บทที่ 7
กริฟฟินค่อย ๆ ลดระดับความสูงลงไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก เอราเคียและโรซาเลียทิ้งตัวลงมาก่อนที่จอมมารสาวจะลูบหัวมันเป็นการขอบคุณและให้สัตว์อสูรบินกลับไปรอที่เขตแดนฝั่งซาตาน่าเพื่อความปลอดภัย
“เอาไว้ตอนเย็น ๆ เราจะเรียกมันมา” หญิงสาวเก็บนกหวีดเรียกสัตว์อสูร แต่ยังไม่ทันจะเดินต่อ คนเป็นหลานสาวก็เรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ท่านป้า” คุณหนูเบอร์นาเด็ทวิ่งมาจัดเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายโดยไม่ลืมสวมฮู้ดคลุมศีรษะให้ ถึงแม้ว่าเอราเคียจะใช้เวทพรางตัวเพื่อปลอมเป็นมนุษย์แต่ใบหน้าของเธอก็ยังสะดุดตาอยู่ดี
“มีอะไรผิดปกติเหรอ”
“ท่านป้าสวยมาก รู้หรือเปล่าคะ ดีแล้วที่ท่านป้าใช้เวทเก็บเขาไว้ก็เลยสวมฮู้ดได้” จอมมารทุกรุ่นจะมีเขาคล้ายแพะบนศีรษะ และมีนัยน์ตาสีแดงโกเมน แต่แค่สีตา โรซาเลียคิดว่าไม่น่าเป็นปัญหา ส่วนเขาก็ใช้เวททำให้หายไป แต่ใบหน้าของเอราเคียต่างหากที่ทำให้เธอกังวล
คุณป้าสวยขนาดนี้ เกิดหนุ่ม ๆ มาชอบเอาจะเป็นเรื่องใหญ่!
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปกันเถอะ” จอมมารในคราบมนุษย์เดินนำหน้าหลานสาวมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของเมืองที่อยู่ไม่ไกล “เจ้าเองก็อย่าลืมสวมฮู้ดด้วยนะ”
“คะ?” โรซาเลียทำหน้าเหลอหลา
“ข้าเพิ่งรู้จากเรเนสซ่าว่าเจ้าแต่งหน้าให้ดูจืดชืดตลอด เพิ่งจะเปิดเผยหน้าจริงไม่นานนี้เอง สวย ๆ อย่างนี้ ระวังมีคนรุมจีบนะ”
“...” พอโดนคุณป้าแซวกลับ อดีตผู้กล้าก็ทำอะไรไม่ถูก คิ้วสองข้างขมวดจนแทบเป็นปม เธอจำได้ว่าทั้งร่างเก่าและร่างใหม่หน้าเหมือนกันรวมทั้งขนาดตัวและเธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนสวยอะไรขนาดนั้นด้วย
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คงมีคนมาชอบเธอแล้ว!
“ข้าไม่ใช่คนสวยขนาดนั้นหรอกค่ะ ท่านป้า ชาติก่อนเดินเข้าใกล้ผู้ชายทีไร วิ่งหนีหายหมดทุกที”
เมืองของชาวมนุษย์ที่อยู่ใกล้ชายแดนมากที่สุดเป็นเมืองเล็ก ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนเดินพลุกพล่านให้วุ่นวาย สองป้าหลานเข้ามาในเมืองพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ สำหรับโรซาเลียอาจจะเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะโลกไหน เมืองนี้ก็ยังเหมือนเดิม และเธอก็เคยมาแล้วสมัยที่แมนไคน์เคลื่อนพลไปยังเขตแดนของซาตาน่า แต่สิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นก็คือท่าทางอยากรู้อยากเห็นของเอราเคีย
“ท่านป้าเคยมาแมนไคน์หรือเปล่าคะ”
“นี่เป็นครั้งแรก” ร่างบางตอบพลางเดินไปดูเครื่องประดับที่วางโชว์บนโต๊ะหน้าร้านอย่างสนใจ “ทำจากแก้วเหรอเนี่ย สวยจัง เหมือนของราคาแพงเลย”
“บางครั้งของราคาถูกก็ใช่ว่าจะไม่สวยนะคะ” โรซาเลียเดินมาดูเครื่องประดับ ทุกอย่างคุ้นเคยกับเธอมาก ดังนั้นถ้าท่านป้าที่เคารพรักอยากรู้อะไร เธอก็พร้อมที่จะให้ข้อมูล
'จอมมารเป็นผู้หญิงนี่นา จะสนใจพวกเสื้อผ้ากับเครื่องประดับเหมือนผู้หญิงคนอื่นก็ไม่แปลก' หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ ขนาดผู้กล้าอย่างเธอยังอยากแต่งงานและมีครอบครัวเหมือนสาว ๆ วัยเดียวกันเลย
“ไปเถอะ จุดประสงค์ที่เรามาคือหาข่าวของผู้กล้าคนใหม่” เอราเคียวางเครื่องประดับไว้ตามเดิมจากนั้นก็เดินออกจากร้านไป ตลอดสองข้างทางมีร้านค้ามากมายแต่เธอก็ไม่ชายตามองอีก “เจ้ามีอะไรจะแนะนำไหม”
“หมายถึงหาข่าวเหรอคะ”
“ใช่”
“ข้าขอแนะนำร้านอาหารค่ะ ที่นั่นน่าจะมีนักเดินทางแวะไปเยอะ พวกเขาจะชอบแลกเปลี่ยนข่าวสารกันที่นั่น ไม่แน่นะคะ อาจจะมีข่าวของทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยก็ได้”
“งั้นข้าจะเลือกร้านอาหารสักร้านแล้วกัน” ว่าแล้วจอมมารสาวก็เดินต่อพลางกวาดสายตามองหาร้านอาหารสักร้านที่คิดว่าจะเข้าไป
“ถ้าท่านป้าทราบข่าวของผู้กล้าคนใหม่ ท่านป้าจะทำยังไงเหรอคะ” โรซาเลียถามออกไปเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่ อีกอย่างเอราเคียไว้ใจหลานตัวเองจึงไม่น่าจะโกหก
“ฆ่าผู้กล้า” คำพูดนั้นทำให้มือซ้ายของคนฟังขยับเล็กน้อย ไอพลังสีขาวแผ่ออกมาจาง ๆ เนื่องจากเธอคิดจะเรียกดาบศักดิ์สิทธิ์มาสังหารจอมมาร
ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะใจดีกับเธอ แต่ในฐานะของผู้กล้าที่ล้มเหลวและได้รับโอกาสให้มาแก้ไขเรื่องราวใหม่ โรซาเลียจะต้องปกป้องมนุษย์จากจอมมาร แม้เอราเคียจะมีบุญคุณแต่เธอก็ยอมปล่อยให้คู่สนทนามีชีวิตอยู่เพื่อทำลายมนุษยชาติไม่ได้
“...ถ้าเป็นจอมมารรุ่นก่อน ๆ ก็คงพูดแบบนี้”
“คะ?”
