บทที่ 2
อีกด้านหนึ่งระหว่างที่จอมมารกับผู้กล้ารุ่นพ่อแม่กำลังสนทนากัน ทางด้านจอมมารกับผู้กล้ารุ่นลูกก็พากันเดินหนีไปที่อื่น อีกอย่างไนเจลลัสก็เดินทางไปกลับระหว่างซาตาน่าและแมนไคน์บ่อย ๆ เพื่อติดตามเลโอนาร์ดเสร็จแล้วก็กลับมาอยู่กับโรซาเลีย เขาทำแบบนี้มาสี่เดือนจนบางทีเธอก็ห่วงว่าเขาจะเหนื่อย
“ข้าเอายาฟื้นพลังมาให้ ถ้าที่เจ้ามีอยู่เกิดหมดขึ้นมา จะได้ไม่ต้องวิ่งเข้าร้านขายยาเวทมนตร์ให้ยุ่งยาก” สาวผมแดงยื่นถุงผ้าที่ภายในบรรจุขวดยาสีดำหกขวดให้คู่สนทนา ชายหนุ่มรับมาก่อนจะใช้เวทเก็บ
“ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง” เธอรู้แล้วว่าเขาข้ามมาที่โลกนี้และมีผลกระทบอะไรบ้าง เห็นแก่ความรู้สึกของไนเจลลัสที่อุตส่าห์ข้ามโลกมาตามหาเธอ จะให้ต่อว่าและไล่กลับก็ทำไม่ลง ดังนั้นโรซาเลียจึงเลือกที่จะไม่ว่าอะไรและช่วยดูแลไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขา
“ท่านแม่ไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“ท่านป้าสบายดี แต่ช่วงนี้มีคนนินทาเยอะ เกี่ยวกับเลโอนาร์ด เริ่มมีคนไม่พอใจแล้ว” หญิงสาวถอนหายใจยาวเพราะเธอได้ยินมาจากข้ารับใช้ในปราสาท “อยู่ ๆ ผู้กล้าก็แวะมาเยี่ยมเยียนจอมมารทั้งที่สี่เดือนก่อนยังสู้กันอยู่เลย มีคนเชื่อว่าเขามาหลอกล่อท่านป้าด้วยล่ะ”
“ท่านพ่อนี่อยู่ยากจริง ๆ อยู่ที่แมนไคน์ก็ไม่มีความสุข อยู่ที่ซาตาน่าก็มีคนคิดขับไล่”
“แปลกจัง ตอนเจ้าพาข้ามาอยู่ด้วย ยังไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย แต่พอเป็นเลโอนาร์ด ทำไมใคร ๆ ถึงพากันไม่พอใจ” โรซาเลียถึงกับยกมือเกาหัว ไนเจลลัสยังไม่ตอบทันทีแต่กำลังพิจารณาจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาในโลกเก่าเสร็จแล้วจึงค่อยตอบ
“เพราะทุกคนเห็นว่าท่านพ่อเป็นผู้กล้า ต่อให้ผู้กล้าสนิทกับจอมมารถึงขั้นแวะเวียนมาเยี่ยมที่ปราสาท คนอื่น ๆ ก็ยังมองผู้กล้าเป็นศัตรูอยู่ดี อย่าลืมนะ พวกที่ไม่พอใจไม่ใช่จอมมาร พวกเขาไม่รู้อะไรหรอก แต่ปัญหาก็คือถ้าปีศาจใต้อาณัติต่อต้าน สถานะของท่านแม่ก็คงลำบาก ต้นตระกูลอาโครอสเป็นข้ารับใช้จอมมารตนแรก ลึก ๆ แล้วพวกปีศาจก็คงมองว่าตระกูลอาโครอสไม่ใช่จอมมารที่แท้จริง”
“อะไรจะเรื่องมากแท้” โรซาเลียรู้สึกปวดหัวแทน
“แต่ในกรณีของเจ้า ทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ประกาศตัดขาดอย่างชัดเจน อีกทั้งข้ากวาดล้างมนุษย์ตายเกลี้ยงและยึดแมนไคน์มาเป็นของซาตาน่า ถึงเจ้าจะไม่ตายและอยู่กับข้าก็ไม่สำคัญแล้ว ข้าจะทำเรื่องทำราวอะไรกับเจ้า พวกเขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะอย่างนี้ถึงไม่มีใครไล่เจ้า” ไนเจลลัสอธิบายพลางหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู เมื่อพบว่าใกล้จะได้เวลาที่กำหนดแล้ว เจ้าตัวจึงหยิบยาฟื้นพลังขึ้นมาดื่ม
“แล้วเฟลิคล่ะ”
“ข้าจะให้เขาเป็นผู้สืบทอดของข้า”
“แล้วไม่มีใครต่อต้านเรื่องที่เขามีแม่เป็นผู้กล้าเหรอ” ถ้าเฟลิคจะเป็นจอมมารลำดับที่สิบเจ็ด โรซาเลียก็กลัวว่าเรื่องที่ลูกเป็นครึ่งมนุษย์จะเป็นอุปสรรคต่อการก้าวสู่จุดสูงสุดของซาตาน่า
“ไม่มีใครต่อต้านหรอก”
“ทำไม” ทว่าไนเจลลัสไม่ตอบ แต่สีหน้าของเขามีทั้งเครียด ทั้งเหนื่อยใจ และประสาทเสียปะปนกันไป แต่คนถามก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงทำหน้าแบบนี้ “สรุปว่าเพราะอะไรล่ะ”
“เพราะ....”
ย้อนกลับไปในโลกเดิมหลังการจากไปของผู้กล้าคนที่ยี่สิบสี่แห่งแมนไคน์ เมื่อมนุษย์คนสุดท้ายของโลกไม่อยู่อีกแล้วก็เท่ากับว่าซาตาน่าได้ครอบครองแมนไคน์โดยสมบูรณ์ ทุกอย่างในดินแดนปีศาจดำเนินไปอย่างปกติ แต่พอนายน้อยเริ่มวิ่งไปไหนมาได้ แม้จะซุกซนตามประสาเด็กแต่ดูเหมือนจะมากเกินไปหากเทียบกับคนอายุเท่ากัน นิสัยอย่างนี้ พวกข้ารับใช้ก็พอจะเดาออกว่าได้ใครมา
“ท่านเฟลิค!”
“มีใครเห็นท่านเฟลิคไหม!”
เสียงตะโกนของข้ารับใช้ทำให้เจ้าของชื่อซึ่งแอบอยู่ในพุ่มไม้หมอบลงกับพื้นแล้วคลานหนีไปที่อื่นอย่างเงียบ ๆ เมื่อแน่ใจว่าฝ่ายนั้นไม่เห็นแน่ เฟลิค อาโครอส ลูกชายของจอมมารลำดับที่สิบหกกับผู้กล้าคนสุดท้ายจึงมุดออกจากพุ่มไม้แล้ววิ่งเข้าไปหาสระน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ
“ไส้เดือน! ไส้เดือนน้อย!” ร่างเล็กใช้สองนิ้วคีบไส้เดือนขึ้นมาก่อนจะหันไปมองพวกสาวใช้ที่วิ่งมาทางนี้ พลันรอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าจากนั้นเจ้าหนูก็วิ่งไปหาผู้มาใหม่
“ท่านเฟลิค!”
“พี่สาว ๆ ดูสิ ตัวอะไรก็ไม่รู้มาเกาะนิ้วข้า” ว่าแล้วนายน้อยแห่งซาตาน่าก็โยนไส้เดือนใส่ พวกสาว ๆ ถึงกับกรีดร้องด้วยความตกใจ เจ้าตัวยุ่งจึงอาศัยจังหวะนี้วิ่งหนีไปทันที
เฟลิควิ่งอ้อมไปทางด้านหลังปราสาท เมื่อเห็นหน้าต่างห้องครัวเปิดอยู่จึงปีนเข้าไปแล้วก็เห็นขนมปังจำนวนมากที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ ๆ วางเรียงแถวกันอยู่ เขาจึงกระโดดลงจากชั้นวางของแล้วหยิบขนมปังมาเข้าปากและแถมอีกห้าชิ้นโดยใช้ชายเสื้อห่อไว้ก่อนจะวิ่งหนีเมื่อพ่อครัวหันมาเห็น
“ท่านเฟลิค! นั่นขนมปังที่จะใช้ในงานเทศกาลนะขอรับ!” เนื่องจากคืนนี้จะมีงานเทศกาลประจำปีของซาตาน่า ในปราสาทจึงมีการทำอาหารคาวหวานเพื่อใช้ในงานแต่อยู่ ๆ ก็มีเด็กขโมยไป พ่อครัวและผู้ช่วยจึงต้องวิ่งตาม
จังหวะที่วิ่งไปยังปีกตะวันออกของปราสาท เฟลิคก็เห็นคนของฝ่ายพิธีการกำลังขนของตกแต่งออกไป แต่สิ่งที่เจ้าหนูสนใจคือคบเพลิงสีสันและดอกไม้ไฟต่างหาก เด็กชายจึงวิ่งไปคว้ามาจากเด็กรับใช้คนหนึ่งปิดท้ายด้วยการวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านเฟลิค! นั่นไม่ใช่ของเล่นนะ!”
“รีบตามเร็ว!”
“ใครก็ได้ไปบอกท่านจอมมารที!”
“ท่านเฟลิคขโมยขนมปัง!”
“ช่วยด้วย! เอาไส้เดือนออกไปที!”
ทว่านอกจากจะไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้านแล้ว นายน้อยแห่งซาตาน่ายังวิ่งออกไปหาพื้นที่โล่งซึ่งเป็นสนามหญ้า จากนั้นก็เสกลูกไฟออกมาจุดดอกไม้ไฟและคบเพลิงจนเกิดระเบิดตูมตาม ผงสีสันมากมายกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ ทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องรีบถอยออกมาห่าง ๆ เพราะกลัวโดนระเบิดผิดกับเฟลิคที่ไม่ระคายผิวสักนิดแถมยังกระโดดโลดเต้นไปมาอย่างมีความสุขอีกต่างหาก
'พวกข้ากลัวแล้ว!' สีหน้าปีศาจแต่ละตนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเข็ดหลาบและไม่อยากมีเรื่องกับนายน้อย ตอนเล็ก ๆ ยังป่วนขนาดนี้ ตอนโตจะขนาดไหนกัน
“เฟลิค อาโครอส” เสียงเย็น ๆ ของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลัง เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง สมองสั่งให้ร่างกายหยุดกิจกรรมทุกอย่างทันที เลือดในตัวแทบกลายเป็นน้ำแข็งเมื่อมีจิตสังหารและไอเย็นแผ่มาทางนี้
“ทะ...ท่านพ่อ” เด็กชายทรุดลงไปนั่งคุกเข่าอย่างเรียบร้อยทันที ตาก็ก้มมองพื้นเพราะไม่กล้าเงยหน้ามองพ่อตัวเอง แม้ว่าไนเจลลัสจะมีสีหน้าเรียบเฉย แต่เส้นเอ็นที่ปูดขึ้นมาตรงขมับแสดงให้รู้ว่าเขากำลังโมโห
จอมมารลำดับที่สิบหกไม่พูดอะไรแต่คว้าคอเสื้อลูกชายแล้วหิ้วตรงไปยังสระน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นเขาก็โยนเจ้าตัวเล็กลงไป เสียงกระทบผิวน้ำดังตูมก่อนที่เจ้าหนูจะโผล่หัวขึ้นมาพลางเอามือตีน้ำป๋อมแป๋ม ปากก็ตะโกนเรียกพ่อไม่ขาดสาย
“ท่านพ่อ ช่วยด้วย ข้าหนาว!”
“ว่ายน้ำในสระจนกว่าจะหมดแรงแล้วค่อยขึ้นมา” ไนเจลลัสกล่าวอย่างเย็นชาตามด้วยหันหลังเดินจากไป เฟลิคที่ตอนแรกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเหยียดยิ้มชั่วร้าย
พ่อไม่อยู่ ไม่มีใครคุม ถ้าเขาจะขึ้นจากสระก็ไม่มีใครกล้าขวาง!
“พ่อเปลี่ยนใจแล้ว นั่งดูเจ้าว่ายน้ำดีกว่า เดี๋ยวจะลักไก่แอบหนีขึ้นมาก่อน” ร่างสูงเดินกลับมาราวกับรู้ทันตามด้วยเสกเก้าอี้ออกมานั่งมองลูกชายว่ายน้ำวนไปวนมาในสระ
“ท่านพ่อใจร้าย!” เฟลิคร้องโวยวายพลางเอามือและเท้าตีน้ำส่งผลให้ตัวเคลื่อนไปข้างหน้าวนไปวนมาอยู่รอบสระ ปากก็ตะโกนคำเดิมซ้ำ ๆ กันจนไนเจลลัสรำคาญจึงใช้เวทปิดปากให้หยุดพูด
“เจ้าเด็กบ้า ดื้อเหมือนแม่ไม่มีผิด”
กลับมาที่ปัจจุบัน หลังฟังคนข้าง ๆ เล่าจบ โรซาเลียก็ถึงกับยกมือกุมหน้าเพราะไม่นึกว่าลูกตัวเองจะซนได้ขนาดนี้ ยิ่งรู้ว่าอายุเพิ่งจะย่างเข้าสี่ขวบ เธอจึงไม่อยากคิดเลยว่าถ้าโตกว่านี้ เฟลิคจะทำตัวป่วนขนาดไหนถ้าไม่รีบควบคุมให้อยู่หมัด ไนเจลลัสชำเลืองมองผู้กล้าสาวและกล่าวขึ้น
“ดื้อเหมือนเจ้าเลย”
“ข้าดื้อตรงไหน ข้าออกจะเป็นผู้หญิงเรียบร้อย เรื่องทำกับข้าวกับเย็บปักถักร้อยใช่ว่าข้าไม่สนใจนะ แต่ตอนเป็นผู้กล้า ข้ามีเวลาไปทำเรื่องพวกนั้นที่ไหนกันเล่า” เจ้าของเสียงหวานทำหน้าบูดบึ้งแต่ดูแล้วน่ารักน่าหยิกมากกว่า ไนเจลลัสเห็นภาพเฟลิคซ้อนทับกับเธอ แค่นี้ก็แน่ใจแล้วว่าลูกได้นิสัยใครมา
“เรียบร้อยมากเลยผู้กล้า แล้วที่ชวนข้าหนีเที่ยว พากินเบียร์ สอดส่องเรื่องดราม่า และแอบปีนเข้าห้องข้ากลางดึกนี่มันหมายถึงอะไร”
“เจ้านี่ก็เผาข้าเหลือเกิน อยากให้ข้าเผาเจ้าบ้างไหม เป็นจอมมารประสาอะไร กระดกเหล้าไม่กี่วินาทีก็หัวทิ่มแล้ว อ้อ! เจ้ายังกลัวจิ้งจกด้วยนี่”
“โรซาเลีย”
“ข้าไม่เผาเจ้าแล้วก็ได้” สาวผมแดงยกมือปิดปากกลั้นขำเพราะเคยเห็นตอนที่อีกฝ่ายกลัวจิ้งจกและรู้ว่ามันตลกแค่ไหน “เลโอนาร์ดเดินมาโน่นแล้ว” หญิงสาวเห็นผู้กล้าคนที่เก้าเดินมาพอดีจึงชี้ให้ไนเจลลัสดู
“ข้าจะกลับแล้วนะ แอบออกมานานเกินไปเดี๋ยวจะมีคนสงสัย”
“เดินทางปลอดภัย” โรซาเลียอวยพรจากนั้นก็หันมาสบตากับคนข้าง ๆ “ดูแลตัวเองด้วย ถ้าถูกจับได้แล้วมีนักบวชใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เล่นงานเจ้า ขอบอกไว้ก่อนนะ ข้าไปช่วยไม่ทันแน่”
“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยดูแลเขาเอง” เลโอนาร์ดหันมามองปีศาจหนุ่มแวบหนึ่งก่อนจะส่งยิ้มให้สาวผมแดงและเดินจากไป โดยมีไนเจลลัสเดินตามหลังไปติด ๆ
ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีที่ทั้งสองออกจากเขตเมืองหลวงของซาตาน่า แม้กระทั่งตอนเดินทางใกล้จะถึงชายแดนก็ยังไม่มีการสนทนาเกิดขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่จอมมารจากต่างโลกรู้สึกได้ก็คือช่องว่างระหว่างเขากับเลโอนาร์ดมันลดลงกว่าก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ยังไม่ทันจะถาม อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาก่อน
“ข้าคุยกับเอราเคียเกี่ยวกับเรื่องของเจ้า”
“เรื่องข้า?” ไนเจลลัสเริ่มมีปฏิกิริยาเพราะกำลังสงสัยว่าแม่บอกอะไรกับคนตรงหน้าไปบ้าง “ท่านคุยอะไรกับท่านจอมมาร”
“ข้ารู้ว่านางเป็นแม่เจ้าและเจ้าก็มาจากอีกโลกเช่นเดียวกับโรซาเลีย ตามหลักแล้วเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ของนาง แต่ก็อย่างที่เห็น พวกเจ้าไม่ฆ่ากันแต่รักกันเอง”
“...”
“แล้วก็เรื่องพ่อของเจ้า” ประโยคนี้ทำให้คนฟังเริ่มอยู่เฉยไม่ได้ ปีศาจหนุ่มอยู่กับแม่มาตลอดโดยไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร แต่ตอนนี้เขารู้แล้วและเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายก็รู้ความจริงเช่นกัน
“ท่านแม่บอกท่านแล้วเหรอ”
“ใช่” สีหน้าคนพูดเป็นอย่างไร ไนเจลลัสก็ไม่รู้เพราะอีกฝ่ายเดินนำหน้าเขาอยู่ “บอกตามตรง ข้าโคตรดีใจเลยตอนรู้ว่ามีลูกชาย ถึงจะจำอะไรไม่ค่อยได้แต่จากความรู้สึก ข้ามั่นใจว่าข้าไม่เคยมีครอบครัวและสักวันก็หวังว่าตัวเองจะมีครอบครัวสักที ดูเหมือนว่าฝันของข้าจะเป็นจริงแล้ว เพราะงั้นต่อไปเจ้าจะเรียกข้าว่าพ่อก็ได้ ข้าไม่ห้ามหรอก แต่ระวังอย่าให้คนอื่นได้ยินก็พอ เดี๋ยวจะเดือดร้อน”
“...” คนฟังอยู่ด้านหลังรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แม้กระทั่งจะหาเสียงมาพูดก็ยังทำไม่ได้ หากไม่นับช่วงเวลาดี ๆ ระหว่างเขากับแม่และตอนที่อยู่กับโรซาเลีย ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ไนเจลลัสมีความสุขมากที่สุด
ในที่สุดเขาก็มีพ่อเหมือนคนอื่นแล้ว!