บทที่ 2 ร่อยรอยของมังกร
เพนต์เฮาส์ – 08:00 น.
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในเพนต์เฮาส์ที่สูงเสียดฟ้า แต่ก็ไม่อาจขับไล่ความเย็นชาที่แผ่ซ่านอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่นั้นได้ เหว่ยหลง นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ฉายภาพข้อมูลของ พริมา อย่างละเอียดครบถ้วนทุกบรรทัด
อาชิง ยืนอยู่ไม่ห่าง เขาเป็นผู้ติดตามที่ไว้ใจได้และเป็นมือขวาในการจัดการธุรกิจสีเทา เขาใช้ภาษาจีนกลางที่กระชับและเป็นทางการ ในการรายงานถึงรายละเอียดชีวิตของพริมา
“ข้อมูลยืนยันทุกอย่างครับ ไม่มีอะไรน่าสงสัย นอกจากการดิ้นรนอย่างหนักเพื่อรักษาความฝันของพ่อไว้”
เหว่ยหลงไม่ตอบ แต่สายตาของเขาล็อกอยู่ที่ภาพถ่ายของพริมาในห้องเช่าเล็กๆ ที่แม้จะเก่าแต่ก็สะอาดสะอ้าน ภาพที่เธอขะมักเขม้นอยู่กับกองตำราบัญชีนั้นตอกย้ำถึง ควาุ่งมั่นและความใสซื่อบริสุทธิ์ เหมือนที่เขาเห็นเมื่อคืนอย่างชัดเจน
“พ่อเธอ… เสียชีวิตเมื่อไหร่”
เหว่ยหลงเอ่ยถาม เขาเปลี่ยนมาใช้ภาษาไทยที่ช้าและทุ้มต่ำ เป็นภาษาที่เขาใช้เมื่อต้องการสื่อสารเรื่องส่วนตัวหรือความรู้สึกที่ถูกเก็บกด
“สองปีก่อนครับ” อาชิงตอบด้วยความเคารพ “อุบัติเหตุจากเครื่องจักรในโรงงานเล็กๆ ที่ไม่มีการจ่ายค่าชดเชยใดๆ เธอจึงต้องเป็นเสาหลักด้วยตัวเองตั้งแต่นั้นมา เธอปฏิเสธที่จะอยู่กับป้าเพราะไม่อยากเป็นภาระ และไม่เคยรับความช่วยเหลือทางการเงินจากใครเลยแม้แต่บาทเดียว”
ข้อมูลนี้ทำให้เหว่ยหลงนิ่งงัน แววตาของเขามีความซับซ้อนบางอย่าง ที่ถูกกระตุ้นโดยเรื่องราวการดิ้นรนของพริมา มันคล้ายกับความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เขาเองเคยถูกปลูกฝังในตระกูลหลง แม้จะอยู่ในกองเงิน แต่กลับไร้ซึ่งจริงใจและความรักที่แท้จริง
“จัดการโอนเงินจำนวนหนึ่งไปให้เธอ” เหว่ยหลงออกคำสั่งด้วยภาษาอังกฤษที่เฉียบขาด เป็นภาษาที่ใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจที่ไม่อาจโต้แย้งได้ “จำนวนที่มากพอให้เธอไม่ต้องทำงานในร้านกาแฟอีก”
อาชิงรีบโต้แย้งทันที “ขออภัยครับคุณเหว่ยหลง แต่ตามการวิเคราะห์ทางพฤติกรรม เธอจะปฏิเสธเงินนั้น และอาจมองว่าเป็นการข่มเหง เธอจะรับเพียงเงินที่เธอได้ ‘ทำงานแลกมา’ เท่านั้น”
คำพูดนั้นทำให้เหว่ยหลงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ความหงุดหงิดระคนความสนใจ ถูกจุดประกายขึ้น ความมุ่งมั่นอันไร้เดียงสาของเธอกลายเป็นกำแพงที่เงินและอำนาจของเขาทำลายไม่ได้ นี่คือคุณค่าที่ทำให้เธอเป็น ดอกไม้ที่หาได้ยากยิ่ง
