ขอแค่ได้รัก - 1
"สวัสดีค่ะคุณป้า"
"ไหว้พระเถอะลูก" ป้าขจีรับไหว้ฉัน
"สวยขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะเรา"
"ใช่ค่ะ แยมจำแทบไม่ได้"
ป้าขจีกับเจ๊แยมโรลต่างพากันชมแต่ฉันจนคนถูกชมไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนนอกจากปั้นยิ้มรับ
"เมื่อก่อนเจ้าจันทร์ขี้เหร่มากเลยเหรอคะ" ปากถาม ตาเหลือบมองไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะทรงสูงกับเพื่อนของเขา
"ไม่ใช่แบบนั้นลูก เมื่อก่อนหนูเจ้าจันทร์ก็สวย แต่ตอนนี้ดูสวยแล้วก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้น" ฉันก็แค่พูดแซว ป้าขจีกับเจ๊แยมโรลไม่ได้จริงจังกับเรื่องความสวยความงามของตัวเองสักนิด
เพราะไม่ว่าตอนนี้หรือเมื่อก่อนฉันจะเป็นยังไง คนบางคนที่ฉันเฝ้ามอง เฝ้ารอคอยเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนไปหรือหวั่นไหวตาม
"หนูเจ้าจันทร์"
"เจ้าจันทร์"
"เจ้าจันทร์ลูก!"
"อ้ะ ขอโทษค่ะ" มัวแต่คิดถึงเรื่องบางเรื่องสมัยก่อนจนทำเสียมารยาทเลย
"เหม่ออะไรขนาดนั้นลูก" ป้าขจีลูบแผ่นหลังฉันเบา ๆ
"สงสัยน้องจะเพลียหรือเปล่าคุณป้า" เจ๊แยมโรลเสริม
"นั่นสิ ป้านี่ก็เสียมารยาทอยู่ได้ หนูเจ้าจันทร์เพิ่งลงจากเครื่องคงจะเหนื่อยแหละ งั้นไปพักก่อนเถอะนะ เดี๋ยวสาย ๆ ค่อยตื่นมาคุยกัน"
"..." ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ กลับไป
เรื่องเพลียเพราะเดินทางไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องเหนื่อยหัวใจเมื่อเผลอคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในบ้านหลังนี้นี่สิที่ทำฉันล้า
"ห้องเดิมหนูจำได้ไหมลูก" ฉันหันไปมองป้าขจีพร้อมเอ่ยถาม
"ห้องใต้หลังคาคุณป้ายังอยู่เหรอคะ" รู้สึกดีใจที่ห้อง ๆ นั้นยังอยู่
"แน่นอนสิจ๊ะ ก็ตอนเด็ก ๆ ที่หนูมาเล่นที่นี่กับจันทร์เพ็ญหนูบอกว่าชอบห้องนั้น"
รู้สึกดีใจและตื้นตันใจที่เจ้าของบ้านจำคำพูดเมื่อตอนเด็กนั้นได้
"ป้าตกแต่งให้ใหม่ สวยมากเลย หนูรีบไปดูเถอะ" ฉันพยักหน้าหงึก ๆ รู้สึกตื่นเต้นอยากเห็นความเปลี่ยนไปของห้องนั้นจัง
แต่จู่ ๆ ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าห้องใต้หลังคานั้นมันอยู่ที่ไหน
"ตาราชย์พาน้องไปดูเร็ว" คนที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนเขาเพลิน ๆ ถูกขัดจังหวะ
สายตาเย็นชามองมาที่ฉันวูบหนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบเฉย
"ห้องไม่ได้ล็อก อยากไปก็ไป"
เขาตอบแม่ตัวเองหรือกำลังบอกฉัน?
แต่ดูจากรูปประโยคนั้นแล้ว คงพูดกับฉันแหละเพราะหางเสียงเขาหายไป
"พาน้องไปเลยนะ ข้าวของน้องเยอะแยะ จะหิ้วไปยังไงไหว" ป้าขจีเริ่มออกคำสั่ง
ยิ่งแม่เขาใช้คำสั่งมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ มากเท่านั้น
"ปล่อยเฮียราชย์ไปเถอะค่ะคุณป้า เดี๋ยวแยมพาไปเอง"
เจ๊แยมโรลจับข้อมือฉันกระตุกเบา ๆ ให้ลุกขึ้น
ฉันทำได้แค่ยิ้มกลับไปให้ป้าขจีก่อนจะเอ่ยกับอีกคน
"เจ้าจันทร์ขอเสียมารยาทนะคะ"
คนที่รู้ว่าฉันกำลังพูดด้วยเมินเฉยอย่างเสมอต้นเสมอปลาย โอเค
เมื่อก่อนเขาเย็นชายังไง ตอนนี้คูณเข้าไปอีกสิบเท่า แต่ช่างปะไร เจ้าจันทร์ทนได้
แกร๊ก...เสียงประตูห้องจากบ้านอีกหลังที่อยู่ถัดจากบ้านหลังใหญ่ของ
ทวีทรัพย์ไพศาลถูกมือน้อย ๆ ของฉันเปิดออกช้า ๆ เสียงลูกบิดประตูดูฝืด ๆ เหมือนไม่ค่อยถูกใช้งานมานาน
แต่พอเข้ามาในห้องที่กว้างขวางกลับพบว่ามันสะอาดเรียบร้อยไร้ไรฝุ่น รอบ ๆ ห้องยังคงตกแต่งโทนเดิม สีน้ำเงินเข้ม สีที่เจ้าของห้องนี้ชอบเป็นพิเศษ
"เจ๊มาส่งแค่นี้นะ เผื่อเราอยากพักผ่อน" เจ๊แยมโรลที่ช่วยลากกระเป๋าของใช้ฉันเอ่ยบอก
"ขอบคุณมากนะคะ" จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องขนข้าวของมาที่นี่ด้วยเลยเพราะฉันแค่มาแวะ ไม่ได้มาอยู่ด้วยสักหน่อย
"คืนนี้เจอกัน" คนสวยขยิบตาให้ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วเดินกลับไปที่บ้านหลังใหญ่ตามเดิม
ตอนนี้ได้อยู่ตัวคนเดียว ความทรงจำเมื่อสมัยก่อน ๆ ก็ผุดขึ้นมาเป็นฉาก ๆ
เคยเกริ่นตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าแม่ฉันกับป้าขจีเคยเป็นเพื่อนรักกัน พวกท่านคบเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ด้วยความรักที่เหนียวแน่นพวกท่านยังคงคบกันจนถึงปัจจุบันซึ่งผ่านมาสามสิบกว่าปีได้
และด้วยความที่ทั้งแม่ฉันและป้าขจีเป็นเพื่อนรักกัน ทำให้พวกท่านไปมาหาสู่กันจนถึงสมัยทั้งคู่มีลูก ทำให้ฉันเข้าออกบ้านทวีทรัพย์ไพศาลแห่งนี้ได้ทุกซอกทุกมุม