ตอนที่ 2 Sun Kiss
ดวงตาเหมือนท้องฟ้ายามเย็นของฤดูใบไม้ร่วงสีแดงเปิดขึ้นแล้ว ชินจิลืมตาขึ้นในห้องพยาบาล เขาหลับไปพักใหญ่ ฉันบอกครูประจำห้องพยาบาลว่านักเรียนใหม่เป็นลมแดด
“เป็นไงบ้าง ?” ฉันรีบถามชินจิ เอื้อมหลังมือไปแตะหน้าผากเขาเบาๆ “ทำไมไม่บอกฉันว่านายไม่ชอบถูกแดด”
“ก็เธอขอ”
“ชินจิ” พอเขาพูดแบบนั้นฉันก็เจ็บจี๊ดที่หัวใจขึ้นมา
“แล้วฉันก็สัญญาไว้แล้ว”
“...”
“ฉันติดหนี้เธออยู่นะ ยูกะ”
“เอ๋ ?”
“ฉันดื่มเลือดของเธอ เพราะงั้นฉันก็เป็นหนี้เลือดเธอ”
“เพราะงั้นนายถึงกับยอมเสี่ยงอันตรายตากแดดรึไง ? ฉันเชื่อว่าแวมไพร์ตัวอื่นคงไม่คิดแบบนายแน่” มือของฉันยังแตะอยู่ที่หน้าผากชินจิ หน้าผากงดงามสีขาวจัดตัดกับเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่นุ่มราวกับเส้นไหม ฉันสงสารเขาจัง
“อย่าคิดมากน่า ฉันไม่ได้แพ้แดดมากหรอก”
“เอ๋ ? แล้วถ้างั้นนายเป็นอะไรล่ะ ?”
อ๊ะ ?!
อยู่ๆ ชินจิก็คว้ามือของฉันไปจากหน้าผากของเขา ก่อนที่เขาจะคว้าอีกมือหนึ่งของฉัน ดึงจนร่างของฉันชนเข้ากับร่างของเขาขณะที่เขาลุกขึ้นนั่ง ดวงตาที่เมื่อครู่ยังดูล้าเวลานี้กลับลุกวาว
“ก็แค่ต้องการเลือดน่ะ”
“หา !?”
“ตั้งแต่เย็นนั้นที่ฉันดื่มเลือดของเธอแล้ว ฉันก็ยังไม่ได้กินอะไรอีกเลยนะ”
งั้นเขาก็ไม่ได้ดื่มเลือดมาเป็นวันๆ เลยนะสิ
“อะ...โอ๊ย”
โดยไม่ทันตั้งตัว หรือถึงจะตั้งตัวทันก็คงสู้แรงของชินจิไม่ได้ เขาล็อคมือของฉันไว้ทั้งสองข้างและลิ้มรสเลือดของฉันอีกครั้ง คมเขี้ยวของชินจิฝังลงมาบนลำคอของฉัน
ไม่ !!!
“ชินจิ อย่า...!”
ความเจ็บแปลบแล่นปราด ฉันได้ยินเสียงและสัมผัสถึงลมหายใจที่รินรดลงมา อีกทั้งรู้สึกถึงเลือดที่กำลังถูกเรียกออกจากร่าง
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ชินจิกัดฉันและดื่มเลือดของฉัน และเลือดทั้งร่างของฉันสัมผัสถึงความโหยหาอันลี้ลับนั้น
“ชินจิ ฉันเจ็บ”
ชินจิไม่ได้ดื่มเลือดของใครอีกเลยงั้นเหรอ ถ้างั้นเขาคงจะหิวมากสินะ ถ้างั้นเขาจะดูดเลือดจนหมดร่างฉันรึเปล่า
“ฉันชอบรสเลือดของเธอ” เขาบอกเมื่อถอนเขี้ยว ทว่าริมฝีปากยังพูดชิดจนสัมผัสกับผิวต้นคอของฉัน ทำให้ฉันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง “เพราะงั้นขอฉันเถอะนะ ยูกะ”
แล้วคมเขี้ยวของชินจิก็แทงลงที่รอยแผลเดิมของฉันอีกครั้ง และฉันไม่สามารถร้องหรือขยับได้มากกว่านี้เลย
...รู้สึกราวกับกวางที่ถูกสิงโตขย้ำคอเอาไว้...
