บท
ตั้งค่า

Ep5 จูบแรกกับรักแรก

ในขณะที่ฟาซิน่าเดินเล่นบนดาดฟ้าเรือ

เธอกำลังดูนั่นนี่ตามประสาหญิงสาวที่ชอบความงามของสถานที่แห่งนี้ ชอบผู้คน ชอบบรรยากาศ ชอบงานศิลปะของเรือที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรศิลป์

เธอก็ถูกชายแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งจับตัว พวกเขาต่อยเข้าที่ท้องของเธอ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ถูกลากไปที่มุมเงียบมุมหนึ่ง พวกเขามีอาวุธพร้อมมือ คนที่จับเธอมาจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากอาเนี่ยน อาเนี่ยนคือน้องชายของหมออาเธอร์ ลูกเสี้ยวแวมไพร์ที่พอจะต่อกรกับลูคัสได้นั่นเอง

อาเนี่ยนกับลูคัสเป็นคู่อริกันมาตั้งแต่สามร้อยปีที่แล้ว เหตุเพราะอาเนี่ยนเข้าใจว่าลูคัสทำให้น้องสาวของเขาต้องดับสลาย จากนั้นเมื่อลูคัสเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับใคร หรือเริ่มชอบพอใจใคร เขาจะคอยขัดและกำจัดเสมอ

เหตุผลที่ทำแบบนี้เพราะมันเป็นทางเดียวที่เขาจะทำให้ลูคัสเจ็บปวดได้ นี่ก็เป็นอีกผลหนึ่งที่ลูคัสไม่ยอมเปิดใจให้ผู้หญิงอีกเลย (จริงๆ แล้วลูคัสเองนั่นแหละที่ไม่รู้สึกอะไรกับใครมานานแล้ว)

“แปะ!!….แปะ!!…” เสียงอาเนี่ยนตบหน้าคนตัวเล็ก

“ตื่นได้แล้วแม่สาวน้อย ฉันรู้นะว่าเธอกำลังแกล้งหลับ” เขาหงุดหงิดที่แม่สาวน้อยตรงหน้าไม่ยอมตื่นสักที ใช่! เป็นไปตามคาด ฟาซิน่าแกล้งหลับ แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจตื่น เพราะมีมือใหญ่พยายามไล่ไต่จากปลายเท้ามายังต้นขาค่อยๆ ดันขึ้นมาเรื่อยๆ เธอถีบไอ้บ้านั่นอย่างไว

พรึ่บ!!!

“ลูกไม้ตื้นๆ แกล้งหลับ!! หึ หลับต่อไปเถอะ…” อาเนี่ยนพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ฉันอยากจะรู้เหมือนกัน ว่าผู้หญิงแบบเธอ ไอ้หมอนั่นมันจะมาช่วยอย่างที่ฉันคิดไว้มั้ย”

“แกหมายถึงใคร?”

“อย่ามาแกล้งโง่!! ก็ไอ้คนที่มันแอบชอบเธอนั่นแหละ”

คนตัวเล็กรู้สึกหวาดกลัวและพยายามขัดขืน แต่เขาแข็งแรงเกินกว่าจะต่อกรได้ พวกนี้เป็นตัวอะไรกัน ทันทีที่เธอเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ท่าทางน่ากลัว นอกจากนี้ยังมีบุคลิกของพวกเขาที่ดูแปลกๆ

ลูคัสล่ะ!! ลูคัสจะมีอันตรายไหม เธอนึกถึงลูคัสขึ้นมาทันที พวกนี้ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายเธอจริงๆ เพียงแค่ต้องการนำเธอมาเป็นตัวประกันในการต่อกรและเพื่อทำลายลูคัสนั่นเอง

ชายกลุ่มนั้นหัวเราะเยาะเย้ย “อย่าคิดว่าจะหนีไปได้สาวน้อย เรามีคำสั่งให้จัดการกับเธอ”

ฟาซิน่าที่เอาแต่ตัวสั่น ก่อนจะรวบรวมสติและถามพวกเขาว่า “คุณต้องการอะไรจากฉัน?”

ชายกลุ่มนั้นไม่ตอบ

“โยนมันลงไปเลยไหมนาย?” หนึ่งในเสียงพูดขึ้น

“โยนมันลงไปเลยดิวะ” อีกคนพูด

“เดี๋ยวมันก็ได้ตายกันพอดี” หัวหน้ากลุ่มปราม

“โยนมันลงไป” เสียงทุ้มของอาเนี่ยนเอ่ยอย่างเลือดเย็น ก่อนที่ชายฉกรรจ์น่ากลัวนั่นจะโยนคนตัวเล็กลงไปในทะเล

“กรี้ดดดด…..”

“ตูมมมมม…..”

พวกมันจ้องมองคนตัวเล็กที่กำลังกระเสือกกระสนเอาตัวรอด “ดูผลงานของมึงดิวะ สะใจ” หนึ่งในคนเหล่านั้นพูด ตอนนี้อาเนี่ยนอยากจะเห็นไอ้ลูคัสอย่างเต็มที่ จะดูท่าทีของมันซะหน่อย ว่าจะทำยังไง!!

คนตัวเล็กที่ใจโหวง เมื่อรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองตกลงไปในน้ำที่เย็นเฉียบ เธอรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกจับใจ (ครั้งนี้ฉันต้องตายเป็นแน่ แล้วยาย…) อะ.. อึก คลื่นลูกใหญ่ที่ซัดถาโถมมาเต็มแรง ทำให้คนตัวเล็กสำลักน้ำไปหลายอึก

เธอพยายามว่ายน้ำแต่คลื่นที่แรงกว่า บวกกับความหนาวเย็นจากท้องทะเลกว้างมองไม่เห็นฝั่ง จะเห็นก็แต่เรือลำใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า แม้เจ้าหล่อนจะพยายามเรียกขอความช่วยเหลือ แต่ความใหญ่ของเรือ ไม่มีใครได้ยินเสียงมดเล็กๆ ที่ตกลงไปในมหาสมุทรนั่น

ความตื่นตระหนกทำให้เธออ่อนแรงลงเรื่อยๆ ในสมองตอนนี้เธอคิดว่า ถ้าหากเธอตาย…..

ทันใดนั้นเอง ลูคัสที่อยู่ในห้องหรูของเขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นกับฟาซิน่า เขาได้ยินเสียงเธอร้อง ได้ยินการหายใจที่โรยริน เขาได้ยินเสียงเธอ!! ลูคัสไม่รอช้า เขารีบออกจากห้องและรวบรวมพลัง เงี่ยหูฟังว่าเกิดอะไรขึ้น!!

“บ้าเอ้ย!!” ลูคัสสบถเมื่อรู้ว่าฟาซิน่าตกทะเล เขารีบวิ่งและหายแวบไปในพริบตา

…..ตูม…..

เขากระโดดลงทะเลเร็วยิ่งกว่าความไวแสง…..

“ฟาซิน่า” เขาอุ้มเธอมายังห้องพักหรู … ตอนนี้ฟาซิน่าแค่หมดสติ เขามองร่างกายคนตัวเล็กที่หายใจเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวเปียกกับชุดที่โดนน้ำแล้วช่างเบาบาง เห็นส่วนเว้าโค้ง อกตูม เขาส่ายหัว..

“เป็นบ้าอะไรของฉันเนี่ย!!” นี่ครั้งที่สองแล้วที่ร่างกายของคนตัวโตตอบสนองอย่างร้อนเร่ากับคนร่างน้อยตรงหน้า

“ไปเรียกแม่บ้านมาเปลี่ยนชุดให้เธอ”

“ครับ” การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องขานรับ

… สองชั่วโมงต่อมา …

คนตัวเล็กค่อยๆ ลืมตา ห้องโตโอ่อ่าหรูหรานี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง เธอปรายตามองดูรอบๆ อย่างช้าๆ ก็เหลือบไปเห็นลูคัสที่กำลังยืนเพ่งมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง

“ลูคัส... คุณ!! คุณเป็นอะไรมั้ย? คุณโอเครึเปล่า บาดเจ็บรึเปล่า!!” ทันทีที่เจ้าตัวฟื้นก็เอาแต่ถามคนร่างยักษ์ด้วยความห่วงใย ก่อนที่เธอจะหมดสติไป เธอจำได้ว่าเขาเป็นคนช่วยเธอขึ้นมา

ลูคัสที่ได้ยินเช่นนั้นก็ค่อยๆ หันมองมาที่เตียง มองไปยังตามเสียงและร่างน้อยบอบบางน่าทะนุถนอมนั่น

“ผมไม่เป็นไร” คนตัวโตตอบพรางและกำลังทำท่าครุ่นคิดกับอะไรอยู่ แต่ทันใดนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นสร้อย Veneshy ที่คอของเธอ มันเป็นสร้อยสั่งทำพิเศษของตระกูลลูคัสเท่านั้น!! แล้วมันไปอยู่กับเจ้าหล่อนได้อย่างไร

## 13 ปีที่แล้ว

กรี้ดดด… ชะ…ช่วยด้วย!! ช่วยหนูด้วย!!

เสียงเด็กหญิง 10 ขวบในชุดเดรสชมพูขาว สวมรองเท้าผ้าใบกระฉับกระเฉง เธอล้มลงพร้อมทั้งตะเกียกตะกายทำท่าปีนป่ายไปด้านหลัง

เขาจำได้ว่าครั้งนั้นเธอมาแคมป์กับครอบครัวที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งติดกับหุบเขาอาซาร์ และเหตุด้วยความอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีสัตว์น้อยใหญ่รวมทั้งสัตว์ร้ายอาศัยอยู่จำนวนมาก…

ทันทีที่สิ้นเสียง ลูคัสก็เหลือบไปเห็นหมีโคอาล่าที่กำลังพุ่งเป้ามาที่เธอ

พรึ่บ!!!

ลูคัสที่ไวกว่า คว้าสาวน้อยได้อย่างไว ก่อนที่เขาจะพาร่างสาวน้อยของเธอไปยังพุ่มหญ้านุ่มนิ่ม เขาค่อยๆ วางเธอลง ฟาซิน่าที่ตัวสั่นงันงกกอดชายที่อยู่ตรงหน้าไว้แน่น!! ด้วยวัยเด็กและไร้เดียงสา เธอพูดเสียงเจ้ยแจ้ว

“คุณอาขา ช่วยหนูด้วย” ทันทีที่เด็กน้อยได้สติ ก็รีบขอความช่วยเหลือจากชายแปลกหน้าทันที

คนตัวโตก็พูดเสียงนุ่ม “อามาช่วยหนูแล้วนะ ไม่ต้องกลัว!!” เขายิ้มให้หนูน้อยอย่างอ่อนโยน ทั้งคู่คุยกันสักพักเพื่อรอคนในครอบครัวของเธอ ลูคัสรู้ว่าพวกเขาต้องตามหาเธอ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงอยู่เป็นเพื่อนหนูน้อยก่อน ด้วยความที่ไร้เดียงสาของเด็ก เธอก็ได้โพล่งขึ้นตามประสา

“หนูชอบคุณอาจังเลยค่ะ คุณอาคือวีระบุรุษของหนู” ถ้าโตแล้วหนูก็จะแต่งงานกับคุณอานะคะ เสียงเจือยแจ้วของเด็ก 10 ขวบทำเอาคนตัวโตหัวเราะใส่หัวไปมา

ด้านคุณอาก็ได้แต่มองและยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนเคย เขาค่อยๆ ถอยจี้สลัก Veneshy ไว้ให้คนตัวน้อยได้ดูต่างหน้า เพราะถ้าหากเกิดวันหนึ่งวันใดเขาได้เจอเธอขึ้นมาจะได้มีหลักประกันว่าพวกเขาจะจำกันได้อีก คุณอาที่กำลังใส่สร้อยให้หนูน้อยอย่างเบามือก่อนจะพูดกับเธอว่า

“นี่นะ หลักประกัน ถ้าหนูไม่ถอดมันออก สักวันถ้าเราได้เจอกัน อาจะได้จำหนูได้” ไม่สิ อาก็จะจำหนูได้เลยทีเดียว คำพูดเหล่านั้นก็ยังคงติดอยู่ในส่วนลึกมาจนถึงทุกวันนี้ พูดยังไม่จบ พ่อแม่ของเด็กหญิง 10 ขวบที่กำลังระดมพลให้คนในหมู่บ้านพากันออกตามหาเธอ

ลูคัสที่ได้ยินเสียงผู้คนเริ่มใกล้เข้ามา เขาจึงรีบและหายตัวไป (สภาพเขาตอนนั้นอาจจะทำให้คนแตกตื่นและบานปลาย) ทั้งคู่จากกันโดยที่ยังไม่ถามชื่อหรืออะไร มีเพียงแค่สร้อยที่คุณอาใจดีให้เธอไว้ดูต่างหน้า

เด็กน้อยที่เอาแต่จ้องมองจี้สลักบนคอตัวเอง…..

