Vampire and I ซากุระในสายฝน
บทย่อ
ยินดีต้อนรับสู่ความมืดที่แสนงดงามและน่าหลงใหล กับนิยายแฟนตาซีรักแนวดาร์คและโรแมนติกที่จะทำให้คุณหลงใหลแวมไพร์…ตลอดไป... ... “นานะมองลำคอของไซโตะที่สะท้อนแสงหม่นจากหน้าต่าง...ร่างนั้นที่หล่อเหลาจนกลายเป็นความงดงามกำลังหลับใหล... ...ได้กลิ่นกายของไซโตะ เธอเคลื่อนใบหน้าใกล้เข้าไป… แต่แล้วเธอชะงัก ข่มตาหลับ ก่อนจะผละจากเขาและลุกกลับไปที่เตียง ในความมืดและเงียบหลังจากเธอเดินกลับไป ไซโตะลืมตาขึ้น เมื่อครู่นานะมาที่นี่ เขารู้ เพียงเมื่อครู่...เธออยู่ใกล้ๆ เขานี่เอง...” หากคุณชอบความมืด ความงดงาม และความลี้ลับ นิยายเล่มนี้คือนิยายสำหรับท่าน “ไซโตะลากตัวนานะกลับมาที่ห้องแล้ว เขาล็อคประตูทันที “ฉันยังออกล่าไม่เสร็จเลยนะ” เธอบอกอย่างเสียอารมณ์ “เปิดให้ฉันออกไป ฉันไม่ฆ่าใครเหมือนแวมไพร์ใจร้ายตัวอื่นหรอกน่ะ” แต่ไซโตะคว้ามือของนานะที่กำลูกบิดประตูและกำลังจะแก้ล็อคออก ก่อนจะดึงมือนั้น ทำให้ทั้งตัวนานะลอยเข้าไปชนกับร่างของเขา “ไซโตะ ?” ร่างสูงรั้งมือของนานะแน่น อีกมือรั้งท้ายทอยใต้เส้นผมดำยาวเข้าไปที่ลำคอของเขาเอง “ดื่มเลือดฉันสิ” “!!?? นาย...” “ดื่มเลือดฉัน” ...ตึกตัก... นานะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นผิดจังหวะออกไปจากเดิม ไซโตะอยู่ใกล้เกินไป “ฉันไม่แคร์ว่าเธอรู้สึกยังไงกับฉัน ที่ฉันต้องการก็คือฉันไม่อยากให้เธอดื่มเลือดใครอีก” นิ้วเรียวยาวของไซโตะรั้งปกเสื้อของตัวเองลง “ดื่มเลือดของฉันคนเดียวเท่านั้น” เป็นนิยายรักที่ไม่หวาน มีความดาร์คและความมืดหม่นปนอยู่
Prologue
Dark Rain
ฝนตกหนักอีกแล้ว เหมือนฟากฟ้ากำลังร่ำไห้ไม่หยุด สายฝนเม็ดหนักตกกระหน่ำจนอำพรางแสงไฟส่องทางหมดสิ้น
...มืดหม่นราวกับเวลาที่เราร้องไห้และหลับตา...
กึก
ชายร่างสูงหยุดฝีเท้ากลางทางเดินที่ไร้ผู้คน มือสีขาวประดับนิ้วเรียวยาวกำร่มสีดำนิ่งค้าง เขามีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวกับภาพวาดที่งดงาม ทว่าเป็นภาพวาดในความเงียบของมุมของผนังที่แสงแดดกำลังจะหมดไป ใบหน้าคมคายไร้ที่ตินั้นไม่เคยยิ้มเลย
และเวลานี้ดวงตาคมเข้มสีดำสนิทราวกับอากาศมืดและหนักรอบข้างกำลังจ้องมองฝ่าสีดำแห่งยามวิกาลและม่านฝนไปที่กำแพงสีเทาทึมเบื้องหน้า
ข้างกำแพงนั้นมีร่างหญิงสาวคนหนึ่งหมดสติอยู่ ดูราวกับซากุระบอบบางที่ถูกลมฝนปลิดลงมาจากต้น
“เป็นอะไรรึเปล่า” เขาพยุงร่างสีขาวราวกับไม่เคยถูกแดดของเธอไว้ “ฉันจะพาไปหาหมอ”
“ไม่ อย่าทำแบบนั้นนะ” เธอร้อง “ข้อร้องล่ะ”
แล้วเธอก็หมดสติไปอีก
ชายหนุ่มวางร่างไร้สติของเธอลงบนเตียงนอนของเขา แว่วเสียงฝนตกกระหน่ำจากข้างนอกตัดกับความเงียบในห้อง เขานิ่งมองหญิงสาวปริศนาที่อยู่ตรงหน้า หยาดฝนจากเส้นผมของเขาหยดลงใบหน้าที่สวยเหมือนตุ๊กตาของเธอ ทว่าเป็นตุ๊กตาที่คล้ายถูกทอดทิ้งและหลับไปทั้งที่ยังร้องไห้ เส้นผมสีดำยาวของเธอเปียกไปหมด
แล้วดวงตาที่งดงามราวกับค่ำคืนของเขาเคลื่อนไปที่ริมฝีปากซีดของเธอ มองเลยต่ำลงไป...ที่ซึ่งเขาเคลื่อนมือไปปลดกระดุมเม็ดแรกบนร่างของเธอ
เขาทำความสะอาดเธอในอ่างอาบน้ำ แผ่นหลังของเธอสัมผัสกับหัวใจของเขา แล้วเขาวางร่างที่ราวกับตุ๊กตางดงามไร้ที่ตินั้นลงบนเตียงเดิม ผิวสีขาวจัดมีเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวยาวของเขาคลุมไว้ แสงไฟสีฟ้าเปลี่ยวเหงาจากหน้าต่างฉาบเสี้ยวหน้าสวยหวานของเธอไว้เมื่อเขาปิดไฟ
แล้วชายเจ้าของห้องก็ย้ายตัวไปนอนที่โซฟาอีกฟากของห้องก่อนจะหลับตาลง
แสงแดดอ่อนจากฟ้ายามเช้าสีเทาครึ้มสาดเข้ามาทางหน้าต่าง ชายหนุ่มลุกขึ้นและพบว่าหญิงสาวในเสื้อเชิ้ตของเขายังหลับอยู่ เขาเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินกลับออกมาในชุดนักศึกษา เตรียมอาหารเช้าง่ายๆ ไว้ให้คนที่ยังไม่ตื่น นิ่งมองเธอชั่วครู่ก่อนจะออกจากห้องไป
วันนี้วิหารคาธอลิกขนาดใหญ่ระหว่างทางไปวิทยาลัยของเขาดูมืดเป็นพิเศษในโค้งฟ้าครึ้ม รูปสลักเทวทูตที่ตั้งเรียงรายดูหม่นเศร้าในสายฝนบางเบา และรูปสลักของอัครสาวกที่แบกไม้กางเขนดูหดหู่อย่างอธิบายไม่ได้
…ราวกับบางเวลาสายฝนก็ทำให้ทุกอย่างเทาทึมไป...และราวกับแสงสว่างได้ทอดทิ้งดินแดนแห่งนี้ไปแล้ว...
...แว่วเสียงฝีเท้าคู่เล็กที่วิ่งใกล้เข้ามาเมื่อเขาหลับตา มันเป็นเสียงฝีเท้าในวัยเด็กของเขาเองที่วิ่งผ่านที่นี่อยู่เสมอ มองเข้าไปด้วยความอยากรู้ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะเข้าไป แล้วเสียงอ่อนโยนของแม่ก็เรียกเขาไว้ ใบหน้ากลมๆ ยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งตามแม่ไป
...นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่หญิงผู้นั้นเรียกเขา ก่อนที่วันต่อๆ มาจะเหลือเสียงฝีเท้าของเขาอยู่เพียงคู่เดียว เสียงฝีเท้าที่ช้าลง เท้าที่ใหญ่ขึ้น และร่างที่สูงขึ้น...
แล้วเสียงกับภาพในอดีตก็เลือนวับไปเมื่อเขาลืมตาขึ้นจากความทรงจำและออกเดินต่อ
เขาผ่านวิหารนี้อีกครั้งในตอนค่ำ เร่งฝีเท้าผ่านไปอย่างเร็วเพื่อเปิดประตูห้องพัก ผู้หญิงที่ดูราวกับกลีบดอกซากุระคนนั้นยังหลับอยู่ที่เดิม และเขาก็นั่งรอที่ข้างร่างนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
ไม่นานเขาก็เห็นดวงตากลมโตสีดำสนิทของเธอเป็นครั้งแรก ดวงตานั้นดูราวกับอัญมณีสีดำ
“ตื่นแล้วเหรอ”
หญิงสาวกระพริบตาเมื่อได้ยินเสียงทัก
“เธอหลับมาถึงเย็นของอีกวันหนึ่งเลยนะ”
ร่างบนเตียงสะดุ้งแผ่วแล้วลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ ห้องพักขนาดกลางของชายที่ช่วยเธอไว้ ห้องนี้สะอาดเรียบร้อย ดูรู้ว่าเป็นห้องของผู้ชายที่อยู่คนเดียว และที่ระเบียงมีชุดที่ซักสะอาดแล้วของเธอตากไว้
แล้วดวงตากลมโตสีดำก็ลากกลับมาที่ใบหน้าคมคายเพราะเสียงของเขา
“ฉันชื่อไซโตะ แล้วเธอล่ะ ?”
แต่เธอกลับก้มมองเสื้อของเขาที่อยู่บนร่างเธอและไม่ตอบอะไร
“ฉันไม่ชอบถามซ้ำนะ”
เมื่อเธอเอาแต่นิ่ง เขาก็เดินเลยไปเตรียมอาหารสำหรับสองคนจนเสร็จและนำมาวางบนโต๊ะ
“ไม่กินหรือไง ?”
เธอส่ายหน้า เขาก็เลยกินคนเดียว
แล้วความมืดสีน้ำเงินเข้มก็โรยตัวลงมาจากฟ้าสูง เวลาที่เมืองหลับใหลเดินทางมาถึงอีกครั้ง ไซโตะดับไฟ ทิ้งร่างลงนอนบนโซฟา มีแต่ความเงียบระหว่างไซโตะและหญิงสาวแปลกหน้า
แล้วเธอก็นั่งลงบนเตียงบ้าง เอนตัวลง นิ่งมองชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอรู้จักแค่ชื่อ...ชายเจ้าของใบหน้าที่ราวกับเจ้าชายปริศนา ก่อนจะหลับตา
ผ่านไปอีกหนึ่งคืน
รุ่งเช้าไซโตะเห็นว่าเธอตื่นแล้วและกำลังยืนเหม่อมองหน้าต่างที่แทบไร้แสง เขาเดินเข้าห้องน้ำไปและกลับออกมาใหม่ในชุดนักศึกษา
“ฉันต้องไปแล้ว วันนี้ฉันมีเรียน” เขากลัดกระดุมและผูกเน็คไท เหลือบมองอาหารเช้าที่วางไว้ให้หญิงสาวเมื่อครู่ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลย “เธอก็ควรจะไปเรียนเหมือนกัน”
แต่ร่างเหมือนตุ๊กตานั้นแค่หันกลับมา
“เธอไม่ต้องไปเรียนรึไง ?”
เธอส่ายหน้า “ฉันไม่ไปเรียน”
“แล้วจะกลับบ้านมั้ย ?”
เธอนิ่งไป ก้มหน้า “ฉันไม่มีบ้าน”
แล้วร่างที่ดูเหมือนตุ๊กตาที่กำลังหนาวก็ลุกเดินไปทางประตู
“จะไปไหน” เขาถาม
ทว่าเธอเหม่อมองหน้าต่างด้วยสายตาปริร้าว “ไม่รู้สิ”
“ไซโตะ ขอบใจนะ” เธอเรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรกหลังจากนิ่งไป