และเมื่อถึงจุดหนึ่งฉันก็รู้สึกราวกับดอกไม้ที่ถูกปลิดให้ร่วงจากก้าน และมีเพียงแขนของชินจิที่ประคองร่างของฉันไว้
...ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง...
“ตื่นจนได้นะ ยูกะ”
ฉันได้ยินเสียงของชินจิผ่านความรู้สึกมึนงงหลังเปลือกตาที่หนักอึ้ง ฉันกระพริบตาตื่นช้าๆ เพดานสีขาวที่อยู่สูงขึ้นไปดูพร่า
ที่นี่คือห้องพยาบาลนี่ แต่ชินจิไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้ว กลับกลายเป็นฉันที่นอนบนเตียงนั้น
ชินจิหยักยิ้มน้อยๆ ให้ฉันจากเก้าอี้ข้างเตียง
“ชินจิ !!” ฉันอยากจะร้องกรี๊ดดังๆ อารมณ์พลุ่งพล่านทั้งหมดผสานกันจนปนเปสับสน ฉันโกรธ ฉันกลัว ฉันเกลียด ฉัน...โอ๊ย !!! นี่เขากัดฉันอีกแล้ว !!!!!!
แต่เพราะฉันรีบลุกนั่งทำให้ตัวเองเซจนเกือบจะล้มอีกครั้ง
“เสียเลือดมากไม่ควรลุกนั่งเร็วๆ นะ” ชินจิพูดสบายๆ และประคองฉันไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง
“ยังจะมาพูดอีก !”
“ฉันผิดเองที่หิวจัด และเธอก็ผิดที่เลือดหวานเกินไป วันหลังฉันจะควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้ก็แล้วกัน”
“วันหลัง !!?? นี่นายคิดจะดื่มเลือดฉันอีกงั้นเหรอ !!!??? คนใจร้าย !!!”
“ทำไงได้ล่ะ ถ้าฉันไม่ได้ดื่มเลือด ฉันก็ตาย”
...ตาย...
“ชินจิ” พอพูดแบบนั้นฉันก็สงสารเขาขึ้นมา การเป็นแวมไพร์น่ะว่ากันว่าน่าหลงใหลและงดงาม แต่ที่จริงก็แฝงไว้ด้วยความเศร้าและว้าเหว่เหมือนกันนะ
ฉันวางมือบนไหล่ของชินจิ “ฉันน่ะ...อยากจะช่วยนายนะ”
และนั่นก็ทำให้ชินจิยิ้ม รอยยิ้มนั้นงดงามจนฉันไม่อยากจะละสายตา เป็นเพราะเขาได้ดื่มเลือดของฉันรึเปล่า เขาถึงได้ดูหล่อเหลาขึ้นอีกแล้ว
“แต่ไม่ใช่แบบที่นายคิด ไม่ใช่ว่าฉันจะให้นายดูดเลือดอีกนะ !”
“แล้วยังไงล่ะ”
ยังไงเหรอ ? นั่นเป็นคำถามที่ดี มันทำให้ฉันต้องนิ่งอึ้งเพื่อคิดเลยล่ะ
“นั่นสิ”
ต่อให้ฉันบอกว่าจะช่วยชินจิ แต่มนุษย์ที่เป็นเหยื่อแวมไพร์อย่างฉันจะทำอะไรได้มั่งนะ ? มันอาจจะน่าตลกเหมือนหนูที่คิดจะช่วยราชสีห์ก็ได้ หนำซ้ำพอเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับแวมไพร์เข้าจริงๆ ฉันก็ยิ่งรู้สึกสยดสยองมากกว่าจะเห็นใจสิ่งมีชีวิตพวกนั้น
แวมไพร์น่ากลัวจริงๆ นั่นล่ะ บรื๋อว์ว์ว์ว์
ฉันกำลังนั่งเปิดหนังสือเกี่ยวกับแวมไพร์ในห้องสมุดของโรงเรียนหลังเลิกเรียน หนังสือเล่มนี้หนาและเก่ามากราวกับคัมภีร์โบราณ แต่ละหน้ากระดาษมีรูปภาพที่น่ากลัวของแวมไพร์ คำบรรยายก็ทำให้ขนพองสยองเกล้า
“แวมไพร์เป็นปีศาจร้าย และนี่คือวิธีกำจัดมัน”
โห แล้วหน้าต่อๆ มาก็เต็มไปด้วยวิธีสังหารแวมไพร์ แต่ฉันว่าน่าสงสารนะ
“ถ้าคุณกำลังคิดสงสารแวมไพร์ ให้เปิดหน้าต่อไป และดูสิ่งที่แวมไพร์ทำ”
บรื๋อว์ว์ว์ว์ว์ หน้าต่อมามีทั้งรูปภาพและภาพจริงของแวมไพร์ที่ฆ่าและกินเลือดมนุษย์ แต่รูปพวกนี้มาจากหนังทั้งนั้น เพราะงั้นมันถึงน่ากลัวไงล่ะ
ว่าแต่หนังสือนี่เชื่อได้แค่ไหนกันนะ ?
“อ่านอะไรอยู่ ?”
“กรี๊ด” ฉันกรี๊ดทั้งที่อยู่ในห้องสมุด แต่ในห้องนี้ไม่เหลือใครเลยนอกจากฉันกับ...
“ชินจิ !?”
แม้แต่บรรณารักษ์ก็ไม่อยู่ที่นี่ ดูเหมือนจะไปห้องน้ำ เพราะตอนนี้เย็นมากแล้วและใกล้เวลาที่ห้องสมุดจะปิดแล้วด้วย
“วะ...วะ...แวมไพร์ !!”
“แปลกใจอะไรล่ะ ?” ชินจิเอียงหัวงงๆ “แล้วทำไมต้องตกใจกลัวฉันขนาดนั้น ? เมื่อวานยังไม่เห็นกลัวเลย”
แล้วชินจิก็เหลือบเห็นหนังสือในมือของฉัน วินาทีเดียวกันนั้นเขาก็ฉวยมันไปจากมือฉันและเปิดดู
“เข้าใจล่ะ”
“เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่า ?” ฉันถามชินจิหวั่นๆ
แต่เขาก็แค่มองตอบฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเท่านั้น “ฉันตอบเธอได้ทุกคำถามนั่นล่ะ แต่...”
“แต่อะไร ?”
“แต่ตอนนี้หิวแล้ว”
เฮือก... !!!
“ไม่เอานะ !”
ฟึ่บ !
ชินจิก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงข้ามฉันและคว้าแขนฉันไว้ทั้งสองข้าง เขาดึงร่างฉันที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงข้ามจนลุกขึ้น “ถ้าดิ้นหรือร้องจะเจ็บกว่าเดิมนะ”
“ชินจิ ปล่อยฉัน !”
“นิ่งสิ”
“ไม่ ! อ๊ะ อ๊า !”
ชินจิไวจริงๆ ไม่ทันไรเขาก็จับฉันไว้ได้อีกแล้ว คอของฉันเปิดรับคมเขี้ยวของเขาเมื่อร่างฉันถูกรั้งให้ยืนขึ้น ขณะที่เขาเคลื่อนใบหน้าชิดเข้ามาและฝังริมฝีปากลงบนผิวของฉันเหนือกึ่งกลางโต๊ะ
ขยับไม่ได้เลย มือของชินจิล็อคข้อมือของฉันไว้ทั้งสองข้างอีกแล้ว !
คมเขี้ยวนั้นกระหาย เป็นอีกครั้งที่เขาดื่มเลือดจากฉันอย่างเอาแต่ใจแบบนั้น !
แต่ฉันกำลังจะยืนไม่อยู่แล้ว เหมือนกำลังที่เหลือกำลังถูกชิงไปพร้อมกับเลือดพวกนั้น
พลั่ก !
“ยูกะ ?”
เขาดูจะแปลกใจมากที่ฉันผลักเขาออกทั้งที่คมเขี้ยวของเขายังฝังอยู่ เพราะแบบนั้นแผลอาจจะฉีกกว้างก็ได้ แม้แต่ฉันยังรู้สึกถึงเลือดที่กระเซ็นออกมาเลย
แล้วฉันก็วิ่งหนีออกจากห้องสมุดไปอย่างเร็วที่สุด และไม่หันหลังกลับมาอีกเลย