C H A P T E R 2 ไม่คงคอนเซ็ปต์เดิม (2)
“โห นี่ห้าทุ่มยี่สิบห้าแล้วเหรอเนี่ย” บ่นกับตัวเองเมื่อเห็นเวลา
จำได้ว่าอาบน้ำขึ้นเตียงมานอนอ่านนิยายก็ตอนสามทุ่มนิด ๆ ความรู้สึกเหมือนเพิ่งจะกระโดดขึ้นเตียงมาซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอะ
เวลาทำตัวว่างทีไรเวลาเดินไวทุกที ฉันทำหน้าเซ็ง ปิดหนังสือแล้วควานหามือถือที่วางไว้ข้างตัวมาเล่นต่อ มันเป็นความคุ้นชินไปแล้วที่ก่อนนอนจะต้องเช็คโซเชียล
“หือ”
Harlan : …
“ปืน!”
ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยเมื่อสไลด์หน้าจอมาแล้วเจอแชตปืนเด้งขึ้นมาแบบพอดิบพอดี ราวกับมีตาทิพย์ว่าฉันกำลังเล่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าเขาอาจจะกดทักผิดคน และด้วยเหตุนี้เมื่อมีความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวฉันเลยเลือก
ที่จะอ่านอย่างเดียว ไม่พิมพ์ตอบข้อความอะไรกลับไป กระทั่งส่งสติ๊กเกอร์ ความจริงเรียกว่าอ่านไม่ได้ด้วยมั้งเนี่ย เพราะมีแต่จุดไข่ปลาสามจุด ใครเข้าใจก็เก่งละ
Harlan : ทำไม ?
อะไรคือทำไม ฉันย่นคิ้วไม่เข้าใจคำถามเมื่อแชตเด้งมาอีก
ไม่ใช่ว่าทักผิดงั้นเหรอ
Alinda : ???
Harlan : ก็ยังไม่นอนนี่
รู้สึกเหมือนโดนกวนประสาท ฉันเม้มปากแล้วโต้กลับ
Alinda : ก็ใช่ ยังไม่นอน มีปัญหาอะไรกับเรา ?
Harlan : ทำไม อยากให้มี ?
Alinda : งั้นก็ราตรีสวัสดิ์
Harlan : ยังไม่ง่วง
Alinda : แต่เราง่วงมาก
ฉันชักสีหน้าใส่มือถือประหนึ่งว่าคนกวนยืนอยู่ตรงหน้า ตัวเองไม่ง่วงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันงั้นเหรอ หรือเหงาจัดเลยฆ่าเวลาด้วยการหาเรื่องป่วนคนอื่น
Harlan : งั้นเดี๋ยวโทรหา เธอรับสายด้วยแล้วกัน
Alinda : เดี๋ยว ๆ
Harlan : อือ
Alinda : ปืน!
ฉันถึงกับเหวอ จับต้นชนปลายไม่ถูกกันเลยทีเดียวกับคำสั่งบวกความเอาแต่ใจนี้ของผู้ชายคนนั้น คือบอกว่าจะโทรหาเขาก็โทรมาทันทีทันใด ไม่ให้ฉันตั้งรับเลย แล้วไม่โทรธรรมดาด้วยนะ โทรมาเป็นวิดิโอไปอีกจ้า เหอะ! ไอ้เรื่องสภาพหน้าสดพร้อมรบฉันไม่แคร์อยู่แล้ว เพราะมันไม่ได้โทรมถึงขนาดโชว์ใครไม่ได้ ที่สงสัยคือต้องการจะเล่นตลกอะไรกับฉันงั้นเหรอ
ฉันขบริมฝีปากเบา ๆ ใช้ความคิดอย่างหนัก
ถ้ากดตัดสายทิ้งจะเป็นอะไรไหม
เสียมารยาทรึเปล่า
เราไม่ได้สนิทกัน ทำแบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ
ฉันคิดไปสารพัดอะ
