บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ความเมาเป็นเหตุสังเกตได้ (2)

“เป็นสาวเป็นนางใครเขาให้ดื่มจนเมาขนาดนี้” หูได้ยินทุกคำพูดที่โอห์มเอ่ยออกมา แต่สมองคิดอะไรโต้ตอบกลับไปไม่ได้เลยเลือกที่จะยอมจำนน

ฝากไว้ก่อน รอให้สร่างเมาเมื่อไหร่ฉันจะสวนกลับ…

“…”

“ห้องอยู่ชั้นไหน” ร่างสูงข้างกายเอ่ยปากถาม หลังจากที่พาฉันเข้ามาในลิฟต์เรียบร้อยแล้ว

“เก้า” กล่องโดยสารขยับเคลื่อนไปยังชั้นจุดหมาย หลังนิ้วเรียวยาวจิ้มลงไปที่ตัวเลข

ติ้ง!

ไม่นานนักเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออก โอห์มค่อย ๆ พยุงฉันออกมาด้านนอกแม้จะทุลักทุเล เพราะอาการทรงตัวไม่อยู่ของฉัน

“ห้องเบอร์อะไร”

“นั่น ๆ ห้องนั้น” นิ้วเล็กรีบยกขึ้นชี้บอก เมื่อเงยหน้าแล้วเห็นว่าห้องตนเองอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เรายืนอยู่เท่าไหร่นัก “ขอบใจมากแฟนเพื่อน ส่งแค่ตรงนี้แหละ ลงไปหาโบว์วี่เถอะ”

ฝ่ามือตบลงที่ไหล่กว้างเบา ๆ เมื่อโอห์มพาฉันมาส่งถึงหน้าห้องพักเรียบร้อย

“เดินเข้าไปไหวแน่นะ” สีหน้าที่ฉายชัดออกมาราวกับไม่เชื่อใจฉันสักเท่าไหร่

ฉันน่ะไหวอยู่แล้ว แต่โลกต่างหากล่ะที่ไม่ไหว อะไรจะเอียงขนาดนี้ เห็นไหมฉันทรงตัวตรง ๆ ไม่ได้เลย

“ไหวสิ” ยืนยันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สองขาก้าวขยับไปที่บานประตู มีอาการเซทางซ้ายทีขวาที ทว่าท้ายที่สุดก็สามารถเดินไปถึงจนได้ “เห็นมั้ยบอกแล้ว”

ก่อนเข้าห้องไม่วายที่จะหันไปฉีกยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ

“เฮ้อ~” โอห์มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พร้อมกับส่ายศีรษะเล็กน้อย แล้วจึงหมุนตัวเดินจากไป

แกร๊ก…

“เอ๊ะ...ทำไมห้องไม่ได้ล็อก?” ยืนพูดพึมพำอยู่กับตัวเอง ตอนแรกฉันจะพิงไหล่ไว้กับบานประตูเพื่อค้นหาคีย์การ์ดในกระเป๋า แต่ไหงมันถึงเปิดได้ทันทีเพียงแค่ตัวไปสัมผัสโดน “ช่างเถอะ”

ท้ายที่สุดก็บอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ เวลานี้ไม่อยากโฟกัสอะไรเท่ากับเตียงนอนอีกแล้ว ตั้งใจไว้ว่าจะรีบพุ่งเข้าไปแล้วกระโดดนอนแผ่หลา แต่ดูเหมือนว่าสังขารจะไม่เอื้ออำนวย จึงทำได้แค่ค่อย ๆ ย่างก้าวเข้าไปด้านในพร้อมด้วยอาการเวียนหัว

“เข้ามาก็ดีแล้ว ผมบอกไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามเอาดอกไม้เข้ามาตั้งไว้ในห้องของผม” ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องนอน สายตาก็ปะทะเข้ากับผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง ซึ่งกำลังยืนหันหลังให้ฉันอยู่ “รีบเอามันออกไปเร็ว ๆ”

“บอก...บอกใคร? คุยกับฉันเหรอ?” นิ้วเล็กยกขึ้นชี้เข้าหาตัว เราสองคนรู้จักกันเหรอ? ก็ไม่นะ

ครั้นได้ยินเสียงฉันย้อนถาม อีกฝ่ายก็รีบหันขวับมามอง

“คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องของผมได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!”

ท่าทางของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังเอ่ยปากไล่ฉันดูแปลกตา คล้ายกับกำลังระงับอารมณ์บางอย่าง กระนั้นระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ทำให้ฉันไม่อยากสนใจอะไรนอกเสียจากล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง

“อะไร? จะแปลงร่างเหรอ ไปเล่นที่อื่นไปหนู พี่จะนอน” กล่าวจบก็เดินไปทิ้งกายลงบนเตียงนุ่มหยุ่น พร้อมหลับตาพริ้ม

ใครจะสนล่ะ นี่ห้องฉันนะ เขาต่างหากที่ควรจะออกไป เล่นมาไล่กันแบบนี้หลับโชว์เลยแล้วกัน

“ถ้าเมาก็กลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง อย่ามัวชักช้าไม่งั้นจะหาว่าผมไม่เตือน!” ชักช้าชักเร็วอะไรกัน ฉันก็แค่นอนอยู่เฉย ๆ ทำไมต้องทำเสียงดุขนาดนั้นด้วย

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” เปลือกตาลืมขึ้นมองสบประสานกับร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเตียง

เขากัดฟันแน่นจนสันกรามปูดนูนขึ้นมาตามกรอบหน้า ดู ๆ ไปก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย แต่ติดที่ว่าพูดไม่รู้เรื่อง มีอย่างที่ไหนมาไล่เจ้าของห้องให้ออกไปปาว ๆ ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ

ศีรษะเล็กส่ายไปมาทิ้งท้าย ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง แล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้กับเขา เตียงนี้นุ่มสบายดีจริง ๆ แค่ไม่กี่วิก็รู้สึกเคลิ้มจนใกล้จะหลับแล้ว

พรึบ!

“คนที่พูดไม่รู้เรื่องคือคุณต่างหาก” จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างโน้มลงมาคร่อมทับกักกันอยู่เหนือร่าง และตามมาด้วยเสียงกระซิบทุ้มต่ำที่เอ่ยขึ้นข้างหู “เตือนแล้วไม่ฟัง ผมเองก็ไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั้นซะด้วยสิ”

ประโยคนั้นแว่วเข้ามาในโสตประสาท กระนั้นฉันก็ไม่สามารถแยกออกอยู่ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริงหรือความฝัน เนื่องจากเวลานี้ฉันใกล้คืบคลานเข้าสู่ห้วงนิทราแทบทุกวินาที

“อื้ออ...อย่าเลียตรงนั้นสิ” ริมฝีปากบางเคลื่อนขยับ ระดับน้ำเสียงที่หลุดรอดออกมาค่อนข้างสะลึมสะลือไม่น้อย

บริเวณลำคอรับรู้ได้ถึงสัมผัสเปียกชื้น แถมยังชวนให้จั๊กจี้จนต้องหดคอหนีเป็นพัลวัน กระนั้นความนุ่มหยุ่นและร้อนผ่าวก็ยังคงตามมาก่อกวน

“...”

“บุษบา...อย่ามาเลียคอพี่แบบนี้สิเด็กดี” ‘บุษบา’ คือชื่อสุนัขที่ฉันเลี้ยงเอาไว้ เพราะคิดว่าเป็นฝีมือน้อง จึงได้เอ่ยปากออกไปแบบนั้น

“เด็กดี?...หึ” ประโยคนี้มาพร้อมกับเสียงแค่นหัวเราะอยู่ในลำคอ “ผมไม่ใช่เด็กของคุณหรอก”

“อื้อออ” ใบหน้าของฉันถูกจับหันให้ไปเผชิญกับบางสิ่ง ก่อนจะเริ่มรู้สึกหายใจติดขัดเมื่อริมฝีปากของตนเองถูกดูดดึงด้วยสัมผัสสุดวาบหวาม และแปลกใหม่

ดวงตากลมโตยังคงหลับพริ้ม แล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปโดยไม่คิดจะห้าม

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรืออะไรกันแน่ที่ทำให้ร่างกายของฉันร้อนรุ่มถึงเพียงนี้

“ผมไม่อยากทำอะไรคนเมาหรอกนะ แต่คุณทำให้ผมทนไม่ไหวเอง เพราะงั้นคืนนี้ก็อยู่บนเตียงกับผมนี่แหละ” สิ้นประโยคนั้นเดรสที่เคยสวมใส่ก็ถูกเลิกขึ้นสูง มือใหญ่ลูบไล้ที่ต้นขา นิ้วเรียวยาวทั้งแตะสัมผัสและฟอนเฟ้นผิวกายทั่วทั้งบริเวณนั้นอย่างนึกสนุก

“อื้ออ...อ๊ะ!...เจ็บ” ถึงกับหลุดปากโอดครวญ หลังซอกคอถูกขบเม้ม เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า ทว่าก็มองเห็นเพียงแค่เงาดำที่อยู่เหนือร่างเท่านั้น

