ตอนที่ 4 เผ่นเถอะ (2)
เชื่อเถอะว่าเขาจำฉันไม่ได้หรอก มีกรอบแว่นบดบังใบหน้าเสียขนาดนี้ และฉันก็จะไม่แสดงพิรุธใด ๆ ออกไปให้เขาเห็นด้วย บอกไว้เลยว่าเนียนกว่าก้นเด็กก็ฉันนี่แหละค่า
“ฮาย~ ดูยูว้อนนาคัมทูเอนจอยวิดมายวิดีโอคลิ๊ปปปป” ทักทายเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านยิ้มให้ ถามว่าอายไหม?
หึ! เหลืออะไรล่ะ...
แสร้งหันกล้องโทรศัพท์ไปทางเขา เพื่อให้ทุกอย่างดูแนบเนียนตามที่ฉันสวมบทบาทโคฟเวอร์เป็นยูทูปเบอร์ชื่อดังอย่างพี่เจ้ย
“ตามสบายเลยครับ” อีกฝ่ายตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ ฉันจึงโปรยยิ้มหวานให้หนึ่งทีแล้วจึงรีบลากกระเป๋าเดินออกมาจากตรงนั้น
เมื่อกี้ฉันทำดีมากเลยใช่ไหมล่ะ อยากจะปรบมือให้ตัวเองรัว ๆ แล้วชมว่า ‘เธอเก่งมากมิสซิสเทียนหอม’
“ผู้ชายคนเมื่อกี้เขามาพักที่นี่บ่อยเหรอคะ” พออยู่กับพนักงานสองคนภายในลิฟต์ ฉันจึงเปิดปากถาม พอดีต่อมเผือกเริ่มทำงานก็เลยไม่อยากขัดใจ
“บ่อยครับ คุณซีนเป็นเจ้าของโรงแรมนี้”
“เจ้าของโรงแรม!!” เหตุผลที่ตกอกตกใจขนาดนั้นเพราะฉันไม่เคยรู้มาก่อน
อันที่จริงฉันมักจะมาพักผ่อนที่โรงแรมนี้เป็นประจำ จนพนักงานทุกคนแทบจะจำหน้าได้หมดอยู่แล้ว แต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของที่นี่ อาจจะเพราะไม่สนใจด้วยล่ะมั้ง
“ใช่ครับ” พนักงานยืนยันหนักแน่นพร้อมรอยยิ้มสุภาพ “คุณซีนเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟกต์มากเลยนะครับ ทั้งหล่อทั้งฉลาดแถมยังเก่งอีก นิสัยก็ดีด้วย”
อยากถามพนักงานคนนี้จริง ๆ ว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ถึงได้อวยเขาซะขนาดนี้ ไม่เถียงหรอกว่าหล่อ ส่วนนิสัยเขานั้น...มันใช่อย่างที่พูดมาจริงเหรอ?
“แบบนี้สาว ๆ คงเยอะน่าดูเลยนะคะ” ปากไปไวเท่าความคิด
“ก็ตามประสาผู้ชายแหละครับ อีกอย่างคุณซีนโสดด้วยเลยมีผู้หญิงเข้าหามากกว่าปกติ” ตามประสาผู้ชายอย่างนั้นเหรอ? จู่ ๆ ได้ยินคำนี้ก็รู้สึกขึ้นเลย อารมณ์มันเดือดปุด ๆ ยังไงไม่รู้สิ
“ต่อให้เป็นผู้ชายใช่ว่าจะคบผู้หญิงกี่คนในเวลาพร้อมกันก็ได้นะคะ แบบนี้เรียกว่าเจ้าชู้” อารมณ์ยังค้างมาจากเรื่องเมื่อคืน สัญญาเลยว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่เอาพวกผู้ชายเจ้าชู้เข้ามาวุ่นวายในชีวิตเด็ดขาด
แค่สิ่งที่พี่คิมทำกับฉันก็ถือว่าเป็นบทเรียนอันใหญ่หลวงแล้ว บอกแล้วไงว่าเจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนต้องไม่ใช่ฉัน!
กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ฉันจะโทรไปบอกเลิกเขา ไม่เสียดายหรอกนะก็แค่ผู้ชายเฮงซวยคนเดียว ต่อให้รักมากแค่ไหนถ้ามาหักหลังฉันแบบนี้ก็บายค่ะ พอกันที ชาตินี้อย่าได้มาเจอกันอีกเลย
“ใช่ครับคุณเทียนหอม ผมเห็นด้วยครับ”
อิหยังวะ? ทำไมพนักงานถึงกลับลำเร็วขนาดนี้ แต่ช่างเถอะ ในเมื่อเขาเข้าข้างฉันแสดงว่าเราอยู่ฝั่งเดียวกัน
ติ้ง!
บานประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นล็อบบี้ ฉันลากกระเป๋าเดินนำหน้าพนักงานเพื่อไปทำการเช็คเอ้าท์ หลังเสร็จสิ้นเรียบร้อยจึงเรียกให้พนักงานอีกคนที่ยืนอยู่ช่วยถือกระเป๋าไปขึ้นเรือ
“ขอบคุณมากนะคะ” ก่อนไปไม่ลืมที่จะให้ทิปกับพนักงานสองคนนั้น เพื่อตอบแทนน้ำใจที่พวกเขาอุตส่าห์ช่วยฉันถือกระเป๋า
“วันหลังมาพักผ่อนอีกนะครับคุณเทียนหอม ผมจะรอต้อนรับ”
“ค่า” รับปากไปอย่างนั้น คราวนี้ฉันจะไปแล้วไปลับไม่หวนกลับมาที่นี่อีกแน่นอน
หลังออกจากเกาะนี้ เรื่องของฉันกับเขาถือว่าเป็นอันจบลง…
[จบบันทึกพิเศษ: เทียนหอม]
[บันทึกพิเศษ: ซีน]
ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาผมพยายามตามหาผู้หญิงคนนั้น ตอนแรกนึกว่าจะคว้าน้ำเหลวทว่าท้ายที่สุดก็ได้เรื่องสักที
สิ่งที่ผมทำก็คือวานให้เลขาคนสนิทไปขอคลิปกล้องวงจรปิดตรงชั้นห้องพักของผมมาให้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ในเมื่อผมเป็นถึงเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครขัดขวาง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณซีน” ‘มุกดา’ เลขาส่วนตัววัยกลางคนเอ่ยปากถาม เนื่องจากว่าผมไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรออกไปให้เธอฟังมากนัก “มีคนขโมยของในห้องคุณซีนอย่างนั้นเหรอคะ”
“เปล่าครับ” คนที่ขโมยน่าจะเป็นผมมากกว่า แต่สิ่งนั้นดันไม่ใช่สิ่งของนี่สิ
การที่ตื่นมาแล้วเห็นคราบเลือดเป็นวงเล็ก ๆ อยู่บนเตียงของตนเอง ยอมรับเลยว่าผมทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วยซ้ำ ว่ามีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ แต่เธอกลับหนีผมไปซะอย่างนั้น แล้วไม่อยู่เรียกร้องอะไรหน่อยเหรอ ในเมื่อนั่นคือ ‘ครั้งแรก’ ของเธอ
จะอยู่ด่าผมก็ได้ ในเมื่อเรื่องนี้ผมผิดเต็มประตูที่หักห้ามอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันมีสาเหตุมาจากอาการโรคประหลาดของผม ที่เวลาถูกเกสรดอกไม้เมื่อไหร่มักจะ ‘มีความต้องการทางเพศสูง’ ชีวิตแฝดสามของพวกผมเหมือนถูกต้องคำสาปอย่างไรอย่างนั้น
ขนาดคุณหมอยังบอกเลยว่าโรคนี้ไม่เคยพบเคยเจอ ปัจจุบันเรายังต้องไปตรวจร่างกาย และทานยาระงับอยู่เป็นประจำ แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางรักษา แค่ระหว่างรอต้องอดทนไปก่อน
หากไม่มีอะไรมากระตุ้นอาการก็ไม่กำเริบหรอก ทุกครั้งผมจะกำชับตลอดว่าห้ามเอาดอกไม้มาอยู่ใกล้เด็ดขาด ทว่าครั้งนี้กลับมีคนทำพลาด เรื่องราวมันเลยลงเอยอย่างที่เห็น
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
“สวัสดีค่ะคุณเพียร์ซ” เสียงของเลขาที่ทักทายผู้มาเยือนทำให้ผมไม่ต้องเสียเวลาเงยขึ้นมอง สายตาจึงจดจ้องอยู่ที่คลิปตรงหน้าโดยไม่ละไปไหน
“สวัสดีครับพี่มุกดา” ‘เพียร์ซ’ หรือก็คือเพื่อนสนิทของผมเอ่ยทักกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริงตามประสาคนขี้เล่น
“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” ทำเพียงแค่พยักหน้ารับเบา ๆ ให้เลขา
เวลานี้ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมสนใจได้เท่าผู้หญิงคนนั้น คนเดียวกันกับที่กำลังเดินออกมาจากห้องของผม และพูดเชิญชวนให้ผมร่วมถ่ายคลิปวิดีโอกับเธอ
น่าจะเอะใจตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นเธอคงหนีผมไม่พ้น…
“ใครวะ เดินออกมาจากห้องมึงด้วย อย่าบอกนะว่า…” ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเพื่อนเดินอ้อมมาซ้อนทางด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ หนำซ้ำใบหน้าของมันยังชะโงกลงมาดูคลิปจนแทบจะสิงติดจออยู่รอมร่อ
“เสือกดีจริง ๆ” สกิลนี้มันได้จากไหนมา ไม่รู้สักเรื่องสงสัยคงนอนไม่หลับ
“ธรรมดา” นอกจากจะไม่สลดมันยังไหวไหล่และน้อมรับ “ว่าแต่ใคร?”
“ไม่รู้” ถ้ารู้คงไม่มัวแต่มานั่งดูคลิปอยู่แบบนี้
“อย่ามาโกหก ถ้าไม่รู้แล้วเขาจะเข้าไปอยู่ในห้องมึงได้ไงตั้งหลายชั่วโมง” พูดแบบนี้แสดงว่าเพียร์ซมันคงเห็นภาพเคลื่อนไหวบนจอคอมตั้งนานแล้ว
“เมื่อคืนมีคนเอาแจกันดอกไม้มาตั้งไว้ในห้องกู อาการมันเลยกำเริบ แล้วเธอก็ดันเมาและเข้าห้องผิดพอดี” ตัดสินใจเล่าให้มันฟังคร่าว ๆ เพียร์ซรู้ดีอยู่แล้วล่ะว่าอาการของผมเป็นยังไง เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องบอกละเอียดมากนัก
“มึงจะซีเรียสทำไมวะ ในเมื่อเขาไม่เรียกร้องอะไร แถมยังหนีไปแบบนี้อีก” ที่ผมกังวลใจเพราะมันมีอะไรมากกว่านั้นต่างหากล่ะ “หรือว่ามึงติดใจ”
“เพ้อเจ้อนะมึงน่ะ” สรรหาเรื่องให้ด่าอยู่ตลอด
“งั้นบอกมาว่าซีเรียสเรื่องไร”
“กูไม่ได้ป้องกัน” ผมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเปิดปากในสิ่งที่กำลังเป็นกังวลให้เพื่อนสนิทรับรู้
“กูก็นึกว่าอะไร ที่แท้เพราะไม่ป้องกันนี่เอง” เพียร์ซโพล่งขึ้นมาแทบจะในทันที
“...”
“...” เราทั้งสองต่างนิ่งเงียบ แล้วมองหน้ากันไปมา “พูดอีกรอบซิ เมื่อกี้กูเหมือนจะหูฝาด”
“กูไม่ได้ป้องกัน” คราวนี้ผมพูดด้วยระดับน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “ถ้าเธอท้องจะทำยังไง”
ปกติแล้วผมไม่เคยรีบร้อนที่จะมีเซ็กส์จนหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างขนาดนี้ ทุกครั้งที่มีอะไรกับใครก็ป้องกันตลอด ทว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันมีข้อผิดพลาดมากมายจนไม่น่าให้อภัย
“โตแล้วเขาน่าจะรู้ว่าต้องเซฟตัวเองวิธีไหน”
“เมาขนาดนั้นอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากูทำอะไรลงไปบ้าง” ที่ผมอยากตามหาเธอให้เจอก็เพื่อบอกเรื่องนี้ รวมถึงกล่าวขอโทษเธอด้วย
“ถ้าผู้หญิงคนนั้นท้องจริงกูก็จะได้เป็นอา ส่วนมึงก็ได้เป็นพ่อคน”
พูดน่ะง่าย แล้วถ้าเกิดว่าเธอไม่ย้อนกลับมาล่ะจะทำยังไง ปล่อยให้เธอเลี้ยงเด็กคนเดียวเหรอ?
ผมไม่อยากเป็นผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบขนาดนั้น…
[จบบันทึกพิเศษ: ซีน]