แล้วคือระหว่างที่ฉันกำลังนั่งชั่งใจ ลังเลว่าควรจะทำยังไงดี รับหรือไม่รับ ปืนก็ไม่มีทีท่าจะถอดใจ สายตัดไปเขาก็โทรกลับมาใหม่เดี๋ยวนั้นเลย เป็นแบบนี้อยู่ราว ๆ สามถึงสี่ครั้ง จนฉันต้องขอยกธงขาวยอมแพ้ในความพยายาม และขณะเดียวกันก็สงสัยด้วยว่าเพราะอะไรถึงต้องการจะคุยแบบเห็นหน้า ที่พิมพ์แชตมาคิดว่าแค่อยากแกล้ง
ฉันให้หัวร้อนเล่นซะอีก แต่นี่ นี่มันเหนือความคาดหมายเกินไป จับต้นชนปลายไม่ถูก
ฉันกลอกตามองเพดาน พลางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจสไลด์ปลายนิ้วรับสาย และสิ่งแรกที่ฉันเห็นเต็มจอคือใบหน้าหล่อเหลาสุดแสนจะเรียบเฉยอันเป็นเอกลักษณ์ของปืนรออยู่ เขาไม่ยิ้มไม่แย้ม ฉันเองก็ไม่ได้ฉีกยิ้มใส่เหมือนกัน ซึ่งฉันก็เรียนรู้มาจากตัวเขานั่นแหละ แต่ภายในใจนี่อีกเรื่องหนึ่งเลยนะ มันมีความตื่นเต้นซ่อนอยู่
คนไม่คุ้นเคยกัน จู่ ๆ มามองหน้ากันผ่านกล้อง ไม่รู้สึกแปลกก็ให้มันรู้ไป และด้วยความช่างสังเกตที่มี มองแป๊บเดียวฉันก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าสถานที่ที่ปืนยืนอยู่ไม่น่าจะใช่ที่พักอาศัย เดาสุ่มว่าน่าจะเป็นร้านเหล้าร้านใดร้านหนึ่ง ล่าสุดแอบได้ยินเสียงนักร้องพูดใส่ไมค์คุยกับลูกค้า เลยสรุปได้ว่าฉันเดาถูกนั่นเอง
สายวิศวฯ นอกจากขึ้นชื่อในเรื่องของสายลุย ไม่กลัวเปื้อน เรียนดี หัวไว และแซวสาวเก่งแทบยกคณะแล้ว พวกเขาเหล่านี้ยัง
ยืนหนึ่งในเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ด้วย ดูได้จากตอนหลังเลิกเรียน
สักประมาณห้าหกโมงเย็นเป็นต้นไป ลองไปดูได้เลยถนนเส้นหลังมหา’ลัยอะ จะเจอพวกนี้นั่งก๊งชนแก้วเหล้าแก้วยาดองตามร้านที่ขายเครื่องดื่มมึนเมาเป็นแถว
เรียนก็หนัก งานก็เยอะ แยกแยะเวลาได้ยังไง ฉันล่ะสงสัย เป็นฉันคงหัวหมุนตาย
“ทำไมต้องทำหน้าบึ้งด้วย”
ปืนถามฉันด้วยสีหน้าเฉื่อยชาขั้นสุดหลังจากที่เราสองคนเอาแต่เงียบใส่กันตั้งแต่เห็นกันและกันผ่านกล้องหน้าของสมาร์ตโฟน
เราจ้องกันไปมาคล้ายกำลังเล่นสงครามประสาท แต่ไม่ใช่หรอก
ฉันแค่ทำตัวไม่ค่อยถูก ส่วนปืนก็...ตามภาพที่ฉันเห็น เขาดูไม่ค่อย
สดชื่นเท่าไร เทียบกับเมื่อตอนกลางวันนี่คนละเรื่องเลย และต้องขอบคุณเขานะ พอถูกตั้งคำถามขึ้นมาฉันเลยรู้สึกว่าเรามีเรื่องให้บทสนทนามันไปต่อแล้ว
“นี่หน้าปกติของเรา” พอฉันบอกไปแบบนั้นปืนก็ส่ายหน้า
ฉันเองก็เลิกคิ้วตั้งคำถาม รอฟังคำอธิบายจากปากของคนที่ว่าหน้าฉันไม่ปกติอย่างใจจดจ่อ
“ไม่ปกติ” ปืนยังยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น “พริกหวานตัวจริงต้องยิ้มสวย ๆ ด้วยสิ ยิ้มแบบนี้ไง” แล้วคนที่ว่าใบหน้าฉันไม่ปกติก็สาธิตวิธีการฉีกยิ้มให้ฉันดูประหนึ่งคนทึ่มทื่อที่แสนจะไร้เดียงสา เห็นแล้วฉันถึงกับหลุดยิ้มออกมาได้ง่าย ๆ คือแบบโอ๊ย...น่ารักมากแบบมากจริง ๆ แม่จ๋า
และเหมือนเขาพอใจมากด้วยนะที่ทำให้ฉันเสียรอยยิ้มจนได้ คราวรู้สึกว่าตัวเองเกิดอาการเสียหน้าเบา ๆ ฉันเลยกลบเกลื่อนด้วยการยู่ปาก และถลึงตาดุใส่คนหน้าเป็น จะลองวางเฉยดูบ้างสักหน่อย สุดท้ายฉันเสียศูนย์เฉยเลยจ้ะ กว่าจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้ช่างยากเหลือเกิน “งั้นคนที่เรากำลังคุยด้วยตอนนี้ก็ไม่ใช่ปืนตัวจริงน่ะสิ” คราวนี้ฉันย้อนบ้าง
“ยังไง” ปืนขมวดคิ้วสงสัย
“ก็เพราะว่าปืนตัวจริงไม่มีทางส่งยิ้มให้เราแบบนี้แน่นอน”
“ฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไรเลยเนอะ”
“ก็...ช่างมันเถอะ”
รู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ค่อยปกติเลยเนอะว่าไหม
“ว่าแต่ที่โทรมานี่ มีธุระอะไรกับเรารึเปล่า” ฉันถามเข้าเรื่อง
“การจะคุยกับเธอปืนจะต้องมีธุระอะไรมารองรับด้วยเหรอ”
เขาถามนิ่ม ๆ พลางเอียงคอทำหน้าสงสัยคล้ายเด็กที่ต้องการคำอธิบายในเรื่องนั้น ๆ ให้กระจ่าง คือเจอท่าทางแบบนี้ของเขาเข้าไปทำเอา
ฉันไปไม่เป็นเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่จะมาคุยกับฉันเนี่ย
ไปล้มหัวฟาดพื้นที่ไหนมารึเปล่าถึงได้ดูเป็นคนละคนได้อย่าง
น่าอัศจรรย์ถึงขนาดนี้ หรือเพราะดื่มแอลกอฮอล์หนักมากไปหน่อยเลยกลายเป็นงี้
คือมองภาพรวมแล้วมันก็น่ารักน่าหยอกอยู่หรอกไอ้ท่าทางแบบนี้ของเขาอะนะ แต่มันดูไม่เหมือนตัวเขาเท่าไรนี่สิเลยทำให้
ฉันอดรู้สึกแปลก ๆ ในอกไม่ได้ และจากที่ไม่คุ้นชินกับเขาอยู่แล้ว
เจอโหมดนี้เข้าไปไม่อึ้งยังไงไหว
“ทำไมไม่ตอบ”
ฉันเผลอทำปากยื่นใส่เขา ก่อนจะตอบเสียงอุบอิบ “ไม่มีก็ได้”
“อะไรคือไม่มีก็ได้” ฉันว่าเขากำลังกวนประสาทฉันอยู่นะ
“…”
“ว่าไง”
“ก็...” ฉันเม้มปากมองเขาอย่างไม่เข้าใจเท่าไร
“ก็…” ปืนเลิกคิ้วกดดัน
“ไม่มีธุระก็คุยได้ เราไม่หยิ่ง!” ฉันค้อน
“อือฮึ” ปืนพยักหน้าช้า ๆ แล้วอมยิ้ม เห็นแล้วขัดใจฉันไงไม่รู้
“คนเมื่อกลางวันหายไปไหนแล้วล่ะ” ฉันบ่นอุบอิบ
“คนไหนเหรอ” ยังอุตส่าห์ได้ยินเนอะ
“คนที่น่าหมั่นไส้มาก ๆ น่ะ”
“อ้อ”
“ปืน...ไอ้ปืน!”
“…”
ฉันว่าฉันได้ยินเสียงแทรกเข้ามานะ
“สัสเข้ม” หูฉันไม่ได้แว่วแล้วล่ะแบบนี้
ปืนสถบด่าคำว่าสัสเน้น ๆ ก่อนจะเอี้ยวคอหันหน้าไปตามเสียงเรียกกระโชกโฮกฮากของคนที่เขาเรียกว่าเข้มด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าที่ควร ฉันเดาว่าเพื่อนเขาน่าจะออกมาตามแหละ คงหายมานานจนต้องส่งใครสักคนมาดู
“มีเหี้ยไร”
“ทำห่าไรนานฉิบหายเลย อ้าวนั่นมึงคุยโทรศัพท์อยู่เหรอวะ”
ฉันแอบสะดุ้งกับประโยคสุดท้ายขึ้นมาซะงั้น
“คุยไม่คุยก็เรื่องของกู มึงอย่าเสือกสิเข้ม”
อา...ตอบได้ดี ฉันพยักหน้า
“อ้าวไอ้เหี้ยนิ กูถามมึงดี ๆ ไหม กวนตีนเกินเรื่องเลยนะมึง”
หนนี้ฉันนิ่วหน้า
“มึงกลับเข้าไปก่อนไป”
“กูยังไม่เข้า มึงจะทำไมไอ้ปืน ดูมีลับลมคมในเหี้ย ๆ”
ฉันได้ยินเสียงปืนถอนหายใจแหละ
“ขอปืนคุยกับตัวเหี้ยน่ารำคาญแป๊บนึง เธออย่าเพิ่งวางสายนะ” เขากระซิบกลับมาโดยที่ไม่ให้โอกาสฉันได้พูดอะไร ก่อนที่ภาพบรรยากาศรอบตัวเขาจะหายไป เหลือแต่ความมืดมิด มองไม่เห็นอะไร เดาว่าเขาน่าจะยัดมือถือลงไปในกระเป๋ากางเกง ฉันขมวดคิ้วขัดใจ พลันร้องอุทานเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
ถ้าหูไม่ฝาด ฉันว่าฉันได้ยินเขาแทนตัวเองว่าปืนกับฉันนะ
“มีเหี้ยไรก็รีบพูดมา”
“ก็มึงออกมานาน กูก็มาดูไงสัส นึกว่าโดนซัดหมอบไปแล้ว”
“กูไม่อ้อนตีนคนอื่นเหมือนมึงเข้ม”
“มันเป็นสไตล์เว้ย”
“แล้วเดี๋ยวก็จะตายโดยไม่รู้ตัว”
“ตายแล้วกูจะมาพามึงไปด้วย”
“เลวยันตาย”
“อ้าว ไอเวรนี่ คิดจะงัดกับกูให้ได้ใช่ปะ”
“เลิกเล่นสัส เห็นว่ากูสบายดีแล้วก็ไสหัวไปสิวะ”
“ดูมีพิรุธนะมึงอะ มีอะไรปิดบังกูอยู่ปะวะ”
“เรื่องของกู”
“แอบซุกเมียไว้ที่ห้องรึเปล่าวะสัสปืน”
“ก็เรื่องของกูอีกอะ”
“ตอบแบบนี้พิรุธเห็น ๆ”
“ถ้ากูจะมีเมียกูจำเป็นต้องรายงานมึงด้วย”
ฉันรีบกดวางสายทันทีหลังเสียงคำสุดท้ายของปืนสิ้นสุดลง
ทีแรกก็ว่าจะฟังเพลิน ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าปืนจะกลับมาคุยกับฉันต่อนั่นแหละ แต่ทำไปทำมามันชักไม่เพลินแล้ว ความรู้สึกมันคล้ายว่าฉันกับปืนแอบลักลอบคุยกันอะ ทั้งที่ไม่ใช่อย่างนั้น สำหรับตัวฉันนะ
ฉันบริสุทธิ์ใจ
ส่วนปืนฉันไม่รู้ว่าในหัวเขาคิดอะไรยังไง ตอนนี้เขาอาจกำลังกรึ่มเพราะแอลกอฮอล์ สติเลยไม่สมบูรณ์ พรุ่งนี้เช้าลืมตาตื่นขึ้นมาอาจลืมไปแล้วก็ได้ว่าเคยโทรหาฉัน แต่จะให้ฉันตัดสายทิ้งไปดื้อ ๆ แบบนี้ก็ดูยังไงอยู่
Alinda : ขอโทษนะที่ต้องวางสายก่อน พอดีว่าเราง่วงนอน