เขียนรักปรุงสวาท_5 | ฉันเหี้Eเกินบรรยาย?
สัจจะ จะมีในหมู่โจรหรือเปล่านะ.. เสี้ยวนาทีที่คะแนนฉุดคิด เธอได้พูดเรื่องนั้นออกไปในขณะที่อีกฝ่ายขึ้นชื่อเรื่องอย่าว่าไปสามเมืองแปดเมือง คอเล็กกลืนน้ำลาย ภาพที่คิดคือเธอต้องโดนกระฉากเสื้อผ้าจนขาดเวิ่น ถูกกระทำชำเราไม่ต่างจากนางเอกของตัวเองในเรื่องก่อนๆ แล้วจบด้วยการหลั่งน้ำตาพร้อมกับเหตุการณ์ต่างๆที่มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายแย่ลงกว่าเดิม
มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆล้านเปอร์เซนต์….
“จำคำเธอไว้”
“….” แต่พี่ชิริวถอยห่างจากกันซะอย่างนั้น
เขาเดินไปที่เก้าอี้ตัวใหญ่คล้ายๆกับแท่นบันลังก์ที่เพิ่มพูนความสง่าและน่าเกรงขาม นี่ฉันไม่ได้เว่อร์นะ มันเป็นแบบนั่นจริงๆ
“ฉันให้เวลาเธอ สามวัน แก้ไขเรื่องราวทั้งหมด”
“สามวัน!”
“ฉันไม่ยืดเยื้อความเสียหายที่จะเกิดกับฉันให้นานเป็นเดือนเป็นปี”
“….”
“สามวัน ถ้าไม่สำเร็จ”
พรึ่บ!บัตรอะไรสักอย่างถูกร่อนเข้ามากระแทกหน้าฉันอย่างจัง ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเเล้วเข้าใจว่ามันคือ..
“อาบน้ำ แล้วนอนรอฉันบนเตียงได้เลย” มันคือคีย์การ์ด และน่าจะเป็นคีย์การ์ดของห้องนี้ด้วย
แล้วจะทำยังไงได้ละ จะยอมไปขึ้นศาลฟ้องร้องเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตงี้เหรอ.. มีแต่ฉันที่จะโดนสังคมรุมโจมตี ก็คงทำได้แค่ยอมรับผิดและทำตามอย่างที่ปากเสนอออกไป ระยะเวลามีเท่าไหร่ก็คงต้องใช้ระยะเวลานั้นให้เป็นประโยชน์ที่สุด ทางนี้ทางเดียวเลย..
คะแนนถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้าแล้วเก็บคีย์การ์ดใส่กระเป๋า ชิริวยังคงนั่งที่เก้าอี้ตัวใหญ่ ปลายนิ้วลูบคางและสายตายังคงจับจ้องร่างบางอยากมากความรู้สึก
“ฉากต่อไป เธอจะเขียนถึงฉันว่าไง?”
“..พระเอกหนูชื่อ เซริว ไม่ใช่ชิริว”
“เธอใช้อิมเมจฉัน”
“….”
“ฉากต่อไป พระเอกเธอจะทำอะไร?”
“..ถ้าหมายถึงที่เขียนค้างไว้แล้วรออัพละก็ เซริวจะต้องข่มขืน”
“ข่มขืน?”
“..ข่มขืน เนเน่”
“เธอไม่มีอิมเมจนางเอก”
“….”
“ฉันอยากเห็น” เมื่อกี้ด่าฉันแทบตาย ตอนนี้อยากจะเห็นอิมเมจนางเอกซะงั้น
“..แนนไม่ได้ใส่อิมเมจนางเอก เพราะอยากให้นักอ่านจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกของเรื่องนี้ค่ะ”
“รวมถึงเธอ?”
“..มันก็ต้องมีบ้าง หนูเป็นคนเขียนนิ ..แต่ตอนนี้แค่ตัน ไม่รู้จะไปต่อยังไง”
“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เขียนไปซะ”
“ห้ะ!”
“มานี่”
“….” แต่ร่างบางกลับระแวงและไม่กล้าเข้าไปใกล้
“หูหนวกหรือไง มานี่” เสียงดุย้ำชัดอีกครั้ง ไม่รู้ว่าวันนี้คะแนนถอนหายใจเพื่อทำใจไปมากแค่ไหน เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่เธอทำเช่นนั้น
คะแนนเดินเข้าไปหาชิริว เขาใช้สายตามองเธอด้วยแววตาร้ายกาจ มองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เวลาเธอเขียนให้พระเอกนางเอกของเธอมีฉากด้วยกัน รู้สึกยังไง?”
“…ก็ ก็รู้สึกเขิน”
“….”
“แต่พี่ต้องเข้าใจว่านิยาย บางครั้งมันไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นในชีวิตจริง”
“….”
“ชีวิตจริงไม่มีฉากล้มที่สวยงาม มันไม่มีทางล้มโดยที่เข่าไม่แตก เพราะงั้น”
หมับ! แรงคว้าจับแขนก่อนจะกระตุกให้นักเขียนสาวเซถลาลงนั่บทับตักหนา กลิ่นน้ำหอมแม้เพียงลอยประทบปลายปลายจมูก ก็ชวนใจเคลิ้ม ไม่ใช่เพราะรู้ว่ามันคือน้ำหอมราคาแพง แต่เพราะคนที่ใช้มันนี่สิ!
“อยากเป็นนางเอกหรือเปล่า?”
“….”
“ถ้าอยาก.. ฉันจะทำทุกอย่าง ให้เธอรู้สึกว่าอยู่กับฉันแล้วไม่ต่างจากในนิยาย”
“..พูดบ้าอะไรของพี่”
“จะรองเท้าแก้วหรือรถม้าฟักทอง เดี๋ยวเสกให้”
“อันนี้เลอะเทอะแล้ว พี่ไม่ใช่นางฟ้าแม่ทูนหัว จะเสกของแบบนั้นได้ยังไง”
“เดี๋ยวก็รู้ ว่าฉันเสกได้หรือไม่ได้” ฉันควรจัดการกับอะไรก่อน!
คะแนนแกต้องตั้งสติ แกมีเวลาสามวันเพื่อแก้ไขเรื่องที่แกเขียนให้พี่เขาเสียหาย ถ้าแกทำไม่ได้ แกได้นอนนิ่งๆให้เขากระซวกจนตับพังแน่ นี่ละข้อนึง
ส่วนตอนนี้ที่เราคุยกัน.. คือพี่ชิริวพยายามจะให้แก เขียนนิยายต่อไป แต่!!! แต่! แต่! แต่!! แต่แกต้องเขียนให้เป็นเขาที่สุด เพราะนักอ่านที่น่ารักของฉันเชื่อคำนิยามของตัวละครในนิยายมากกว่าตัวตนจริงๆของเขา..
และอีกประเด็น…
คะแนนแค่นคิ้ว เธอไม่กล้าดิ้นขยับแม้จะนั่งทับตักหนา..
“..ตอนนี้พี่กำลังจะบอกว่า ให้เขียนเรื่องราวของเราลงไปในนิยาย?”
“อืม”
“..แต่มันทำให้พี่เดือดร้อนอยู่ดี เพราะพล็อตที่แนนวางไว้มัน”
“ฉันเหี้eเกินบรรยาย?”
“..ใช่” ฉันก้มหน้ารับ ก็เดี๋ยวนี้การเขียนพระเอกให้ดุเถื่อนราวกับเกิดมาในคุกแบบนี้มันได้รับความนิยมนี่น่า ใครๆก็อยากฟินตับแตกอะนึกออกไหม ถูกสั่งสอนด้วยเซ็กส์ที่มีความรุนแรงแต่ยังสวยงาม พระเอกก็หล่อปานไอดอลอะไรเทือกๆนั้น คิดสิคิด ผู้หญิงเราจะเจอผู้ชายแบบนี้ในชีวิตจริงได้กี่คนกัน.. ถ้าไม่นับฉัน Y~Y
“โจทย์ของฉัน คือเธอต้องเขียนแก้ข่าวให้ฉันในนิยายของเธอ โดยมีเวลาแค่สามวัน”
“….”
“เพราะแฟนคลับของเธอปักใจเชื่อตัวตนฉันจากนิยายของเธอ มากกว่าตัวตนของฉันจริงๆ อย่าลืมว่าตำรวจลงร้านฉันเพราะสิ่งที่เธอเขียน”
“….”
“ถ้าสามวัน เธอจัดการทุกอย่างไม่ได้ และฉันยังเดือดร้อนเหมือนเดิม..” พี่ชิริวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สายตามองต่ำลงจากต้นคอ มือหนาที่วางไว้ที่หน้าขาฉันออกแรงบีบน้อยๆ ก่อนจะยื่นหน้าแนบชิดใบหูกันและออกแรงกระซิบอย่างเเผ่วเบา
“อึ่ก!”
“ฉันจะเป็นคนเขียนเรื่องนี้เอง”
“ห้ะ!”
“..ผ่านตัวเธอ” คะแนนเบิกตาโพลงอีกครั้ง ถ้าเธอเข้าใจไม่ผิด
“..พี่หมายความว่า”
“ฉันจะเป็นคนต่อเรื่องนี้ให้จบในแบบที่ฉันต้องการ โดยที่เธอ..”
“อึ่ก!”
“เป็นตัวกลาง ระหว่างฉัน กับนิยาย..”
“….”
“ลุก” ก่อนเสียงหนาตะตวาดใส่กัน คะแนนดีดตัวลุกยืนแทบจะทันที ความเลิ่กลั่กที่เธอมีไม่ได้สร้างความเห็นใจให้ชิริว เพราะเขาเดือดร้อน และการที่เขาทำเช่นนี้..
“เพราะฉันเห็นแก่ไอ้เรียวกับเพื่อนเธอนะ”
“….”
“ถ้าเธอแก้ไขไม่ได้.. ฉันต้องเห็นแก่ตัว”
“อึ่ก..” เอาตรงๆไหน ฉันกลืนน้ำลายจนเจ็บคอ
“ออกไปได้ละ” ร่างสูงลุกขึ้นยืน ครานี้เป็นเขาที่ถอนหายใจ เสยผมด้วยอารมณ์ที่ยากเกินคาดเดา แต่ไม่ใช่อารมณ์โล่งใจหรือสบายใจแน่นอน
ถึงจะบอกว่าจะใช้ร่างบางเป็นตัวกลางระหว่างเขากับนิยายเพื่อให้เรื่องราวถูกเขียนออกมาให้เป็นเขาที่สุด แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าคะแนนไม่มีทางทำได้.. ไอ้การแก้ข่าวอะไรผ่านนิยาย เธอไม่มีทางทำได้.. เธอดำเนินเรื่องราวมาไกลเกินจะแก้บทพระเอกโดยไม่โดนคำค้านของนักอ่าน แต่เพราะเขาเดือดร้อน..
สิ่งเดียวที่ง่ายที่สุดคือการกดดันเธอ ถ้าเธอไม่พยายามรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ เขาคงต้องฉายความเป็นตัวเองของเขาให้เธอได้เห็นจริงๆ เพราะตอนจบของนิยายเรื่องนี้… มีผลกระทบถึงเขาแน่นอน
ร่างสูงเหลือบตามองเงาในกระจก คะแนนไม่อยู่ในห้องอีกแล้ว