“หนูไปเอาสร้อยนี้จากไหนล่ะ?” มารดาถาม

“คุณอาใจดีที่ช่วยหนูจากเจ้าหมียักษ์นั้นให้ไว้ค่ะ” คนตัวเล็กที่พูดชัดถ้อยชัดคำตอบมารดา

ตัดภาพมาปัจจุบัน…

ทันทีที่ลูคัสเจอสร้อยนั่น เขาก็จำได้ทันที (เป็นเธอนั่นเอง) เด็กหญิงตัวน้อยในวันนั้นตอนนี้ยังสวมใส่มันไว้ เขาคิดว่าคงไม่ได้เจอกับเธออีก และไม่ได้จริงจังกับคำมั่นสัญญานั่น คนตัวโตที่มองเจ้าหล่อนตาค้างก็พึมพำในใจ ถ้าหากไม่มีสร้อยที่เธอพกติดตัว เขาก็ไม่อาจรู้ว่ามีเรื่องราวเหล่านี้ในอดีต แต่กลับตรงกันข้าม แม่สาวน้อยตรงหน้าเสียอีก ที่หล่อนคงจำเขาไม่ได้

“ทำไมมองฉันแบบนั้นคะ?” ฟาซิน่าถามผู้ชายตัวโตที่สูงกว่าร้อยเก้าสิบสองเซนติเมตร ตาใสแป๋ว

“เปล่าคือผม...”

“ผมดูว่าคุณโอเคหรือเปล่า?” เขาพูดพร้อมกับเดินมาใกล้ๆ เมื่อนึกอะไรออก เขาก็เอ่ยถามคนตัวเล็กข้างหน้าไปเสียดื้อดื้อ “คุณยังอยากมาเป็นภรรยาผมอยู่มั้ย??”

ฟาซิน่าได้ยินดังนั้นก็ตาแทบถลน!!

“คะ..? คุณว่าอะไรนะ? นี่ฉันตกทะเลจนหูฝาดไปเลยเหรอนี่? คุณพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ!!” เจ้าหล่อนถามพรางเสียงตะกุกตะกักพร้อมตื่นเต้น

“หรือคุณมีใครในใจแล้ว?” คนตัวโตยังเค้นถามคนตัวเล็กเข้าไปอีก หรือว่าตอนนี้เจ้าหล่อนจะมีคนในใจแล้วก็อายุขนาดนี้แล้วนะ ถ้ามีก็คงไม่แปลก

“ปะ... ป่าวค่ะ แต่… ก็ไม่เชิง… แต่ว่า....!!”

“แต่ว่าอะไร?” เขาที่ตั้งใจฟังคำตอบของเจ้าหล่อน “คือจริงๆ แล้วฉันยังไม่มีใครค่ะ มันเป็นเรื่องของเด็กน้อยคนหนึ่งแค่นั้นเอง นานมาแล้วหล่ะ ฉันน่าจะบ้าไปแล้ว”

“บ้ายังไง?” คนตัวโตถามต่อ

“ที่ผมยื่นข้อเสนอนี้ให้คุณ ผมเห็นว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณเป็นคนของผม คนเหล่านั้นจะไม่กล้ามาทำอะไรคุณ อีกอย่าง ผมอยากให้คุณอยู่ในสายตาผม”

ฟาซิน่าที่ได้ฟังก็อึกอัก!! จริงๆ ฉันมีคนที่ชอบ… คนตัวเล็กทำท่าทางครุ่นคิดบวกกับน้ำเสียงที่แผ่วลง

“แต่ฉันไม่รู้เขาชื่ออะไร!!”

“ห๊ะ!! นี่ผมฟังไม่ผิด?? .. นี่คุณชอบคนที่ไม่รู้จัก?”

แล้วคนตัวเล็กก็เริ่มเล่า…

“เรื่องนานมาแล้ว จริงๆ ฉันไปชอบคุณอาคนนึง เมื่อฉันยังสิบขวบได้ แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนแล้ว คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกใช่มั้ยล่ะ!! นานขนาดนี้แล้ว แต่ฉันยังจำคำมั่นสัญญาหลอกเด็กฝังใจ ขนาดฉันเองยังตลก!! คุณไม่ต้องมาขำฉันอีกคน”

ลูคัสได้ยินดังนั้นก็แอบลอบยิ้มในใจ “ป่านนี้เขาคงแก่ มีครอบครัวไปแล้วมั้ง” คนตัวโตพูดเสริม

“ไม่นะ!! ฉันจำได้ เขาบอกความลับฉันด้วยแหละ” คนตัวเล็กได้แต่ยื่นหน้ายู่เล่าด้วยความภูมิใจ

“ความลับที่เขาบอกว่าเขาคืออมตะหนะหรอ?”

คนตัวเล็กตาโต หันขวับอย่างทันควัน “คุณรู้!!” คนตัวเล็กที่ตอนนี้หัวใจเต้นแรงตุบตับ มือไม้อยู่ไม่สุข นี่เขา!!! จริงๆ ด้วย เขาเป็นอมตะ แต่ทว่าเธอกลับจำเขาไม่ได้

“คุณ… คือคุณอาคนนั้น...” เธอซุ่มเสียงตกใจระคนดีใจก็ไม่ปาน

“ทำไมคุณถึงยังจำฝังใจขนาดนี้ล่ะ?” คนตัวโตถาม เขาอยากจะดูอาการของคนตัวเล็กที่ตอนนี้ทุกอย่างต่างเฉลย

“ก็…. ฉันได้ชีวิตกลับมาอีกที ก็เพราะเขา” คนตัวเล็กที่เอาแต่เม้มปาก น้ำตารื้นคลอเบ้า เธออยากจะเข้าไปกอดเขาเหลือเกิน แต่ทว่ามันคงจะดูไม่งาม

สิ้นเสียงเอื้อนเอ่ยของคนตรงหน้า แต่เสียงท้องที่ร้องหิวแบบไม่เกรงใจสายตาบุรุษที่ยืนมองเจ้าหล่อนอยู่ตรงหน้า… คนตัวโตที่ก้มลงมองนาฬิกา แล้วเอ่ยเสียงเรียบกับเธอว่า “อาหารกำลังมา ผมสั่งเผื่อคุณแล้ว อยู่ทานข้าวด้วยกันกับผมก่อน เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่ห้อง” สิ้นเสียงทุ้มนั้น เสียงเคาะประตูจากแม่บ้านที่นำอาหารมาส่งก็ดังขึ้นทันที

ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!! อาหารมาส่งค่ะ

“เชิญ!!” ลูคัสเอ่ยบอกพร้อมกับกดรีโมทเปิดประตู

“ผมไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไร ก็เลยสั่งซุปคาเวียร์ข้าวโพดและข้าวต้มอ่อนๆ ให้คุณ หรือคุณอยากจะทานอะไรนอกเหนือจากที่ผมสั่งให้ไหม?”

“ไม่ล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ แล้วของคุณล่ะ?”

“ผมยังไม่ค่อยหิว” พูดเสร็จเขาก็เดินไปหยิบไวน์รุ่น 911 ที่บ่มเพาะมานานปี ไวน์หรูถูกบรรจงเปิดออก เขารินลงแก้วใสบางๆ พร้อมกระดกในพรวดเดียว ก่อนที่จะคุยเรื่องสร้อยกับเธอ เขารินไวน์และยกกระดกเป็นแก้วที่สองและสาม และสี่ คนตัวเล็กที่เอาแต่คิดในใจ ดื่มโหดเอาการเหมือนกันนะเนี่ย

“สร้อยนั่น!! คุณรู้ความหมายของมันไหม?? ไม่นึกว่าคุณยังจะใส่มันอยู่อีก!!” เขาตัดสินใจพูดมันออกมา

สิ้นเสียงพูด หญิงสาวเอาแต่ตัวเกร็ง เธออยากจะมั่นใจว่าคนที่เห็นตรงหน้านี้คือคุณอาคนนั้นจริงๆ เธอจำได้ว่าเขามีรอยกากบาท…

ย้อนไปเมื่อ 13 ปีต่อจากที่แล้ว

“คุณอาคะ รอยนี่ของคุณอามันจะหายไปไหมคะ?” ระหว่างที่คุยกันนั้น เด็กหญิงดันไปเห็นรอยแผลเป็นของเขาเข้า

“แผลนี่ ไม่มีทางหายหรอกจ้ะ มันคงจะติดตัวฉันไปจนตาย”

“ว๊าาา… ถ้างั้น ถ้าหนูจำคุณอาไม่ได้ คุณอาช่วยเอาแผลกากบาทนี้ให้หนูดูนะคะ หนูจำได้แน่นอน!!”

จริงๆ แล้วลูคัสแทบจะรูปร่างหน้าตาไม่เปลี่ยนอะไร แต่คงเป็นเพราะเจ้าหล่อนคงเด็กเกินไป จึงจดจำเขาไม่ได้นั่นเอง

ตัดมาปัจจุบัน

“อยากดูรอยแผลกากบาทนั้นหรอ?” เขาพอจะอ่านใจคนตัวเล็กได้ ครั้งนี้เธอไม่ดู แต่เธอรู้ว่าเรื่องนี้มีแค่เธอกับคุณอาใจดีที่รู้กันแค่สองคน

หญิงสาวโผเข้ากอดชายตัวสูงที่อยู่ตรงหน้า “คุณ… คุณคือคุณอาใจดีคนนั้น??”

ลูคัสลูบที่ผมเธออย่างอ่อนโยน คนตัวเล็กที่ตอนนี้แววตาไหวสั่น เขาคือรักแรกในวัยเด็กของเธอ

“ผมมาทวงสัญญา” จู่ๆ คนตัวโตก็พูดขึ้น ทำเอาหญิงสาวหน้าเนียนสวยกลับเป็นสีแดงก่ำเพราะความเขินอาย พอนึกถึงเรื่องคำมั่นสัญญาอะไรนั่น เธอไม่แปลกใจเลยที่ลูคัสจะมีพละกำลังและว่องไว ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็น มิน่าเธอถึงรู้สึกคุ้นชินกับท่าทางแบบนั้นของเขานัก ทว่าอยากจะเขกมะโหงกตัวเองสักโป๊ก เธอเอะใจ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเขาจริงๆ

“แล้ว… ที่คุณบอกว่าคุณเป็นอมตะ คุณคือ??”

“ผมเป็นลูกครึ่งแวมไพร์…” คนตัวโตที่ไม่คิดจะปิดบัง โน้มตัวลงมาใกล้ใบหน้าสวย จนลมหายใจร้อนรินรดแก้มงาม

“ทำไมถึงบอกฉันละคะ?”

“คุณน่าจะรู้นานแล้วมั้ย?” เขาถามคนตัวเล็กต่อ

แต่พอพูดจบ เจ้าหล่อนก็ตัดบทเสียเอง

“ไม่ว่าจะยังไง คุณก็คือรักแรกของฉัน”

อุ๊บบ!!!! คนตัวเล็กตกใจ เอามือเรียวสวยมาปิดปาก ก่อนจะตีปากตัวเองเบาๆ สองสามที ปากไวนักนะ

ลูคัสในตอนนี้ ที่ใจเต้นตุบตับ เขาไม่รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว แม้แต่ผู้หญิงเขายังเว้นระยะไว้ตลอด แต่กับร่างบางนี้ ตอนนี้โตเป็นสาว น่ารัก เอวคอด อกตูมเต่งตึงที่แย้มสะพรั่งเพราะความสาว

ทำเอาเขาแทบอดกลั้นไว้ไม่อยู่ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วสินะที่อารมณ์พลุ่งพล่านมันปะทุขึ้นมา เมื่อเห็นสาวร่างบางนี่

เขาเดินเข้ามาเอื้อมใบหน้าใกล้จมูกหล่อน ฟาซิน่า พอรู้ตัวดังนั้นว่าคนตัวโตจะทำอะไร เธอก็ค่อยๆ ถอยหลังชนกำแพงห้องหรู แผ่นหลังเย็นสะท้านยะเยือก ถอยจนติดผนังที่ลวดลายวอลเปเปอร์หรูขาวคาดทองคำ

มือข้างหนึ่งของลูคัสค้ำกำแพงไว้ โดยที่ร่างเล็กของเจ้าหล่อนก็อยู่ระหว่างแผงอกหนาของเขา

“รู้ไหม ว่าการแต่งงานคืออะไร? แล้วรู้ไหมว่าการเป็นผู้หญิงของเขาจะต้องเจอกับอะไร??”

“ฟาซิน่า” ที่เข้าใจอีกแบบ รีบตอบอย่างทันควัน “รู้สิและไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็ไม่กลัว เมื่อมีคุณอยู่” พูดยังไม่จบประโยคดี ลูคัสก็ค่อยๆ นำริมฝีปากหนาของตัวเองปะกบกดจูบริมฝีปากของคนตัวเล็กอย่างช้าๆ เนิบๆ ตามด้วยอารมณ์ที่เขาถวิลหามานาน เขากดจูบเจ้าหล่อนอย่างดูดดื่ม … และ …

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel