บทที่ 2 ใคร
“ฉันยังไม่ไปไหนจนกว่าคุณหมอจะออกมาบอกอาการของเธอคนนั้น”
“แต่ตำรวจกำลังจะมานะครับ”
โมทเสียงเบาลง ศรุตส่ายศีรษะแล้วเดินกลับไปนั่งที่หน้าห้องไอซียูอีกครั้ง โมทกับนิคถึงกับถอนใจยาว เสียงโทรศัพท์มือถือศรุตดังขึ้น เขารับสายสีหน้าเบื่อหน่าย
“ครับคุณพ่อ”
“แกอยู่โรงพยาบาลอะไร” ศัลย์ถามเสียงเครียดจนเกือบเป็นตะคอก ศรุตตอบเบาๆ
“ถ้าคุณพ่อจะมาก็เชิญครับผมจะรอจนกว่าคุณหมอจะออกจากห้องก่อนแค่นี้นะครับ”
เขารีบวางสายก่อนเพราะรู้ว่าพ่อจะพูดอะไรต่อ โมทกับนิคมองเจ้านายตาไม่กะพริบ
“คุณรุตดื้อมากนะครับวันนี้” โมทอดต่อว่าเจ้านายไม่ได้ ศรุตมองหน้าคนสนิทแล้วว่า
“แกจะให้ฉันหนีคนที่ช่วยชีวิตฉันงั้นเหรอ ฉันไม่ใจดำขนาดนั้นแล้วก็เลิกห่วงฉันซะที เมื่อกี้ทำไมไม่ดูแลฉันมัวไปทำอะไรอยู่”
“ผมเดินอยู่ข้างคุณไม่ทันมองไปข้างหน้ามัวแต่มองข้างๆ” โมทเสียงอ่อน เขารู้ตัวว่าผิด
“ผมก็เหมือนกันพอได้ยินผู้หญิงตะโกนหันไปมองไอ้บ้านั่นก็ไม่ทันแล้วมันลั่นไกแล้ว” นิคยอมรับอีกคน เขาเดินตามหลังศรุตไม่คิดว่าคนลอบทำร้ายจะอยู่ข้างหน้าศรุต
“ผู้หญิงคนนี้ใจเด็ดมาก เธอรู้รึเปล่าครับว่าคุณรุตเป็นใคร” โมทเอ่ยอีก
“ถามฉันแล้วฉันจะให้คำตอบแกได้งั้นสิ เลิกพูดเรื่องนี้”
ศรุตถอนใจหลายครั้ง เขาเป็นห่วงหญิงสาวที่หายเข้าไปในห้องไอซียูนั่นเกือบชั่วโมง คุณหมอยังไม่เปิดประตูห้องออกมาไม่มีใครออกมาสักคน
“ตำรวจมา”
นิคเอ่ยขึ้นลอยๆ โมทมองตามสายตานิค ศรุตเห็นก่อนนิคแต่เขาไม่พูดเขาเมินหน้าหนีนายตำรวจสามสี่นายที่กำลังเดินมาเข้ามาหาเขา
“ขอโทษนะครับผมขอรบกวนสักครู่”
นายตำรวจที่เดินนำทีมทำความเคารพศรุตตามมารยาทและเข้าเรื่องงานทันที ศรุตยินดีตอบคำถามทุกคำที่ตำรวจถาม โมทกับนิคก็เช่นกัน พวกเขาตอบได้เท่าที่เห็นเท่านั้น
“ขอบคุณมากนะครับที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่ตามจับมันได้รึเปล่า” ศรุตมองหน้านายตำรวจทุกนาย
“กำลังตามอยู่ครับ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุคนพลุกพล่านมันใช้ช่วงนั้นหลบหนีแต่เรากำลังตามสกัดมันไว้แล้วล่ะครับ ผมขอตัวก่อนแล้วจะมาสอบปากคำคนเจ็บอีกที”
นายตำรวจเดินห่างออกไป ศรุตถอนใจเฮือก เขาไม่แน่ใจว่าคนเจ็บจะมีโอกาสตื่นมาให้ปากคำกับตำรวจได้หรือเปล่า เขาเป็นห่วงหล่อนอย่างบอกไม่ถูก โมทกับนิคมองเจ้านายแล้วหันมามองหน้ากันพวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อให้เจ้านายสบายใจขึ้น ครู่ใหญ่ศัลย์กับคนางค์ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ตารุตเป็นไงบ้างลูก”
คนางค์โผเข้ามากอดลูกชายน้ำเสียงที่ถามออกมานั้นทั้งห่วงใยและรักใคร่ ศัลย์มองหน้าลูกแล้วหันมาที่โมทกับนิค
“แกดูแลลูกฉันยังไงถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ นี่ถ้าไม่มีใครเข้ามาขวาง ป่านนี้ลูกฉันมิเข้าไปอยู่ในห้องไอซียูแล้วเหรอ”
“คุณพ่อครับ สองคนนี้ทำดีที่สุดแล้วนะครับ ตอนนี้ผมก็ไม่เป็นอะไร หยุดพูดเถอะครับ”
ศรุตมองพ่อดวงตาวิงวอนแกมขอร้อง ศัลย์จึงยุติการกล่าวโทษลูกน้องคนสนิทเพียงเท่านั้น
“แล้วนี่รู้รึยังว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ศัลย์มองไปที่ประตูห้องไอซียู
“ยังครับ แต่ไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็ตาม ผมจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดครับคุณพ่อ”
น้ำเสียงของชายหนุ่มนิ่ง ดวงตาสีสนิมที่จ้องไปยังประตูห้องไอซียูนั้นมั่นคง เขาจะทำอย่างที่พูด
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับศรุต เขามองประตูห้องไอซียูเกือบทุกนาทีก็ว่าได้ ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของเขาว่าต้องการทราบผลจากหมอแต่ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกลึกๆ ของเขาว่าเขาคิดอย่างไรกับหญิงสาวที่กล้าเอาชีวิตแลกกับชีวิตของเขา ชายหนุ่มถอนใจกี่ครั้งไม่มีใครรู้แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจนับนิ้วได้ เขารอประตูห้องเปิดออกเท่านั้นและนาทีต่อมาประตูห้องก็เปิดออกคุณหมอก้าวออกมา
“ใครเป็นเจ้าของไข้ครับ”
“ผมครับ เธอเป็นไงบ้างครับ”
ศรุตก้าวถึงตัวหมอก่อนทุกคน เขารอคำตอบจากริมฝีปากของหมอด้วยหัวใจเต้นระทึก
“ปลอดภัยแล้วครับ เดี๋ยวพยาบาลจะเอากระเป๋าสตางค์เธอมาให้นะครับ”
“ผมขอเข้าไปเยี่ยมเธอได้มั้ยครับ”
“ได้ครับแต่เธอยังไม่ฟื้น อย่ารบกวนเธอนานนัก”
“ครับ ขอบคุณคุณหมอมากครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อน”
หมอเดินออกไปประตูห้องเปิดออกอีกครั้งพยาบาลถือถุงพลาสติกออกมา
“ใครเป็นเจ้าของไข้คะ”
“ผมครับ” ศรุตตอบคำพยาบาลหล่อนจึงยื่นถุงพลาสติกให้เขา
“ของที่อยู่ในตัวคนไข้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มไม่มีเวลาเปิดปากถุงดูของข้างใน เขายัดถุงพลาสติกนั้นลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินตามพยาบาลเข้าไปในห้องไอซียู
“ให้เวลาแค่ห้านาทีนะคะ”
พยาบาลบอกกับทุกคนแล้วยิ้มก่อนจะเดินออกไป ศรุตยืนจ้องหน้าขาวซีดของหญิงสาว สายออกซิเจนคอบปากจมูก ถุงเลือดห้อยอยู่บนเสาสแตนเลสข้างเตียง สายน้ำเกลืออยู่ข้างกัน หล่อนเจ็บหนักเพราะเขา ทำไมหล่อนจึงกล้าทุ่มชีวิตเพื่อเขานะ
“กลับกันเถอะลูก เธอปลอดภัยแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่”
คนางค์แตะแขนลูกชายเบาๆ ศรุตหันมามองแม่แล้วพยักหน้าช้าๆ ศัลย์เดินนำออกไปก่อน ศรุตถอยห่างจากเตียงเป็นคนสุดท้าย