ครอบครัว 1/2
“ถามมาก กิน กินไป ถามอยู่ได้”
ไม่อยากจะบอกว่าซื้อหมดไปเกือบสองพัน แต่แล้วยังไงล่ะ ถูกตั้งสี่พันกำไรเห็นๆ ยังไงก็ยังได้กำไรอยู่ดีเห็นไหม จะซีเรียสไปทำไม
บุรฉัตรถอนใจเฮือกด้วยความปลง ก่อนจะหันไปถามน้องชายคนเล็กที่อายุแค่เจ็ดขวบ ห่างกับเธอตั้งสิบสามปี
น้องคนนี้แม่หมันหลุดเลยได้มา กว่าแม่จะรู้ตัวว่าท้อง ก็ตอนที่ท้องแม่โตได้ห้าเดือนเข้าไปแล้ว
รู้สึกว่ามีอะไรดิ้นอยู่ในท้องก็เลยไปหาหมอไม่ได้คิดเลยสักนิดว่ากำลังท้องอยู่ เพราะประจำเดือนก็มาบ้างไม่มาบ้าง
จนคิดว่าตัวเองน่าจะวัยทองใกล้จะหมดประจำเดือน แต่ที่ไหนได้ ท้อง!
หลังจากแม่ท้องในวัยสี่สิบสามความบันเทิงก็เกิดขึ้นกับชีวิตครอบครัวของเธอ
แม่ซึ่งเป็นแม่เป็นแม่ค้าขายผลไม้อยู่หน้าเซเว่น ปกติยืนขายผลไม้ทั้งวันก็ปวดหลังจะแย่ พอท้องลูกอีกคนยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่
กอปรกับวัยที่มากขึ้นแล้วยังมาท้องอีก แม่ก็อ่อนเพลียเหนื่อยง่าย
เธอในตอนนั้นที่อายุแค่สิบสามปี เลยต้องรับผิดชอบงานบ้านทุกอย่าง ซักผ้ารีดผ้าถูบ้าน ทำอาหาร เหมามันทุกหน้าที่
เวลาว่างก็ยังไปยืนเรียกลูกค้าช่วยแม่ที่หน้าร้านขายผลไม้อีก แถมยังต้องคอยดูแลน้องชายคนรองที่อายุห่างกันสองปีด้วย
ชีวิตของอีบลูเลยแกร่งเกินเด็กในวัยเดียวกัน
เพราะความลำบากเลยทำให้ต้องดิ้นรน ไม่มีเวลามาอ่อนแอหรือร้องขอความเห็นใจจากใครทั้งนั้น ถ้าไม่สู้อาจจะอดตายได้ ในชีวิตไม่มีสิทธิ์ร้องไห้หรือท้อใจ น้ำตาไหลก็แค่ปาดออกแล้วลุยต่อ
“อร่อยไหมบอส”
เธอมองน้องอย่างเอ็นดู เคี้ยวตุ้ยๆดูมีความสุขบอสหันมายิ้มให้เธอทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก
เธอรักและสงสารน้องคนนี้มาก เพราะน้องเกิดมาในตอนที่แม่อายุมากแล้ว น้องเลยพัฒนาการช้า เป็นเด็กนิ่งๆไม่ค่อยพูด จะสนใจอยู่กับอะไรเดิมๆซ้ำๆ เช่นวาดรูป
แค่มีสีกับกระดาษบอสนั่งอยู่ได้ทั้งวัน
“แล้วนี่บีมไปไหนล่ะพ่อ ยังไม่กลับอีกเหรอ”
บีมคือน้องชายคนรองที่ปีนี้กำลังจะเรียนจบมอหก บีมเป็นเด็กเรียนดีสอบได้เกรดสี่ทุกเทอม น้องบอกว่าอยากจะเป็นหมอ
แต่ค่าเรียนหมอน่าจะแพงไม่น้อย
“เห็นว่าโรงเรียนจัดติว บอกว่าจะกลับค่ำๆหน่อย”
อีกสองเดือนน้องชายก็ต้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยแล้ว บุรฉัตรแอบกังวลนิดๆว่าจะเอายังไงดี
ตอนนี้เธอเรียนบัญชีสายอาชีพในระดับปวส.เรียนจบเทอมนี้อาจจะต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินช่วยแม่เพื่อส่งบีมเรียนก่อน
น้องเรียนดีเธออยากให้น้องได้เรียนต่อในสิ่งที่น้องตั้งใจ
ส่วนเธอมันประเภทเรียนพอผ่าน ไม่ได้ขี้เกียจแต่หัวไม่ดีชอบทำงานมากกว่า ไปเรียนทุกวันนี้เหมือนไปเพื่อขายของ เป็นตัวแทนขายสบู่หน้าใสมีรายได้พอให้ได้ใช้จ่าย ไม่ต้องขอเงินแม่
เธอตักข้าวเพิ่มให้น้อง เมื่อเห็นว่าน้องกินหมดและดูยังอร่อยกับอาหารในจานอยู่ ก็นะอาหารดีดีแบบนี้ นานๆถึงจะได้กินเสียที
ถ้าพ่อไม่ถูกหวยไม่มีทางได้กิน เสียดายเงิน มันแพงกินข้าวไข่เจียวก็อิ่มเหมือนกันโปรตีนเยอะด้วย แต่อย่างว่าเงินที่ได้มาง่ายก็ใช้ง่าย จะไปเสียดายอะไรสำหรับคนถูกหวย นี่มันลาภลอยเขาไม่คิดเยอะกันหรอกได้มาก็ต้องฉลอง อีบลูชินแล้ว
เสียงรถมอเตอร์ไซค์อีแก่เสียงดังแต๊ก แต๊ก สภาพเหมือนจะดับอยู่ตลอดเวลา มาจอดที่หน้าบ้าน แม่ของเธอกลับมาแล้ว
บุรฉัตรเดินออกไปรอแม่ที่หน้าบ้าน เอ่ยทักทายมารดา ที่ใบหน้าหมองคล้ำดูเหน็ดเหนื่อย
เธอว่าหลายปีมานี่ แม่ของเธอแก่ไปเยอะเลย ตอนเป็นเด็กเธอมองว่าแม่สวยผู้หญิงตัวเล็กๆผิวขาวตาโตยิ้มทีแม่ของเธอสวยมาก
พอเธอโตขึ้น กาลเวลาก็พรากความสวยของแม่ไป และอาจจะเป็นเพราะแม่ต้องไปยืนขายของนานๆตากทั้งแดดตากทั้งลม ผิวที่เคยสดใสก็หมองคล้ำ เวลาจะดูแลตัวเองก็ไม่ค่อยจะมี
ยิ่งหลังจากคลอดน้องชายคนเล็กออกมา แม่ดูไม่มีชีวิตชีวาเหมือนแต่ก่อน ผิวเริ่มเหี่ยวดูกร้านแดดกร้านลมเพราะต้องยืนหลบมุมขายของหน้าเซเว่น มาหลายปี
แววตาของแม่ก็แห้งแล้งแบบคนที่มีความเครียดอยู่เสมอ แม่ยิ้มน้อยลง จนเธออดคิดถึงรอยยิ้มหวานๆของแม่ในตอนที่เธอเป็นเด็กไม่ได้
“แม่กลับมาแล้วเหรอ ไปกินข้าวเถอะแม่ เดี๋ยวบลูเก็บให้เอง วันนี้ขายดีไหม”
***