บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 หน้าที่ใหม่ (2)

“เอาน่า แค่ไม่กี่เดือนเอง” เรย์วี่ยื่นมือมาตบไหล่ฉันเบาๆ เพื่อปลอบประโลม กระนั้นรอยยิ้มก็ยังคงปรากฏอยู่เต็มใบหน้าไม่จางหาย "ฉันต้องกลับแล้วนะ ดีใจไปเรียนรู้งานกับพี่กุ้งนางได้แล้วล่ะ มีอะไรก็โทรมา”

“โอเค กลับบ้านดีๆ นะ ขอบคุณที่เป็นธุระให้” เราล่ำลากันเพียงเล็กน้อย ก่อนที่เรย์วี่จะเดินไปตามพี่ภูมิในห้องครัวเพื่อกลับบ้านด้วยกัน

คล้อยหลังทั้งสองคนแล้วฉันจึงเดินไปตามหาพี่กุ้งนาง จนกระทั่งเจอตัว เธออยู่ในห้องรับแขก บนโซฟาเต็มไปด้วยกระเป๋ามากมายที่ถูกจัดเตรียมมา คาดว่าคงใส่ยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นมาด้วย

“คุณซานเริ่มเดินถนัดแล้ว พรุ่งนี้พี่คงไม่ได้มาแล้วล่ะ” ไหนเรย์วี่บอกว่าช่วงแรกจะมีพยาบาลคอยช่วยดูแล นี่แค่วันเดียวเท่านั้นเอง “สำหรับการดูแลไม่มีอะไรมาก ดีใจแค่คอยจัดยาให้คุณซานแล้วก็ดูแลเขาในเรื่องอื่นๆ ที่คุณซานยังไม่สามารถทำได้”

“ทำไมพี่กุ้งนางไม่อยู่ต่ออีกสักวันสองวันล่ะคะ” ฉันยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับคุณซานเพียงลำพัง หากอยู่ดูแลเขาคนเดียว มีหวังฉันคงถูกคุณซานหาเรื่องแกล้งไม่หยุดไม่หย่อนแน่ๆ

ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรกับฉันหนักหนา ทีกับคนอื่นไม่เคยหรอกที่จะทำแบบนั้น…

“อาการของคุณซานไม่น่าห่วงแล้วน่ะค่ะ อีกอย่างพี่ต้องไปดูแลคนไข้คนอื่นด้วย” พี่กุ้งนางตอบพร้อมรอยยิ้ม ขณะเดียวกันมือก็ล้วงหยิบถุงยาออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นส่งให้ฉัน “นี่เป็นยาของคุณซานนะคะ ถ้าหมดเมื่อไหร่ก็ให้เขาไปพบคุณหมอ แล้วเดี๋ยวคุณหมอจะประเมินอาการให้อีกทีค่ะ”

“ค่ะ” ตอบรับด้วยใบหน้าหงอยๆ

เอาเถอะ…ท่องไว้ว่าเพื่อเงิน

“ดีใจทำอาหารเป็นหรือเปล่าคะ”

“เป็นค่ะ” ฉันรีบดึงสติตนเองให้กลับมา แล้วตอบคำถามของพี่กุ้งนาง

ฝีมือปลายจวักของฉันไม่ถึงขั้นเซียนหรอก แต่ก็พอกินได้และไม่ทำให้ถึงตาย

“อย่างนั้นคงไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะ” พี่กุ้งนางเอื้อนเอ่ยราวกับโล่งใจ

“ที่นี่ไม่มีแม่บ้านเลยเหรอคะ” ตั้งแต่มาถึงฉันยังไม่เห็นใครนอกเหนือจากคนที่ทำความรู้จักกันตอนเข้าบ้าน

“มีแค่แม่บ้านที่ถูกจ้างมาทำความสะอาดวันเว้นวันน่ะค่ะ” ดูแล้วเหมือนบ้านนี้จะหวงพื้นที่ความเป็นส่วนตัวกันมาก ถึงได้ไม่ให้ใครมาอาศัยอยู่ที่นี่เลยสักคน

“แบบนี้เรื่องอาหารการกินพี่กุ้งนางก็เป็นคนจัดเตรียมให้เหรอคะ” ถ้าเป็นแบบนั้นก็แอบสงสารคุณพยาบาลอยู่เหมือนกัน มาดูแลคนป่วยแท้ๆ แต่กลับต้องมาทำหน้าที่เป็นแม่ครัวซะอย่างนั้น

“พี่ดูแลแค่ของคุณซานค่ะ ส่วนคุณซีนกับคุณแซ้งค์เขาจะหาทานกันเอง”

“อ๋อ” ฉันครางรับ สงสัยคงมองพวกเขาในแง่ร้ายมากเกินไป แวบแรกนึกว่าบ้านนี้จะใช้งานคุณพยาบาลเกินกว่าหน้าที่ซะอีก

“กุ้งนาง อยู่หรือเปล่า!” บทสนทนาของเราถูกขัดด้วยเสียงเรียกของผู้มาใหม่

“คุณซีนกลับมาแล้วค่ะ” พี่กุ้งนางหันมาบอกฉัน ก่อนจะเดินออกไปพบกับแฝดน้องของคุณซาน “ดิฉันอยู่นี่ค่ะคุณซีน”

ฉันรีบเดินตามหลังพี่กุ้งนางออกไป ซึ่งก็พบเข้ากับผู้ชายร่างสูงพอๆ กับคุณซาน แม้ว่าใบหน้าจะหล่อเหลา ทว่ากลับไม่มีส่วนไหนคล้ายคลึงกันเลยสักนิด ถ้าไม่บอกว่าเป็นฝาแฝดกัน ฉันก็คงไม่มีทางดูออก

“ใคร?” พอหันมาเห็นคนที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา คิ้วเข้มพลันขมวดเข้าหากัน พร้อมจับจ้องสายตามาทางฉันด้วยสีหน้าฉงน

“เพื่อนของคุณเรย์วี่ค่ะ”

“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้เขา ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับยิ้มๆ

“อ๋อ ดีใจ” บางทีเรย์วี่คงบอกคุณซีนไปแล้วเขาก็เลยรู้จักฉัน “แล้วนี่ซานอยู่ไหน”

“ทำงานอยู่บนห้องค่ะ” เป็นพี่กุ้งนางที่ตอบคำถามนั้น

“โอเค” ร่างสูงตอบรับ ก่อนจะตวัดสายตามามองทางฉัน “เรียนรู้งานไปก่อนนะดีใจ เดี๋ยวฉันลงมาคุยรายละเอียดอีกที”

“ค่ะ” บางทีคนที่เป็นเจ้านายฉันจริงๆ ก็คือคุณซีนล่ะมั้ง

[จบบันทึกพิเศษ: ดีใจ]

[บันทึกพิเศษ: ซาน]

แกร๊ก…

“ทำอะไรอยู่วะ” ประตูห้องทำงานถูกเปิดพรวดพราดเข้ามา พร้อมกับการปรากฏตัวของน้องชายฝาแฝด

“ซักผ้า” ผมเงยหน้าขึ้นมองสบตากับซีนแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมาสนใจงานตรงหน้าตามเดิม นิ้วเรียวยาวรัวอยู่บนแป้นพิมพ์โน๊ตบุ๊คเพื่อสะสางงานที่กองเป็นภูเขา

การที่ผมประสบอุบัติเหตุทำให้งานทุกอย่างจำต้องหยุดชะงัก พอหายดีก็เลยต้องมานั่งเคลียร์อยู่แบบนี้ บางอย่างก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยทำ จนต้องโทรหาเลขาเพื่อสอบถามรายละเอียดอยู่บ่อยครั้ง คุณหมอบอกผมไว้แล้วล่ะ ว่าความทรงจำของผมหายไปช่วงหนึ่ง มันก็เลยทำให้กระทบกับการดำเนินชีวิตของผมหลายอย่าง หลักๆ เลยก็คือเรื่องงาน

“กวน…” ซีนขยับปากพูดโดยไม่ออกเสียงในช่วงท้ายประโยค

“มึงเองก็ไม่มีมารยาท” ได้ทีผมก็สวนกลับไปบ้าง “บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เคาะประตูก่อนเข้ามา”

“นี่มึงเป็นเจ้าของห้างฯ หรือโรงเรียนสอนมารยาทกันแน่” นอกจากจะไม่สำนึกมันยังเดินเข้ามาใกล้ แล้วขยับเลื่อนเก้าอี้เพื่อทรุดกายลงนั่งตรงข้าม โดยไม่รอให้เชื้อเชิญ

“พูดกับมึงก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง” ผมส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างเอือมระอา ขี้เกียจที่จะต้องมานั่งโต้เถียงกับมัน “แล้วนี่เข้ามาทำไม”

“เห็นน้องเรย์โทรมาบอกว่ามึงเดินถนัดแล้ว”

“อืม” ผมตอบรับเพียงสั้นๆ โดยที่สายตาก็หันกลับมาสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง

ไม่รู้สิ แค่เห็นหน้าไอ้ซีนผมก็เหนื่อยใจแล้ว…

“แบบนี้ดีใจก็ไม่ต้องมาดูแลมึงแล้วสิ กูจะได้ให้เธอไปทำงานที่…”

“ต้องมา” เมื่อได้ยินประโยคนั้น มือของผมพลันหยุดชะงักงานที่กำลังทำอยู่ “แม่บ้านจะลาออกแล้ว มึงก็รับเธอมาทำแทนแล้วกัน”

“ลาออกเหี้ยอะไร ทำไมกูไม่รู้”

“มึงโง่” ผมด่าอย่างไม่ใส่ใจ “เปลี่ยนจากมาดูแลกู ก็ให้เธอเป็นแม่บ้านแล้วกัน ส่วนเรื่องเงินเดือนเดี๋ยวกูจัดการเอง”

“กูโง่หรือมึงคิดไม่ซื่อ” ไม่พูดเปล่า แต่มันกลับชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมมองผมด้วยแววตาจับผิด

“มึงนั่นแหละคิดเยอะ ออกไปได้แล้วไปกูจะทำงาน”

“กูขอย้ำไว้อีกรอบ ‘ว่ามึงมีแฟนแล้ว’ ต่อให้ตอนนี้ความจำมึงจะเสื่อมก็เถอะ ดังนั้นอย่าเพิ่งไปคิดอะไรกับใครเด็ดขาด”

“เออ” ผมตอบรับส่งๆ พร้อมกับโบกมือไล่มันให้ออกไปจากห้องเสียที

ถึงน้องชายฝาแฝดทั้งสองคนจะเอารูปถ่ายของเธอกับผมมาให้ดูอยู่บ่อยครั้งเพื่อรื้อฟื้นความจำ ทว่าผมก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี ว่าผู้หญิงคนนั้นคือแฟนผม…

[จบบันทึกพิเศษ: ซาน]

[บันทึกพิเศษ: ดีใจ]

พอคุณซีนกลับลงมาข้างล่าง ฉันก็ถูกเขาเรียกให้ไปพบที่ห้องรับแขก ต่อให้แววตาของเขาจะดูเจ้าเล่ห์เหมือนแฝดพี่ ทว่าคุณซีนกลับดูเป็นมิตรมากกว่า ไม่ได้แสดงความร้ายกาจออกมาชัดเจนเหมือนอย่างคุณซาน

“ดีใจไม่ได้ดูแลซานแล้วนะ” พอฉันนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตรงข้ามกับเขา คุณซีนก็พูดเปิดประเด็น

“ทำไมเหรอคะ” ถามออกไปในทันที อย่าบอกนะว่าเมื่อครู่นี้ที่คุณซีนขึ้นไปข้างบนพวกเขาสองพี่น้องเล่าอะไรให้กันฟัง ต้องเป็นคุณซานแน่ๆ ที่ไม่ให้ฉันทำงานนี้ต่อ

“อย่าเพิ่งตกใจ แค่เปลี่ยนหน้าที่ใหม่” พอเห็นท่าทีตื่นตระหนกของฉัน คุณซีนจึงรีบเอ่ยปาก “ตอนนี้ซานก็อาการดีขึ้นมากแล้ว คงไม่มีอะไรให้ดูแลมากมาย อีกอย่างฉันเพิ่งรู้มาว่าแม่บ้านจะลาออก เพราะงั้นดีใจช่วยมาทำแทนได้มั้ย เงินเดือนก็เท่าเดิมแหละ หรือไม่อาจจะมากกว่านั้น”

“แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างคะ” พี่กุ้งนางบอกว่าทำความสะอาดวันเว้นวัน แต่ดูเหมือนว่าเมื่อหน้าที่แม่บ้านตกมาทางฉันคงได้ทำอะไรมากกว่านั้นเป็นแน่

“ดูแลความสะอาดภายในบ้านหลังนี้ แต่ถ้าดีใจทำอาหารให้ด้วยก็จะดีมากเลย แถมค่าตอบแทนยังเพิ่มขึ้นด้วยนะ”

“ได้ค่ะ ฉันตกลงที่จะทำ” แค่ได้ยินว่าค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นใจฉันก็ฮึดสู้

มันจะเหนื่อยกว่างานพาร์ทไทม์แค่ไหนกันเชียว เรื่องงานบ้านทำไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว ไม่ต้องเดินไปเดินมา และยืนขาแข็งทั้งวี่ทั้งวันสักหน่อย หนำซ้ำเงินเดือนยังสูงลิ่วไม่มีอะไรดีเลิศขนาดนี้อีกแล้วล่ะ

“อ๋อแล้วก็อีกอย่าง” คุณซานทำท่าทีราวกับเพิ่งนึกเรื่องสำคัญออก “กฎของที่นี่คือห้ามนำดอกไม้ทุกชนิดเข้ามาภายในบ้านหลังนี้ และห้ามอยู่หลังห้าโมงเย็น เข้าใจมั้ย”

“เข้าใจค่ะ” แม้จะสงสัยทว่าก็ไม่กล้าซักถาม

ในเมื่อมันเป็นกฎดังนั้นฉันก็ควรที่จะทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel