Ep 4 ณ.โรงพยาบาล
The Bluvasz Hospital...
กรุ๊ก กรึบ...
เสียงปิดประตูทำให้ฟาซิน่าตื่น! “ฉะ... ฉัน...”
คนตัวเล็กที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา เธอมองไปรอบๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยความสงสัย
"ฉันอยู่โรงพยาบาล??"
เธอเริ่มนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ขณะที่หิมะถล่มและรถหลายคันต่างประสบอุบัติเหตุ รวมถึงรถของเธอด้วย ก่อนที่คนตัวเล็กจะออกมานอกตัวรถ แต่ด้วยอุณหภูมิที่ติดลบจัด ทำเอาเจ้าหล่อนถึงกับร่างกายปรับตัวไม่ทันก่อนจะล้มฟุบหมดสติลงไป
"แล้ว…คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ? คุณ...” เธอทำเสียงตะกุกตะกัก เมื่อเห็นว่าจู่ๆ ลูคัสก็อยู่ที่นี่ ซ้ำยังกำลังจะเดินเข้ามาหาเธออีกด้วย แต่ทันใดนั้นเองแอนนี่ที่พึ่งมาถึงโรงพยาบาลเมื่อทราบข่าว เธอก็เข้ามากอดเพื่อนรักซะก่อน และก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณร่างสูงนั่น
“ขอบคุณที่ช่วยเพื่อนฉันนะคะ”
ร่างหนาไม่ตอบ ได้แต่พงกหัวเบาๆ กับรอยยิ้มน้อยๆ ของเขา
“ยัยฟา... แก... ถ้าไม่ได้คุณลูคัส แกคงแย่แล้ว ฉันได้ข่าวก็รีบมาหาแกเลย” แอนนี่พูดพลางปอกผลไม้ให้เพื่อนพลาง
"แกโอเคขึ้นรึเปล่า?"
“อืม… ฉันโอเค”
คนตัวสูงที่เอาแต่ยืนเบียดผนังห้องและแอบจ้องมองสองสาวที่กำลังถามนั่นตอบนี่กันไปมา เขายังแอบชำเลืองมองคนตัวเล็กขณะที่แอนนี่ป้อนผลไม้เข้าปากให้เธอ
“เอามานี่ยัยแอน ฉันกินเองได้” ปากเจ้าหล่อนยังปกติดี และมือไม้ก็ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย
~~ หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ~~
ฟาซิน่าที่เหนื่อยหน่ายจากการทำงานแจกไพ่ เธอต้องพบเจอลูกค้าหลายประเภท หลายชนชั้น หลายเชื้อชาติ พอถึงเวลาพัก ช่วงเวลที่มีค่าของเธอก็มาถึง ว่าแล้วร่างเล็กก็ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ดาดฟ้าเรือหรูสักหน่อย เธอสังเกตเห็นลูคัสที่ออกมาสูดอากาศด้วยเช่นกัน วันนี้เขาช่างดูเหนื่อยล้าและไม่สดชื่นเหมือนปกติ ก่อนที่ร่างบางจะตัดสินใจเดินไปหาเขา
“คุณดูเหนื่อยๆ นะคะ มีอะไรที่ฉันช่วยได้ไหม? คุณไม่สบายหรือเปล่า?” ลูคัสหันมายิ้มให้เจ้าหล่อนบางเบา
“ผมสบายดี ขอบคุณที่เป็นห่วง” เขาเพิ่งเจอเรื่องยุ่งๆ ที่ทำให้ไม่ได้ดื่มเลือด จึงรู้สึกหมดแรง แต่เขาก็พยายามเก็บอาการ
"มาสูดอากาศเหมือนกันเหรอ?"
"ค่ะ" เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม แม้สีหน้าจะดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
“คืนนี้ผมมีธุระ ขอตัวก่อนนะครับ” เขาพูดจบแล้วก็ผละจากไป ฟาซิน่ารู้สึกห่วงใยและยังไม่ได้ขอบคุณเขาอย่างเป็นทางการเลย เธอจึงตัดสินใจว่าจะตามเขาไปและขอบคุณเขาสักหน่อย แค่ไปขอบคุณเองคงใช้เวลาไม่นาน ไม่น่าเป็นไรหรอกมั้ง!!
คนตัวเล็กที่ยังเห็นหลังของเขาอยู่ไวๆ เจ้าหล่อนจึงรีบเดินดุ่มๆ ตามร่างสูงไป จนกระทั่งถึงดาดฟ้าเรือ เธอเห็นว่าเขากำลังพูดคุยกับชายคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ หรืออะไรสักอย่าง ที่ดูออกก็เพราะชายคนนั้นยังสวมชุดกราวน์อยู่
"วันนี้นายเอาของมาให้ฉันหรือเปล่า?" ร่างสูงเอ่ยถามเพื่อนตัวสูงเกือบๆ เท่าเขา อาเธอร์ คุณหมอหนุ่มสุดหล่อ ที่สูงถึง 190 และเป็นลูกเสี้ยวแวมไพร์
"นี่นายคิดว่าฉันสะเพร่าขนาดนั้นเชียวหรือ?"ตอบพลางตบไหล่ลูคัสพลาง
“วันนี้นายดูเหนื่อยไปนะ อย่าบอกนะว่าขาด...”
อาเธอร์ตั้งใจเว้นวรรคไม่พูดคำว่าเลือด
“แล้วแม่สาวที่นายช่วย... อย่าบอกนะว่าช่วยเฉยๆ” ใช่!!เขาหมายถึงฟาซิน่า
“นี่ฉันรู้จักนายมากี่ปี นายไม่ยุ่งกับผู้หญิงมานานแค่ไหนแล้ว หึ!” เขายังมิวายพูดประชด
"นายสนใจเธอรึไง?"
“ทำไมวันนี้นายถามฉันเยอะแยะขนาดนั้น! ว่าแต่เอาของมารึเปล่า? ”
“เอ้า นี่ รับไป!!”
คนตัวโตรับถุงเลือดสดๆ มาเขาก็รีบคว้ามาใสปาก และตอนนี้นี่เอง!!
ฟาซิน่าที่ยืนอยู่ในเงามืดเธอกำลังยืนตาค้างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้า เขาดื่มเลือดจากถุง ตาของเธอเบิกโพลง เธอไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง อีกทั้งกลิ่นของมันคาวคละคลุ้งอย่างชัดเจน ทำไมเขาต้องดื่มเลือด? เขาป่วยเป็นอะไร? เจ้าหล่อนพยายามยิงคำถามใส่สมองอันน้อยนิดของตัวเอง
เขาหันมามองร่างเล็ก แล้วก็รู้ว่าเธอเห็นทุกอย่าง
“มีคนเห็น!! ผู้หญิงคนนั้น อย่าบอกนะว่าเธอคือ? .. คนนั้น?” อาเธอร์ที่ตกใจเมื่อจู่ๆ ไอ้เจ้าร่างยักษ์มันก็นิ่งเฉย ไม่คิดจะจัดการกับแม่คนตรงหน้าต่อ
"แกจะเอายังไง?"
"จะเอายังไง?" ร่างสูงถามเพื่อนกลับ
ปกติแล้วลูคัสจะใช้การสะกดจิตให้คนที่เห็นลืมทุกอย่าง แต่กับเธอ เขาดันเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย
“นี่นายจะปล่อยให้เธอเห็นนายในสภาพนี้หรือ?” อาเธอร์ถามเพื่อนตัวสูงด้วยความงุนงง
"อืม..." เขากลับตอบเพียงประโยคสั้นๆ
"ตกใจเหรอ? จะมองผมแบบนี้อีกนานไหม?"
“อ่า... เอ่อ..คือว่า!.” เธอพูดไม่ออก แม้เจ้าหล่อนจะรู้ความลับของเขาแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้สึกกลัวเขาเลย เพียงแค่อึ้ง เธอยอมรับว่าแค่อึ้งเท่านั้น แต่ความรู้สึกกลับตรงกันข้ามเจ้าหล่อนกลับรู้สึกอยากรู้จักเขาให้มากขึ้นมากกว่าเดิมเสียอีก
~~ วันรุ่งขึ้น ~~
วันนี้แวมไพร์หนุ่มมาหาฟาซิน่าที่ทำงาน เขาถามผู้จัดการเกี่ยวกับเธอ
"คุณเจอฟาซิน่าหรือเปล่า?"
“คุณมาหาเธอหรอคะ? ได้นัดไว้ไหม?”
“เปล่าผมไม่ได้นัด”
แต่แล้วคนขี้โกงก็เล่นสะกดจิตคนตรงหน้าให้ตามไปเรียกเธอ ผู้จัดการไปเรียกคนตัวเล็ก จนกระทั่งเจ้าหล่อนออกมาเจอเขา เมื่อร่างสูงเห็นว่าเธอออกมาแล้วปากหนาจึงได้ทักขึ้น
“ฟาซิน่า! ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ ช่วยไปกับผมหน่อย”
"คะ?"
"มานี่กับผม" พูดจบเขาก็ดึงมือเล็กของเธอไปยังมุมของเรือ ร่างเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเขาอย่างรวดเร็ว
“เบาๆ หน่อยค่ะ ฉันเจ็บ คุณมีอะไรจะพูดกับฉัน?” เจ้าหล่อนถามด้วยความสงสัย
“ผมรู้ว่าเมื่อคืนคุณเห็นอะไร แต่สิ่งที่คุณเห็นเมื่อคืน...”
"คะ? ที่ฉันเห็น?"
"คุณกลัวผมไหม?"
“ไม่ค่ะ ฉันไม่กลัว”
แม้จะรู้สึกตื่นเต้นและกังวล แต่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวเขาจริงๆ
“ฉันพอจะเดาได้ว่าคุณต้องการเลือด แต่ไม่ว่าคุณจะป่วยเป็นอะไร คุณไม่ต้องอธิบาย ฉันโอเค” เจ้าหล่อนที่คิดว่าร่างกายของเขาป่วย อาจรักษาด้วยการใช้เลือด แม้เหตุผลมันจะดูฟังแปลกๆ แต่เธอก็ยังพยายามหาเรื่องมาเข้าข้างเขา
"คุณไม่อยากฟังผมอธิบายหน่อยหรือ?"
“ไม่ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณคงจะอึดอัด ถ้ามันยังไม่ถึงเวลา ฉันก็ไม่ได้อยากรู้คำตอบตอนนี้”
แวมไพร์หนุ่มจ้องเข้าไปนัยน์ตาเธออย่างคนถือถือวิสาสะที่ริจะอ่านใจ แต่แล้วเขาก็พบแต่ความว่างเปล่า มือหนาค่อยๆ จับไหล่ของเธอเบาๆ ก่อนจะโน้มเอียงตัวก้มลงจูบ ร่างเล็กตกใจตาค้าง เธอพยายามเม้มปาก แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงของเขาได้
คราวนี้กลับกลายเป็นเจ้าหล่อนซะอีกที่รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบนี้ จูบแรกของเธอที่เขามาพรากมันไป… แม้ร่างเล็กจะเริ่มสับสนว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาคืออะไรกันแน่...
หัวใจของเจ้าหล่อนที่เต้นแรงเร็วระรัวเกินกว่าจะควบคุม เธอไม่เคยรู้สึกพิเศษแบบนี้กับใครมาก่อน ร่างกายของเธอตอบสนองต่อสัมผัสของเขาอย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่น เขาบดจูบเจ้าหล่อนราวๆ นาทีได้ หลังจากที่คนตัวโตถอนริมฝีปากออกจากเจ้าหล่อน เขาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ทำไมคุณถึงไม่กลัวผม?”
น้ำเสียงของเขาฟังดูจริงจังและสับสนในตัวเอง
“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม... แต่คุณคงจะไม่ทำให้ฉันกลัวหรอกใช่ไหม? ถึงแม้สิ่งที่ฉันเห็นมันจะดูไม่ปกติ” เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
“บางที... ฉันเชื่อว่าคุณมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น และคุณก็คงไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร” คำตอบของฟาซิน่าทำเอาร่างหนาอย่างเขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาไม่เคยคิดว่ามนุษย์คนไหนจะเข้าใจเขาแบบนี้มาก่อน ในอดีต ทุกคนที่พบเจอความลับของเขาล้วนแต่หวาดกลัวและหนีหายไปจากชีวิตของเขาทั้งสิ้น แต่ก็นั่นแหละพอมีใครมาเจอเหตุการณ์แบบเมื่อคืน เขาก็คงสะกดให้ลืมทุกอย่างไปแล้ว แต่ฟาซิน่ากลับเป็นข้อยกเว้น
คนตัวสูงถอนหายใจเบาๆ และยิ้มอย่างเศร้าๆ
“ผมไม่ใช่คนเลว แต่ก็ไม่ใช่คนดี... (ผมเป็นแวมไพร์) ” ถึงเขาจะไม่ได้พูดประโยคหลังออกมา แต่คนตัวเล็กก็เชื่อว่าเขาคงมีเรื่องที่ยังบอกเธอไม่ได้
“คุณเชื่อเรื่องแวมไพร์ไหม? ”
ฟาซิน่ามองลูคัสด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามและความประหลาดใจ แม้เธอจะเริ่มคาดเดาได้ตั้งแต่เห็นเขาดื่มเลือด แต่การได้ยินจากปากของเขาเองนั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกถึงสิ่งที่คาดไม่ถึง ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเจอเหตุการณ์ประหลาดๆ แบบนี้เสียเมื่อไหร่
"แวมไพร์?" ฟาซิน่าทวนคำของเขา "จริงๆ อย่างนั้นเหรอ?"
ลูคัสพยักหน้าเล็กน้อย "ใช่ ผมเป็นแวมไพร์ครึ่งคนครึ่งแวมไพร์ ผมอยู่ระหว่างสองโลกโลกของมนุษย์และโลกของเผ่าพันธุ์ที่ไม่มีวันตาย" เขาหยุดพูดและจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ก่อนจะกล่าวอีกว่า
“แต่ผมไม่ต้องการให้คุณกลัว หรือรู้สึกว่าผมเป็นภัยต่อคุณ”
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกกับเขาว่า
“ฉันไม่กลัวคุณ... แค่ยังไม่เข้าใจมากพอ จะเป็นไรไหมคะ ถ้าฉันอยากจะรู้จักคุณมากขึ้น?”
เธอยิ้มให้ลูคัสเบาๆ เพื่อให้เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้ปฏิเสธหรือรังเกียจเขา ความอ่อนโยนในรอยยิ้มของคนตัวเล็กข้างหน้ามันทำให้แวมไพร์ผู้ที่ผ่านโลกมากว่าพันปีรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเปิดใจให้เขาได้มากขนาดนี้ ในใจลึกๆ เขาก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องมาคอยหลบซ่อนตัวเอง
ร่างหนาที่รู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าหล่อนอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เจอเธอครั้งแรกแล้ว …