บทที่ 3
กลับมาที่คฤหาสน์เบอร์นาเด็ท ตอนนี้คนเจ็บที่คุณหนูรองช่วยมาอาการดีขึ้นมาก การที่เขาฟื้นตัวเร็วทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเพราะไม่เคยเจอใครเป็นแบบนี้มาก่อนหากไม่นับโรซาเลียหรือไม่ก็ปีศาจระดับสูง แต่เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายอุดอู้อยู่ในห้อง เรเนสซ่าจึงพานั่งเล่นที่สวนหลังคฤหาสน์
“ข้าเคยได้ยินมาว่าร่างกายของมนุษย์ไม่แข็งแรงเหมือนปีศาจ แต่เจ้าหายเร็วมากเลยนะ ปีศาจยังทำไม่ได้เลย แค่สองวันเจ้าก็ลุกไปไหนมาไหนได้แล้ว” หญิงสาวชวนคุยพลางรินน้ำชาใส่ถ้วยแล้วเลื่อนมาให้จากนั้นก็แบ่งขนมให้เขา “คุกกี้นี้ข้าทำเอง ลองกินดูนะ”
“ขอบคุณ” ลูเซียนกัดไปแค่คำเดียวก็รู้สึกมันอร่อยกว่าคุกกี้ที่เขาเคยกินมา อยากจะกวาดคุกกี้ลงกระเพาะใจจะขาดถ้าไม่ติดว่าอาจเสียมารยาท “เจ้าชอบทำอาหารเหรอ”
“ใช่ อาหารทุกมื้อส่วนใหญ่ข้าก็เป็นคนจัดการ ถ้าข้าไม่ทำ คนที่บ้านก็จะไม่ยอมกิน พวกเขาบอกว่าข้าทำอร่อยน่ะ ข้าอยากเห็นทุกคนมีความสุข ข้าก็เลยต้องทำอาหารทุกมื้อและทุกวันด้วย”
'นางเป็นคนใส่ใจผู้อื่น โดยเฉพาะเรื่องทำอาหาร คงทำด้วยใจสินะ มิน่าถึงอร่อยขนาดนี้' ลูเซียนกล่าวในใจพลางหยิบคุกกี้ชิ้นที่สามกับชิ้นที่สี่เข้าปาก คิดแล้วก็นับว่าเขาโชคดีที่ได้เจอเธอ
“ได้ยินว่าวันก่อนเก็บผู้ชายมาจากข้างถนน ท่าทางจะจริง” เสียงของผู้มาใหม่ทำให้เรเนสซ่ารีบลุกขึ้นราวกับถูกน้ำร้อนลวก ราโมน่าเดินเข้ามาในศาลาแล้วปรายตาเหยียดมองลูเซียน “หน้าตาดีนะ แต่คงจะเป็นทาสที่ถูกจับมาล่ะมั้ง ให้เดานะ คงจะหนีตายมาเอาดาบหน้า โชคดีจริง ๆ ที่น้องสาวข้าผ่านไปเจอพอดี”
“ท่านพี่ ลูเซียนแค่ถูกคนทำร้ายมาเฉย ๆ เขาก็มีบ้านอยู่ที่แมนไคน์นะคะ ไม่ได้เป็นทาสสักหน่อย”
“ก็แค่พวกไร้หัวนอนปลายเท้า”
“ทำไมท่านพี่ชอบดูถูกคนอื่นอย่างนี้ละคะ ตอนที่ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่เคยสอนให้พวกเราทำตัวแบบนี้นะคะ ท่านพี่รีบขอโทษลูเซียนเดี๋ยวนี้เลย” ปกติเรเนสซ่าไม่เคยมีปากเสียงกับพี่สาว แต่คราวนี้เธอจำเป็นต้องพูดอะไรแล้วก่อนที่อีกฝ่ายจะทำตัวแย่ไปมากกว่านี้
“ท่านพ่อก็รักแต่เจ้ากับนังโรซาเลีย มีแต่ท่านแม่ที่รักข้า ท่านแม่สอนข้าว่าเราเป็นชนชั้นสูง เกิดมาสูงส่ง ทำไมต้องชายตามองพวกเศษดินด้วย” ราโมน่าปรายตามองชายหนุ่มอีกรอบ ถ้าเป็นชาวซาตาน่าด้วยกัน เธอคงไม่เหยียดขนาดนี้ แต่คนตรงนี้เป็นมนุษย์ เธอจึงมองว่าชาวแมนไคน์ก็แค่พวกหนอนแมลงเท่านั้น “เข้ากันดีจริง ๆ ทำไมไม่ไปคบค้าสมาคมกับนังน้องแรดซะล่ะ”
“ถึงแรดก็แรดกับผู้ชายคนเดียว ไม่เหมือนใครบางคนที่วิ่งหาผู้ชายไปทั่ว” โรซาเลียกลับจากปราสาทมาถึงบ้านพร้อมไนเจลลัสแล้ว ทันทีที่รู้ว่าพี่สาวคนรองอยู่ในสวนจึงรีบตามมาจากนั้นก็ได้ยินทุกคำที่ราโมน่าพูดพอดี “เหยียดคนอื่นเพื่อให้ตัวเองสูงส่ง ทั้งที่ความจริงแล้วตัวเองเน่าเฟะ”
“นังโรซาเลีย!”
“มาสิ” ผู้กล้าสาวถกแขนเสื้อพร้อมมีเรื่อง ถ้าฝ่ายตรงข้ามตบ เธอจะชกหน้าสวนกลับทันที “ที่ผ่านมาไม่เคยจำเลยใช่ไหม รู้ทั้งรู้ว่าไม่ชนะก็ยังจะหาเรื่อง!”
“จำไว้เลยนะ นังโรซาเลีย สักวันข้าจะเหยียบหัวเจ้าให้จมดิน” จากนั้นหญิงสาวก็ตวัดสายตาไปทางไนเจลลัสที่ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้งก็ยังทำหน้านิ่งตลอด “ระวังตัวให้ดีนะคะ ท่านไนเจลลัส สักวันท่านจะต้องทิ้งโรซาเลียแล้วมาซบตักข้า”
“ทำไมข้าจะต้องไปซบตักเจ้า”
“เพราะข้าเป็นชนชั้นสูง!”
“ข้าเห็นว่าแถวนี้มีแค่โรซาเลียกับเรเนสซ่าที่เป็นผู้หญิง” นายน้อยแห่งซาตาน่ากล่าวเสียงเรียบแต่กลับทำให้สองสาวที่ถูกกล่าวถึงรวมทั้งลูเซียนถึงกับขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “...นอกนั้นเป็นชะนีที่ร้องไปทั่ว”
“!!!” ชาวแมนไคน์เพียงหนึ่งเดียวถึงกับผงะด้วยความตกใจเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนกล้าเรียกผู้หญิงแบบนั้นมาก่อนเลยสักครั้ง
“ไนจี้ไม่อ่อนโยนอีกแล้ว” โรซาเลียถึงกับหัวเราะเหอ ๆ
“ฮึ่ย!” ราโมน่าออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงก่อนจะวิ่งหนีไปจากตรงนั้นโดยมีโรซาเลียโบกมือไล่หลัง หากมีผ้าเช็ดหน้า เธอคงหยิบมากโบกด้วยแล้ว
“อะไร” ไนเจลลัสหันมาเห็นลูเซียนเหลือบมองเขาอยู่จึงถามกลับ
“ข้าไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนพูดแบบนี้กับผู้หญิงมาก่อน พอได้ยินเจ้าพูด ข้าก็เลยไม่ชินน่ะ” เขาถูกสอนมาให้มีมารยาท คำพูดคำจาแรง ๆ อย่าไปใช้กับผู้หญิง ดังนั้นทั้งเขาและคนใกล้ตัวจึงไม่พูดแบบนั้นออกมาจนแทบจะเป็นนิสัย
“ที่นี่ซาตาน่า” ปีศาจหนุ่มย้ำว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังยืนอยู่บนแผ่นดินแดนไหน
“ทั้งสองกลับมาแล้วก็ดี มา ๆ ลองชิมคุกกี้ของข้าก่อน เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ เลย” เรเนสซ่ารีบเปลี่ยนเรื่องแล้วพาทั้งสองมานั่งที่โต๊ะน้ำชาตามด้วยแบ่งคุกกี้ให้ลองชิม
“รสชาติคล้าย ๆ ชีสเค้กแต่หอมมาก แถมอร่อยด้วย” โรซาเลียอธิบายหลังลองกัดคุกกี้ไปคำหนึ่ง “ท่านพี่เรเนสซ่าทำรสใหม่มาให้พวกเราลองชิมเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ เห็นพวกเจ้าชอบ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว”
“งั้นคราวหน้าท่านพี่ต้องคิดสูตรใหม่ ๆ มาทำขนมให้ข้ากิน และข้าต้องได้กินคนแรก ไม่งั้นข้าไม่ยอม” สาวผมแดงออกอาการน้องสาวขี้อ้อนแถมยังเอียงศีรษะไปซบพี่สาวอีก คุณหนูรองหยิกแก้มน้องไปครั้งหนึ่งแล้วปล่อยให้เธอลุกขึ้นนั่งดี ๆ เนื่องจากไนเจลลัสออกอาการฮึดฮัด
แค่โรซาเลียไปซบพี่สาว พ่อคุณจะหวงอะไรนักหนา อยากให้มาซบไหล่ตัวเองก็บอกมา!
“ไหน ๆ เจ้าก็อาการดีขึ้นจนออกมานั่งตากลมได้ทั้งที ข้ามีเรื่องจะถามสักหน่อย” สาวผมแดงจ้องหน้าลูเซียนเขม็ง ในขณะที่อีกฝ่ายกะพริบตาปริบ ๆ แล้วเอียงคอมอง
“อะไรเหรอ”
“เจ้ามีพลังศักดิ์สิทธิ์”
“ญาติพี่น้องข้ามีกันทุกคน”
“ฟันดาบเป็นไหม” โรซาเลียถนัดฟันดาบที่สุดจึงถามอีกฝ่ายเผื่อจะเป็นประเภทเดียวกัน
“เป็น”
“ข้าเป็นผู้กล้าวิปลาสในสายตาชาวแมนไคน์ และข้าก็มีดาบศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้สู้กับผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันตั้งนานแล้ว มาลองซัดกับข้าสักตั้งหน่อยสิ” โรซาเลียประกาศท้าสู้โต้ง ๆ โดยไม่สนใจสีหน้าตื่นตระหนกของพี่สาวเลยแม้แต่น้อย
“ลูเซียนเพิ่งจะดีขึ้นเองนะ”
“ผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์แข็งแรงกว่ามนุษย์ทั่วไป ท่านพี่รอดูเฉย ๆ ก็พอค่ะ” หญิงสาวยกมือห้ามเรเนสซ่าเป็นเชิงบอกว่าอย่ามายุ่ง “ว่าไง พร้อมจะประมือกับสักยกไหม”
“เจ้าท้าข้าเหรอ” ชายหนุ่มถามกลับ
“ใช่”
“ก็ได้ แต่สภาพข้าตอนนี้ยังไม่ค่อยพร้อมในขณะที่เจ้าพร้อมเต็มที่ เพราะงั้นเจ้าต้องลดระดับพลังตัวเองลงมา เดี๋ยวจะได้เปรียบกันเกินไป” ลูเซียนเริ่มต่อรองเพื่อความยุติธรรมกับตัวเองที่ไม่หายจากอาการบาดเจ็บดี ซึ่งโรซาเลียก็น้อมรับ
“ข้าจะผนึกพลังตัวเองเก้าส่วน เหลือแค่ส่วนเดียวไว้สู้กับเจ้า”
“ระดับแค่นั้น น้อยกว่าพลังของข้าในตอนนี้อีกนะ”
“เจ้ายังไม่หายบาดเจ็บดี แต่ข้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทำแบบนี้น่ะดีแล้ว” หญิงสาวเหยียดยิ้มชวนขนลุกจนลูเซียนไม่คิดว่าผู้กล้าจะมีรอยยิ้มแบบนี้ “คิดซะว่าเล่นกันสนุกสนาน ไม่ฆ่ากันตายแน่นอน”
“...”
ทำไมเขารู้สึกไม่ไว้ใจเลย