บท
ตั้งค่า

ครอบครัว 1/3

“แม่กลับมาแล้วเหรอ ไปกินข้าวเถอะแม่ เดี๋ยวบลูเก็บให้เอง วันนี้ขายดีไหม”

เธอมองไปยังรถขายผลไม้ของแม่มีมะม่วง แตงโม ชมพู่ มะละกอ ฝรั่ง มะกอกน้ำ มะดัน แคนตาลูป มีของที่ปอกแล้วเหลือติดตู้อยู่พอประมาณ แต่ด้านล่างมีของที่ยังไม่ปอกเปลือกอยู่เยอะพอสมควร

“ไม่ค่อยดีเลยวันนี้เงียบ สงสัยเพราะเป็นวันหวยออก”

วันหวยออกกับวันพระเหมือนเป็นวันอาถรรพ์ของคนค้าขาย เพราะจะเป็นวันที่เงียบมาก ไม่รู้คนไปไหนกันหมด

“แต่มีคนดวงดีอยู่คนนะแม่ ข้างในมีเป็ดย่างแม่เข้าไปกินเถอะ บลูอิ่มแล้วเดี๋ยวเก็บเอง”

บุรฉัตรเห็นแม่ถอนหายใจ ทำหน้าแบบคนเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

บุรฉัตรเก็บผลไม้ที่ปอกแล้วไปใส่ตู้เย็น ส่วนที่ยังไม่ได้ปอก อันไหนที่ต้องวางด้านนอกก็วางเอาไว้ในที่เก็บ อันไหนที่จำเป็นต้องใส่ถังน้ำแข็งก็แยกไปใส่

เมื่อเรียบร้อยแล้วเธอก็ถือแตงโมที่หั่นเรียบร้อยเอาไปวางที่โต๊ะอาหาร

“บอสกินแตงโมไหม”

น้องชายพยักหน้า บุรฉัตรใช้ส้อมจิ้มแตงโมแล้วส่งให้น้อง แล้วนั่งลงที่เดิมที่ข้างน้องชาย

“แม่ บลูว่าบลูจะเลิกเรียนแล้วนะ จะออกมาทำงาน”

แม่มองหน้าเธอ ก่อนจะถามว่า

“คิดจะไปทำงานอะไร”

จริงๆพูดเรื่องนี้กันมาหลายรอบแล้ว บุรฉัตรบอกว่าอยากเลิกเรียน แต่เธอก็คัดค้านมาตลอด แต่มาปีนี้หาเงินลำบากจริงๆ ถ้ามีคนออกมาหาเงินช่วยอีกแรงก็คงดี

“อีแนตตี้กับเจ๊พราวชวนไปเป็นตัวแทนขายประกันชีวิตน่ะแม่”

บุรฉัตรคายเม็ดแตงโมงลงบนจานข้าวที่เพิ่งกินเสร็จ

“ขายประกัน!จะไปขายใคร แค่เงินจะกินจะใช้รายวันคนสมัยนี้ยังไม่ค่อยจะมี ใครมันจะมาซื้อประกัน แล้วคนแบบเราก็ไม่ได้รู้จักใครที่จะมีเงินซื้ออะไรแบบนี้ด้วย”

เดือนเพ็ญมองหน้าลูกอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย

ใจจริงอยากให้บุรฉัตรเรียนให้จบปริญญาตรีมากกว่า จะได้ไม่ลำบากเหมือนเธอแต่สภาพเศรษฐกิจยุคนี้ก็หาเงินยากเหลือเกิน

เธอรู้ดีว่าบุรฉัตรอยากออกมาช่วยหาเงินส่งน้องเรียน เลยต้องจำยอม

“แม่รู้ไหม ตามประสบการณ์การขายของของบลู อีพวกที่รู้จักสนิทกันกับเรา มันไม่ค่อยซื้อของเราหรอกแม่ แต่เรามักจะขายของได้กับคนที่ไม่รู้จักหรือไม่สนิทกัน มากกว่าคนสนิทกันเสียอีก บลูว่าบลูทำได้แม่ บริษัทเขามีอบรมให้ด้วย”

เดือนเพ็ญถอนหายใจ เหลือบตาไปมองหน้าผัว ที่ทำไม่รู้ไม่ชี้จิ้มแตงโมเข้าปาก ลอยตัวอยู่เหนือความรับผิดชอบทุกอย่าง

มีแต่เธอเท่านั้นที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้าน สำหรับผัวอย่างบารมี แค่ไม่สร้างปัญหาก็ดีมากแล้ว อย่าไปคาดหวังว่าจะช่วยหาเงินเลย หามาได้เท่าไหร่ ก็อยู่กับเหล้าอยู่กับอบายมุขหมด

โชคดีอยู่อย่างที่ไม่เจ้าชู้ เพราะถ้าเจ้าชู้คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ด้วยความสงสารลูกเลยพยายามมองข้ามนิสัยเสียๆของเขาไปบ้าง

“เฮ้อ เอาไว้เศรษฐกิจดีกว่านี้ก่อนนะบลู ถ้าแม่ขายของดีหาเงินได้บลูค่อยกลับมาเรียน”

เดือนเพ็ญบอกลูกเสียงเศร้า ในฐานะคนเป็นแม่ เสียใจเหลือเกิน ที่ทำดีกว่านี้ไม่ได้ อยากส่งลูกเรียนให้สูงที่สุด แต่กำลังมันก็ไม่มี

“ไม่เป็นไรหรอกแม่ บลูมันหัวขี้เลื่อยด้วย เรียนไม่เก่งเหมือนบีม ให้บีมมันเรียนเถอะมันอยากเป็นหมอ เราก็มาช่วยหาเงินให้บีมมันเรียนกัน”

บุรฉัตรหัวเราะตัวเอง ทำเสียงสดใส เพราะไม่อยากให้แม่คิดมาก

บารมีมองสองแม่ลูกคุยกันแล้วรู้สึกอึดอัดแปลกๆเลยกดรีโมตเปิดทีวีดู

เป็นช่วงข่าวบันเทิงก่อนเข้าละครหลังข่าว มีข่าวบันเทิงเกี่ยวกับการรับเป็นพรีเซนเตอร์บริษัทประกันชีวิตของนิดชนิดานางเอกร้อยล้านขึ้นพอดี

บุรฉัตรหันไปมองอย่างสนใจ

“แม่นี่ไงบริษัทนี่แหละที่อีแนทตี้กับเจ๊พราว ชวนบลูไปสมัครเป็นตัวแทน แม่ดูสิ กลยุทธ์ทางการตลาดของเขาดีนะ จ้างนิดชนิดามาเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย งานนี้รับรองขายง่าย...พ่อเพิ่มเสียงอีกหน่อย ไม่ค่อยได้ยิน”

‘เป็นที่แน่นอนแล้วนะคะว่า นิดชนิดารับเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับพิริยะประกันชีวิตวงในบอกว่างานนี้ ฟาดค่าตัวไปแปดหลัก วงการประกันร้อนแรงจริงๆค่ะ ประกันค่ายสีแดงจ้างนางเอกร้อยล้าน ประกันค่ายสีฟ้าก็แว่วว่าจ้างน้ำหวานนลินีนางเอกดาวรุ่ง งานนี้เลือกไม่ถูกจริงๆว่าจะซื้อประกันเจ้าไหนดี แต่ตอนนี้ไปฟังสัมภาษณ์นิด ชนิดากันค่ะ ว่ารู้สึกยังไงบ้างที่งานรุ่งเอารุ่งเอาแบบนี้ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีเรื่องความรักบ้าง’

เสียงผู้ประกาศข่าวรายงานเนื้อหาของข่าวก่อนที่จะตัดเข้าสัมภาษณ์ถึงความรู้สึกของนางเอกคนดัง

“เจ้าสีฟ้านี่บริษัทอะไรบลู”

***

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel