บทที่ 5 กล้าเสี่ยง
“บ้านคุณวีรินทร์ใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับ มาหายัยวีเหรอครับ ยัยวีไม่อยู่” พศินขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้ชายร่างสูงคนนี้เป็นเพื่อนวีรินทร์ทำไมเขาไม่รู้จัก วีรินทร์แนะนำเพื่อนทุกคนกับพ่อแม่ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักหรือว่าลูกสาวของเขาเพิ่งคบกับผู้ชายคนนี้
“ผมรู้ครับ ผมมาหาญาติคุณวีรินทร์ คุณเป็นเอ่อ..” โมทจ้องหน้าพศินพร้อมยิ้มน้อยๆ
“ผมพ่อยัยวี” พศินตอบเร็ว จากคำพูดของหนุ่มแปลกหน้าเหมือนกำลังจะบอกอะไรกับเขาสักอย่าง เขาเปิดประตูเล็กแล้วก้าวออกไปด้านนอก
“สวัสดีครับ ผมจะมาบอกคุณพ่อ คือ..คุณวีรินทร์..” โมทถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นสีหน้าซีดของหนุ่มใหญ่ตรงหน้า
“คุณคะ ใครมาเหรอคะ” นันทิตาเดินตามสามีออกมา โมทมองหน้าหล่อน
“สวัสดีครับ ผม โมทครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้สาวใหญ่ เขาเดาว่าหล่อนต้องเป็นแม่ของวีรินทร์
“สวัสดีค่ะ คุณมาหายัยวีเหรอคะ” นันทิตารับไหว้เขา รอยยิ้มของหล่อนเป็นมิตร
“เปล่าครับ ผมมาส่งข่าวคุณวีรินทร์ เอ่อ..คุณวี..”
“ยัยวีเป็นอะไร” พศินจ้องหน้าโมท เขาก้าวเข้าไปหาชายหนุ่ม
“คุณวีอยู่โรงพยาบาลครับ” โมทตัดสินใจพูดเร็ว
“อยู่โรงพยาบาล หมายความว่าไง ยัยวีเป็นอะไร” พศินคว้าต้นแขนโมทบีบแรงอย่างลืมตัว โมทแกะมือเจ้าของบ้านออกแล้วถอยห่าง พศินก้าวตามติด
“คุณคะ ใจเย็นๆ” นันทิตาดึงแขนสามีไว้ หล่อนรู้ว่าเขาเป็นห่วงวีรินทร์แต่โมทไม่ใช่คนทำร้ายลูกสาวหล่อนอย่างแน่นอน
“คุณบอกมาเร็วๆ ยัยวีเป็นอะไร ใครทำอะไรแก” หล่อนก้าวมายืนบังพศินไว้แล้วเร่งคำตอบจากโมท
“คือ..คุณวีรินทร์ช่วยชีวิตเจ้านายผมไว้ครับ ตอนนี้คุณวีปลอดภัยแล้ว เจ้านายผมให้มาส่งข่าว คุณพ่อกับคุณแม่ไปโรงพยาบาลพร้อมผมก็ได้ครับ”
“โรงพยาบาลอะไร” พศินเสียงเครียด โมทมองหน้าเขาพร้อมกับบอกชื่อโรงพยาบาล
“ผมจะไปเอง คุณกลับไปเถอะ ขอบใจที่มาบอกแต่ฝากบอกเจ้านายคุณด้วยห้ามหนีแล้วรอผมอยู่ที่นั่น”
“ครับ” โมทรับคำสั้นๆ แล้วหมุนตัวก้าวไปที่รถของเขา
รถโมทเคลื่อนออกไป พศินหันมาพยักหน้ากับภรรยาแล้วเดินนำหล่อนเดินกลับเข้าข้างในครู่เดียวประตูรั้วใหญ่ก็เปิดออก รถเก๋งสีบรอนแล่นออกมา
บุญส่งมองตามรถเจ้านายอย่างไม่ค่อยเข้าใจ พศินไม่เรียกใช้เขา นันทิตาวิ่งขึ้นรถโดยไม่หยิบกระเป๋าสตางค์เช่นทุกครั้ง สองสามีภรรยาร้อนรนออกจากบ้านไปไหน ไปพบใคร คนขับรถประจำบ้านส่ายหน้าแล้วปิดประตูเดินกลับเข้าบ้าน
“พี่ส่ง คุณศินกับคุณนันไปไหนทำไมรีบร้อนจัง” สมทรงผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามทันทีที่บุญส่งเดินเข้ามา
“ไม่รู้ มีคนมาหาแป๊บเดียวก็ขับรถออกไป ท่าทางคุณศินอารมณ์ไม่ดีด้วย”
“คุณวีเป็นอะไรรึเปล่าพี่ คุณศินบ่นหาอยู่เมื่อกี้” สมทรงพยายามหาสาเหตุที่ทำให้เจ้านายต้องรีบออกจากบ้าน
“ไม่รู้สิ ยังไงก็อย่าให้คุณวีเป็นอะไรเลย พี่ใจไม่ดีว่ะ” บุญส่งถอนใจ เขาเป็นห่วงนายสาวอยู่เช่นกัน
“ฉันก็เหมือนกัน คุณวีบอกว่าจะออกไปซื้อของกินแป๊บเดียว นี่มันนานแล้วยังไม่มา พี่ส่ง ฉันว่าต้องเกี่ยวกับคุณวีแน่ๆ เลยพี่”
“สาธุ อย่าให้คุณวีเป็นอะไรเล้ย” บุญส่งยกมือท่วมหัววอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตรงนั้น สมทรงมองออกไปหน้าบ้านในใจคิดเช่นเดียวกับสามี
ที่โรงพยาบาล วีรินทร์ยังนอนนิ่ง ที่ปากยังมีสายออกซิเจนเสียบอยู่ แขนซ้ายยังมีสายยางให้เลือดอยู่เช่นกัน ศรุตยืนมองหล่อนอยู่ปลายเตียงก่อนจะเดินมายืนด้านข้าง สายตาจับนิ่งที่ใบหน้าขาวซีด หล่อนหลับกี่ชั่วโมงแล้วเขาไม่รู้แต่รู้ว่าหล่อนปลอดภัยแค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว
“วีรินทร์ ผมติดค้างชีวิตคุณนะ ตื่นมาคุยกับผมหน่อยได้มั้ย ผมศรุต คนที่คุณกล้าเสี่ยงเอาชีวิตเข้าปกป้องไว้ไง ลืมตาซะทีสิคุณ” เขาพูดเบาๆ กับคนเจ็บที่ยังไม่รู้สึกตัว เขาเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียง
“ผมให้โมทไปตามคุณพ่อคุณแม่คุณแล้วนะ อีกเดี๋ยวคงมาถึง โมทโทร.มาบอกว่ากำลังเดินทาง คุณรีบตื่นสิ” เขายังคงพูดกับหล่อนทั้งที่หล่อนไม่รับรู้อะไรเลย เขานั่งจ้องหน้าหล่อนอยู่เช่นนั้นกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาหันไปมองประตู บานประตูถูกผลักเข้ามา
นิคก้าวนำมาก่อนตามด้วยผู้ชายแปลกหน้า ศรุตรู้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของวีรินทร์ เขาลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ ถอยห่างจากเตียงคนไข้แล้วก้าวเข้ามาหาชายหญิงที่กำลังเดินมาที่เตียง
“สวัสดีครับ คุณพ่อคุณแม่คุณวีรินทร์ใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้พศินกับนันทิตา
“ใช่ ลูกผมเป็นอะไร พวกคุณทำอะไรแก” พศินจ้องหน้าหนุ่มหน้าตาดีแล้วหันไปมองเตียงคนไข้ เขาไม่รอฟังคำตอบจากศรุตเพราะใจของเขาอยู่ที่ลูกสาว นันทิตาก้าวเร็วไปหยุดข้างเตียง สีหน้าของหล่อนไม่ดีนัก
“วี เป็นอะไรลูก” หล่อนเอ่ยเสียงนุ่ม พศินเดินมายืนข้างหล่อน
“ยัยวี” เขาเรียกลูกสาวเสียงเบา รู้ว่าลูกไม่ลืมตาขึ้นมาตอบคำถามเขาจึงไม่ถามอะไรนอกจากยืนมองเท่านั้น
เขามองไม่เห็นแผลบนศีรษะ ใบหน้าและแขนที่โผล่พ้นผ้าห่มสีฟ้าของโรงพยาบาล วีรินทร์เป็นอะไรกันแน่ หนุ่มใหญ่หันมามองศรุต
“คุณทำอะไรลูกสาวผม ทำไมแกถึงไม่ตื่นมาคุยกับผม คุณทำอะไรแก” พศินหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มทั้งสาม ศรุตยกมือไหว้ผู้อาวุโสแล้วเอ่ยขึ้น
“เธอถูกยิงครับ”
“ถูกยิง!” พศินกับนันทิตาร้องพร้อมกัน นันทิตาหันมาจ้องหน้าศรุตอย่างตกใจกับคำตอบของเขา