“ถ้าอย่างนั้น... จัดหา ‘งาน’ ให้เธอ”
เหว่ยหลงหันกลับไปมองวิวเมืองเบื้องล่าง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ เต็มไปด้วยความแน่นอนและอำนาจเหนือกว่า
“งานที่ใช้ความรู้ของเธอ งานที่สมเหตุสมผล... และงานที่ทำให้เธอต้องอยู่ใกล้ฉันตลอดเวลา”
เขากำลังสร้าง กรงทอง ด้วยเครื่องมือที่พริมาต้องการที่สุด นั่นคือ โอกาสในการพิสูจน์ตนเอง
ในห้องพักเล็กๆ ของพริมา เธอเก็บนามบัตรของเหว่ยหลงลงในกระเป๋าสะพายอย่างระมัดระวัง ความหวาดระแวงยังคงเกาะกุม แต่เมื่อเธอมองไปยังตารางค่าใช้จ่ายที่ติดอยู่บนผนัง ความจำเป็นก็ชนะความกลัว
เธอคิดถึงพ่อ ผู้ที่สอนให้เธอเชื่อมั่นในความถูกต้องของตัวเลขและการใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาทุกอย่างๆ ใจเย็น
‘ลูกต้องใช้ความรู้บัญชีนี้ สร้างความมั่นคงให้ตัวเอง ไม่ใช่ให้ใครมาซื้อได้’
ความฝันของเธอคือการเปิดบริษัทบัญชีอิสระเล็กๆ ช่วยเหลือ SMEs ที่ซื่อสัตย์ในประเทศ ไม่ใช่การข้องเกี่ยวกับบุคคลอันตรายอย่างเหว่ยหลง แต่ข้อเสนอที่ถูกยื่นมาเมื่อคืน ทำให้เธอมีโอกาสที่จะได้เงินก้อนใหญ่เพื่อจ่ายค่าเทอมและสร้างฐานะได้อย่างรวดเร็ว
เธอตัดสินใจแล้ว หากเธอจะรับงานนี้ เธอต้องทำเพื่อ พิสูจน์คุณค่า ไม่ใช่เพื่อยอมจำนนต่ออำนาจ
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าดังขึ้น ชื่อผู้โทรคือ "ไม่ทราบเบอร์"
เธอรับสายด้วยเสียงที่พยายามควบคุมให้มั่นคง “สวัสดีค่ะ”
อาชิง ติดต่อเธอด้วย ภาษาไทยที่สุภาพและเป็นทางการ "คุณพริมาครับ ผมได้รับคำสั่งจากคุณเหว่ยหลงให้จัดการนัดหมายสัมภาษณ์งานบ่ายนี้ ที่บริษัท Long Corp คุณสะดวกไหมครับ"
"ดิฉัน... สะดวกค่ะ" พริมาตอบรับ "ฉันขอรายละเอียดของบริษัท Long Corp และขอบเขตงานที่จะทำได้ไหมคะ ฉันต้องการเตรียมตัว"
คำขอที่ตรงไปตรงมาและมุ่งเน้นงานของพริมาสร้างความประหลาดใจเล็กน้อยให้อาชิง เขาตอบตกลงอย่างสุภาพก่อนจะวางสายไป
พริมาหยิบตำราบัญชีขึ้นมากอดไว้แน่น เธอรู้ดีว่าเธอกำลังก้าวเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยเงาของความอันตราย แต่เธอก็พร้อมที่จะใช้ความรู้ที่เธอมีเป็นเกราะป้องกันและอาวุธในการเจรจาต่อรอง แม้ว่ามังกรที่รอเธออยู่นั้นจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ก็ตาม
เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากเดินหน้าเข้าสู่ใจกลางอำนาจของ Long Corp