ฉันคงคิดเรื่องพี่คิมมากเกินไปจนเก็บเอามาฝันสินะ…

“...” แม้ว่าจะเงียบไม่ปริปากพูดใด ๆ ทว่าเขาก็ยังคงไม่หยุดที่จะปลุกปั่นอารมณ์ปรารถนาของฉันให้จุดติด ทั้งฝ่ามือและริมฝีปากนั้นล้วนพลิ้วไหวราวกับคนมีประสบการณ์อย่างโชกโชน

“ถ้าอยากมากขนาดนั้นทำไมไม่กลับไปหาผู้หญิงของพี่ล่ะ” ไม่แฟร์เลยสักนิด ที่พี่คิมตามมาหลอกหลอนฉันแม้กระทั่งในความฝัน

“ผมยังโสด” พูดออกมาได้ เฮงซวย!

“แล้วหอมเป็นอะไรสำหรับพี่...ฮึก” หมาเหรอที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันคิดไปเองอย่างนั้นเหรอว่าเราเป็นแฟนกัน

“เป็นคนเมาที่เข้าห้องผิด อยู่ดีไม่ว่าดีก็จะถูกจับกิน” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยกระซิบริมใบหู ลมหายใจกลิ่นมิ้นต์ที่ปัดผ่านชวนให้รู้สึกวูบไหว

“พูดอะไรของพะ...อื้ออ” ริมฝีปากถูกครอบครองอีกครั้งด้วยสัมผัสที่เร่าร้อนมากกว่าคราแรก

ลิ้นร้อนของคนที่อยู่เหนือร่างลากไล้ไปทั่วกลีบปาก ก่อนจะสอดแทรกเข้ามากวาดต้อนภายใน

มือใหญ่ละจากต้นขา แล้วเคลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นคลึงหน้าอกกลมกลึง แม้จะมีปราการขวางกั้น กระนั้นก็ไม่เป็นอุปสรรคหากเขาคิดจะทำ

“มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ ผมทนไม่ไหวแล้ว” สิ้นประโยคนั้นเขาก็ผละออกจากตัวฉันเพื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเราทั้งสองให้หลุดพ้นออกจากร่างกาย

ความหนาวเหน็บจากเครื่องปรับอากาศบาดปะทะผิวกาย ทว่าไม่นานนักร่างแกร่งก็ตามมาแนบชิด ความอบอุ่นจึงแทรกเข้าแทนที่ ฉับพลันก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เต้นแรงไม่เป็นส่ำราวกับจะตอบสนองเขาด้วยความยินดี

“พี่คิมอย่าทำแบบนี้ หอมไม่ยอมหรอกนะ” พยายามที่จะใช้สายตาเพ่งมองเขา ทว่ากลับพบเพียงแค่ใบหน้าที่พร่าเลือน

เขาแอบไปกินกับผู้หญิงคนอื่นลับหลังฉัน แล้วนี่ยังจะมาหาเศษหาเลยกับร่างกายฉันอีก ไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอมเด็ดขาด!

“ผมชื่อซีน” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินดังนั้น แต่แล้วก็ไม่ปล่อยให้ฉันฉงนใจอยู่นาน

เขาทั้งจู่โจม และเล้าโลมร่างกายฉันทั่วทุกอณู สัมผัสแปลกใหม่ที่เขาปรนเปรอดึงสติที่มีอยู่น้อยนิดให้ล่องลอยหายไป เหลือเพียงไว้แค่อารมณ์ปรารถนาที่ถูกจุดติด

ยิ่งเวลาผ่านพ้นไปนานเท่าไหร่ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น

ปากบอกไม่ยอม ทว่าท้ายที่สุดฉันกลับขาดสติยั้งคิด ปล่อยให้ความต้องการครอบงำจนสำเร็จ เหตุการณ์ทุกอย่างจึงดำเนินต่อไปโดยไม่คิดจะปริปากห้าม

รู้ตัวอีกทีว่านี่ไม่ใช่ความฝันก็ตอนที่ใจกลางความเป็นหญิงถูกรุกล้ำด้วยตัวตนร้อนผ่าว ความเจ็บปวดเหล่านั้นพานทำให้ฉันขบกัดไหล่กว้างเอาไว้แน่น จูบที่เขาประทับลงมาแผ่วเบาตรงข้างแก้ม ราวกับว่ากำลังปลอบโยนฉันให้ผ่อนคลายอย่างไรอย่างนั้น…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel