Ep.2 Our dinner
Airlin part
ตึกตักๆๆ หัวใจเต้นแรงเป็นบ้าเลย...นี่เลือดของฉันมันพุ่งกระฉูดไปทั้งตัว
“เออ..คือ..หายใจ..ไม่ค่อยสะดวกค่ะ เพราะพี่คินกอดแน่นเกินไป” ฉันตอบออกไปอย่างตะกุกตะกัก
ฟุ๊บ... แล้วพี่คินตาก็คลายอ้อมกอดออกจากฉันทันทีและหันไปประจำที่คนขับรถตามเคย..
“โห!!กินไข่มุกให้ติดอีกสักเม็ดดีมั้ยเนี้ย!” ฉันบ่นอู้อี้ๆ อย่างเสียดายๆ ...
“เป็นไงอะ ชานมไข่มุก อร่อยมั้ย? ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเหมือนสะใจ นิดๆ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ กับความซวยของฉันเอง
ส่วนฉันก็นั่งเจี๋ยมเจี้ยมตลอดทาง..
แต่เอาจริงๆ ฉันคงไม่กินมันไปอีก..3 วัน...
มันจะน่าอนาถแค่ไหน ที่ฉันต้องตายด้วยไข่มุกในชานมโง่ๆ แก้วนี้...
คนต้องคงเอาไปลงข่าวหน้าหนึ่ง เด็กสาวหน้าสวยตายเพราะชานมไข่มุกก็เป็นได้ โถๆๆ ชีวิตของแอริน...
@ บ้านหลังใหญ่
พอรถขับมาจอดถึงบ้าน ฉันก็เดินไปช่วยพี่คินตายกของทันทีอย่างมีน้ำใจ
คนเพิ่งเคยมีพี่ชายมันก็จะเห่ออยู่หน่อยๆ ละนะ..
“ไม่ต้องหรอก พี่ยกเองได้ ” พี่คินหันมาบอกทันทีที่ฉันเอื้อมมือแตะกระเป๋าของเขา
“กระเป๋าตั้ง 2 ใบ ให้แอรินช่วยนะ นะๆๆๆๆ ” ฉันพูดอย่างจริงจัง และแน่วแน่
“งั้น เอาใบเล็กไปก็พอ ” แล้วพี่คินก็ยื่นกระเป๋าเป้สะพายหลังให้ฉันแทน ส่วนเขาก็ยกกระเป๋าลากใบใหญ่ลงจากรถและยกตามมา เพราะพื้นมันขรุขระลากไม่ได้
ฉันแอบดีใจแทนคุณลุงคุณป้าจัง รอบนี้พี่คินต้องมาอยู่นานแน่ๆ กระเป๋าตั้ง2ใบแน่ะ
“กลับกันมาแล้วหรอลูก ...พี่คิน. แอริน ” เสียงคุณป้าพูดขึ้นอย่างมีความสุข
“สวัสดีครับ แม่ ” พี่คินเดินเข้าไปสวัสดีลงแนบอกของคุณป้า
“คิดถึงพี่คินจังเลย ผอมลงไปเยอะเลยนะลูกแม่ มาๆ กินข้าวกันๆ ” คุณป้าเดินมาจูงมือของฉันให้ตามไปด้วย
พอเรามานั่งที่โต๊ะ ไม่นาน คุณลุงชุดคาวบอยสุดเท่ก็เดินเข้ามาในบ้าน... จะเป็นใครไปได้นอกจาก พ่อของพี่คินนั่นแหละ
“ไงไอ้ลูกหมา..กลับบ้านได้แล้วหรอ 555” คุณลุงเดินเข้ามาตบไหล่พี่คินเบาๆ
“หวัดดีฮ่ะ พ่อ ทำไมแต่งตัวเฟี้ยวฟ้าวแบบนี้ล่ะ ” พี่คินเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม
“แล้วหนูน้ำไม่ได้มาด้วยหรอรอบนี้..” คุณลุงวางหมวกคาวบอยก่อนจะหันมาถามลูกชายคนโปรดของท่าน
“......” พี่คินนิ่งไปทันทีเหมือนพูดอะไรไม่ออก
“คุณๆๆ ..มานั่งกินข้าวกันเถอะๆ ” คุณป้ารีบดึงตัวคุณลุงมานั่งที่หัวโต๊ะทันที
“คือน้ำไม่ว่างนะครับพ่อ แต่รอบหน้าผมจะพาเขามาแน่ ” สักพักพี่คินก็พูดขึ้นมา แต่สายตากลับมองแค่ที่แก้วน้ำไม่สบตาของใครเลย
“อ่อ...” คุณลุงพยักหน้าเบาๆ
บรรยากาศบนโต๊ะเงียบสนิท... และดูตึงเครียด
จ๊อก!จ๊อกกกก!!!!แต่มันถูกทำลายด้วยเสียงท้องร้องที่ดังสนั่นของฉันเอง
“บ้าเอ๊ย...” ฉันหยิกท้องตัวเองและบ่นขึ้นเบาๆ
ทุกคนบนโต๊ะหันมามองทางฉันเป็นตาเดียว..
“ฮ่าๆๆ มีคนหิวหนักแล้วนะพ่อว่า ” คุณลุงถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่และหันมาทางฉัน
ขนาดคุณป้ายังหันหน้าไปอีกทาง เพื่อขำฉัน
“คุณลุงอะ!!!” ฉันหน้าบึ้งเล็กหน่อย เพราะอายพี่ชายคนที่เพิ่งเจอในวันนี้ ..
เขาต้องมองฉันตะกละตะกลามแน่ๆ เลย ก็ฉันหิวนิ
“กินข้าวไม่ตรงเวลา กินแต่ของไร้สาระ ท้องถึงได้ร้องออกมาแบบนี้ ลำไส้มันกำลังประท้วง ” พี่คินตาพูดก่อนจะตักผัดผักมาใส่ที่จานของฉัน
“..แต่ว่า... แอรินไม่ชอบกินผักค่ะ มันขม” ฉันส่ายหน้าทันที และหันไปมองทางคุณป้าและคุณลุงเพื่อหาคนช่วย
“อ่อ หรอ...” พี่คินพูดขึ้นนิ่งๆ ก่อนจะตักอาหารใส่จานของตัวเอง และทุกคนก็เริ่มกินกันตามปกติ
เห้อออ โล่งอกไปที...
“คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ปีละเกือบ 3 หมื่นคน สาเหตุมาจากการไม่กินผัก จนลำไส้อุดตัน ” พี่คินพูดขึ้นแต่เหมือนเขาพูดกับคุณลุงคุณป้ามากกว่า...
“ยิ่งชอบกินอาหารไร้ประโยชน์ แบบ...ชานมไข่มุกแบบเธอนะ ...ไม่เกิน 30 ก็จองห้องพิเศษโรงพยาบาลไว้รอเลย...” พี่คินตาหันมาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่เป็นฉันต่างหากที่อึ้ง อึ้ง และอึ้ง!!!
ไม่นะ 30 ฉันคงกำลังได้แต่งงานกับใครสักคน กำลังมีลูก มีบ้าน มีรถ มีครอบครัวสุขสันต์....และฉันก็...ต้องตายด้วยโรคมะเร็ง
“ม่ายยยย ..ไม่นะ ” ฉันได้บ่นในใจ
คุณป้าคุณลุงมองหน้าเราสองคนสลับไปมา....
พี่คินก็กำลังจะตักผักบร็อคโคลีเข้าปาก แต่...
หมับ!!ฉันจับมือของพี่คินตาที่นั่งฝั่งตรงข้ามทันที ก่อนจะดึงเข้ามาหาตัวเอง ..
“พี่คิน!!ห้ามกินนะ ” ฉันร้องห้ามพี่คินทันที
พี่คินก็มองนิ่งๆ เหมือนงงๆ อยู่บ้าง
งั่บ!!
“หนูจะกินเองทั้งหมด งั่มๆ ” ฉันดึงมือของเขาที่ถือช้อนเข้ามาป้อนกินเองทันที.....