครั้นพอกวาดสายตามองหาเพื่อนรักอย่างฟิลิโป เพื่อขอให้อีกฝ่ายเป็นกองหนุนให้กับตนเอง ก็ไม่รู้ว่าฟิลิโปหายหัวไป จึงจำต้องล่าถอยออกมาก่อนจะถูกจับโยนออก
ไปนอกสุสานให้เสียหน้าไปมากกว่านี้
และก่อนจะเดินพ้นบริเวณจัดพิธีฝังศพ โลเรนซาก็ได้ยินคำพูดของตาเฒ่ารอสโซ ทำเอาเขาต้องชะงักฝีเท้าในทันควัน
“ลูฟร์ ลุงจะเลื่อนการแต่งตั้งดอนคนใหม่ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม”
“ครับ คุณลุง”
ลูฟร์รับคำเสียงราบเรียบ ไม่ได้ตื่นเต้นไปกับคำพูดของดอนรอสโซ ซึ่งกำลังบอกเป็นนัยๆ ว่าต้องการให้เขารับตำแหน่งดอน ออฟ ดอน ต่อจากบิดา
ดอนรอสโซ มาเฟียวัยเฒ่าต้องลอบเป่าลมออกจากปากกับท่าทีอันแสนเย็นชาของลูฟร์ เขาหมายหมั่นปั้นมือต้องการให้ลูฟร์ก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่ง ดอน ออฟ ดอน ตั้งแต่ลูฟร์เริ่มโตเป็นหนุ่ม เพราะนอกจากจะฉลาดหลักแหลมแล้ว ลูฟร์ยังเป็นคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับการขึ้นมาปกครองมาเฟียทั่วทั้งกรุงโรม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยินดียินร้ายกับตำแหน่งนี้แม้แต่นิดเดียว
“ลุงจะให้หัวหน้ามาเฟียทุกคน โหวตเลือกดอนคนใหม่ในวันนี้เลย”
“จำเป็นต้องแต่งตั้งดอนคนใหม่เร็วขนาดนั้นเลยหรือครับคุณลุง” ลูฟร์ยังคงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกเช่นเดิม
“ใช่ ลูฟร์ จำเป็นมาก”
ดอนรอสโซหยุดพูดไปชั่วขณะ หันไปมองดอนโลเรนซา ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แน่นอนว่ามาเฟียจอมเจ้าเล่ห์อย่างโลเรนซากำลังตั้งใจฟังเขาพูดกับลูฟร์อยู่ จึงเอ่ยบอกลูฟร์โดยไม่จำเป็นต้องระวังคำพูด
“ลุงต้องการเลือกคนใหม่ให้มาดูแลพี่น้องมาเฟียของเรา ก่อนที่ลุงหรือแกจะโดนสอยร่วงไปอีกคน”
ลูฟร์รู้ว่าดอนรอสโซจงใจพูดเสียงดังให้ดอนโลเรนซา และพี่น้องมาเฟียอีกหลายคนได้ยินด้วย จึงกระตุกยิ้มเย็นอยู่ตรงมุมปาก มองแผ่นหลังของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างดอนโลเรนซา ก่อนจะเค้นเสียงตอบเย็นยะเยือกให้ทุกคนที่ได้ยินต้องขนหัวลุกพองไปตามๆ กัน
“คำว่า ‘เผลอ’ ปล่อยให้ ‘หมา’ เข้ามาลอบกัดทางข้างหลังเป็นครั้งที่สองคงไม่มีอีกแล้ว กระสุนปืนอาก้าตกอยู่ในที่เกิดเหตุยี่สิบนัด เจาะเข้าร่างของพ่อผมสิบนัด และผมจำได้แม่นว่ากระสุนปืนร้อนๆ มันเจาะเข้าตำแหน่งใดบนตัวของคุณพ่อผม แน่นอนว่าผมจะส่งลูกตะกั่วกลับไปให้มันผู้นั้นคืน แต่จะไม่ใช่แค่สิบนัดหรือยี่นัดเท่านั้น มันจะต้องโดนถล่มจนมีรูพรุนไปทั้งตัว!”
ลูฟร์กระตุกยิ้มเหี้ยมมองตามร่างใหญ่ของดอนโลเรนซาที่รีบก้าวเดินออกไปจากสุสานอย่างรวดเร็ว แม้สงสัยว่าดอนโลเรนซาจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของบิดา แต่เขาก็ยังไม่มีหลักฐานเอาผิดดอนโลเรนซา และถึงแม้จะสงสัยดอนโลเรนซามากที่สุด กระนั้นเขาก็สงสัยมาเฟียคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งทุกคนที่ยืนอยู่ในสุสานล้วนเป็นผู้ต้องสงสัยสำหรับเขาทั้งสิ้น และนอกจากคนในตระกูลคาดิโอร์แล้ว เขาไม่ไว้ใจใคร ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น
“ตำแหน่งดอน ออฟ ดอน มันเป็นเหมือนดั่งขนมหวานสีสวย ที่ใครๆ ก็อยากลิ้มลอง อยากได้มันมาไว้ในอ้อมกอด จนกระทั่งยอมฆ่าพี่น้องมาเฟียด้วยกันเอง จริงไหมครับ คุณลุงรอสโซ”
น้ำเสียงที่ลูฟร์เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยการเยาะหยัน จนดอนรอสโซรู้สึกได้
“ใช่ ลูฟร์ มันหอมหวาน จนใครๆ ก็อยากหยิบขนมหวานชิ้นนี้มากินให้หนำใจ เพราะเหตุนี้ยังไงล่ะ ลุงถึงอยากให้ลูฟร์รับตำแหน่งนี้ไป และลุงก็หวังว่ามาเฟียเลือดใหม่อย่างลูฟร์ จะไม่ทำให้ลุงผิดหวัง”
เฒ่ารอสโซรับคำ และในตอนท้ายก็ไม่ลืมเอ่ยพูดมัดมือชก ไม่ให้มาเฟียหนุ่มจอมอหังการคนนี้ปฏิเสธความต้องการของเขา
“ผมคงปฏิเสธไม่ได้แล้วใช่ครับ”
ลูฟร์เอ่ยถามเสียงราบเรียบ ไม่ได้ยินดียินร้ายกับตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ ที่มาเฟียทุกคนต่างก็โหยหิว
“ถูกต้องแล้ว ลูฟร์ปฏิเสธไม่ได้ ชีวิตของลูฟร์ถูกขีดเส้นให้เป็นดอน ออฟ ดอน ตั้งแต่แรกเกิดแล้ว” เฒ่ารอสโซย้ำคำเสียงหนักแน่น ให้คำพูดของตนเองซึมเข้าสู่โสตประสาทของมาเฟียหนุ่ม
“น่าภูมิใจชะมัด”
ลูฟร์เค้นเสียงเยาะ ดวงตาคมกริบที่อยู่ภายใต้แว่นตาสีดำ ยังคงจับจ้องมองไปยังโลงศพของบิดา อยากหัวเราะให้กับตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ของการเป็นดอน ออฟ ดอน เป็นหัวหน้าครอบครัวของเหล่ามาเฟียทั้งหมดในกรุงโรม ทุกคนอยากเป็นดอน ออฟ ดอน ยกเว้นเขา แต่เมื่อเฒ่ารอสโซอยากให้เขารับตำแหน่งนี้มากนัก เขาก็จะไม่ขัดศรัทธา แต่ก่อนจะทำหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัว เขาขอทำหน้าที่ลูกที่ดีก่อน นั่นก็คือการตามล้างแค้น เอากระสุนปืนไปส่งให้กับคนที่ฆ่าบิดาเขาถึงหน้าบ้านของมัน!
ดอนโลเรนซาพกความแค้นกลับมายังรถยนต์ของตนเอง ทันทีที่เข้าไปนั่งอยู่ในรถ ปราศจากผู้คนรอบกายได้ยินเสียงสนทนาของตนเองแล้ว ก็กดโทรศัพท์โทรหาลูกสาวในทันที เมื่อปลายทางกดรับสาย ก็กระชากเสียงถามห้วนๆ ตามอารมณ์โกรธที่ยังคงคุกรุ่นอยู่
“อยู่ไหน”
สั้นๆ และห้วนๆ คือคำถามที่ผู้เป็นพ่ออย่างดอนโลเรนซาเอ่ยพูดกับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา
“อยู่ในมหาวิทยาลัย กำลังจะเข้าเรียนค่ะ คุณพ่อ” ฝ่ายลูกสาวเอ่ยตอบเสียงหวาน
“กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้” ดอนโลเรนซาออกคำสั่งเสียงห้วนเหมือนเดิม
“อะไรนะคะ กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามเต็มไปด้วยความตกใจระคนงุนงง จากนั้นก็เอ่ยถามบิดาต่อ พร้อมกับปฏิเสธความต้องการของบิดาด้วย
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงให้หนูกลับบ้านตอนนี้คะ”
“ไม่ต้องถาม ฉันบอกให้กลับก็กลับ ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ”
“แต่อีกไม่กี่นาทีอาจารย์ก็เข้าสอนแล้วนะคะ”
หากมองเห็นหน้ากันได้ ผู้เป็นลูกสาวจะเห็นว่าใบหน้าของบิดาถมึงทึง ดวงตาแข็งกร้าวเพราะความโกรธจัดที่ถูกขัดคำสั่ง
“ฉันบอกให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ได้ยินไหม”
ดอนโลเรนซาตะคอกสั่งใส่โทรศัพท์เสียงดังลั่น ซึ่งผู้เป็นลูกสาวก็จำต้องรับคำ ทำตามความต้องการของบิดาในที่สุด
“ก็ได้ค่ะ หนูจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
ดอนโลเรนซาโยนโทรศัพท์ทิ้งกับเบาะรถในทันที่ได้ยินคำตอบรับจากลูกสาวแล้ว ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและความคลั่งแค้นหันไปมองยังสุสาน แม้จะมองไม่เห็นคนที่ไล่เขาออกมาจากสุสานแห่งนี้ แต่กระนั้นก็ยังเค้นเสียงฝากความแค้นไปถึงว่าดอนคนใหม่ด้วย
“ไอ้ลูฟร์ ถ้ากูยังอยู่ มึงไม่ทางได้เป็นดอน ออฟ ดอน แน่ กูสาบาน!”