“หนึ่งร้อยปีที่ข้าเป็นจอมมาร ข้าเห็นการสู้รบที่ชายแดนบ่อย ๆ ถ้าไม่ใช่ฝ่ายเราบุกไป ฝ่ายนั้นก็บุกมาเองโดยที่เรายังไม่ได้ทำอะไร ตอนนี้ที่เราสู้กันน่าจะเป็นเพราะไม่ถูกกันตั้งแต่บรรพบุรุษแล้วมากกว่า ถ้าข้าได้ข่าวผู้กล้า ข้าอยากพบเขาและอยากเจรจาสงบศึกด้วย ควรแล้วเหรอที่เราจะเป็นศัตรูกันตลอดไป ไม่สู้มาจับมากันแล้วทำให้โลกนี้ดีขึ้นดีกว่าเหรอ”
“นั่นสินะคะ บางทีเราก็ควรจะหยุดสู้กันด้วยเรื่องงี่เง่าพวกนี้สักที” โรซาเลียสลายพลังศักดิ์สิทธิ์จากนั้นก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
'ขออภัยที่เข้าใจท่านป้าผิดนะคะ' หญิงสาวกล่าวในใจแล้วเดินตามหลังอีกฝ่ายไปติด ๆ ดูเหมือนว่าเอราเคียจะเลือกร้านอาหารได้แล้ว แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้า อยู่ ๆ ก็มีคนวิ่งออกมาอย่างแตกตื่น
“มีคนตีกัน!”
“หนีเร็ว!
โครม!
พริบตานั้นก็มีคนกระเด็นออกมานอกร้านก่อนจะมีชายอีกคนวิ่งออกมาขยุ้มคอเสื้อคนเจ็บแล้วต่อยหน้าไปสามที ชายคนแรกคว้าข้อมือคู่อริตามด้วยเอาหัวโขกและเหวี่ยงอีกฝ่ายออกไป เมื่อลุกขึ้นได้จึงวิ่งตามไปกระทืบกลับคืนเป็นการแก้แค้น
“ท่านป้า ข้าว่าเราไปร้านอื่นเถอะค่ะ” แม้จะเป็นเรื่องปกติเพราะเธอก็เคยเห็นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่ง ดังนั้นเธอคิดว่าพาเอราเคียไปที่อื่นน่าจะดีกว่า
โรซาเลียรีบพาหญิงสาวเดินเลี่ยงไปทางอื่นแต่ดูเหมือนโชคร้ายจะเลือกพวกเธอเป็นเป้าหมาย เมื่อชายคนหนึ่งหักขาเก้าอี้ขว้างใส่คู่อริ เจ้าตัวหลบทันควันทำให้ไม้พุ่งไปหาร่างบางที่กำลังเดินตามหลังหลานสาวพอดี
“ระวัง!” อีกเสียงตะโกนดังขึ้นก่อนที่ผู้มาใหม่จะพุ่งใส่ผู้ที่เกือบจะเคราะห์ร้ายจนล้มลงกับพื้น ส่วนขาเก้าอี้ก็บินเลยไปหาโรซาเลียแทน แต่เธอชักดาบฟันฉับเดียว ไม้แยกออกเป็นสองท่อนทำให้ตัวเองไม่เป็นอะไร
ทางด้านเอราเคียที่ตอนนี้อยู่ในท่านอนหงาย ส่งผลให้ฮู้ดที่คลุมศีรษะหลุดออก เส้นผมสีดำสยายบนพื้นดิน นัยน์ตาสีแดงโกเมนมองคนที่มาช่วยแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่ขาเก้าอี้ธรรมดาย่อมทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้ว แต่ผู้ชายที่คร่อมอยู่บนตัวเธอก็ยังจะมาช่วยอีก บางทีเพราะเป็นผู้หญิง เขาถึงพุ่งเข้ามา
“เจ้าจะลุกออกไปได้หรือยัง” เธอถามกลับเสียงเรียบพลางจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสดใส ชายคนนั้นเหมือนได้สติก่อนจะรีบลุกขึ้นโดยเร็ว
“ขอโทษด้วย ข้าเหม่อลอยนิดหน่อย” ความจริงแล้วเขาเกิดอะไรชะงักค้างทันทีที่ได้เห็นอีกฝ่ายชัด ๆ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนสวยขนาดนี้มาก่อน ทำเอาเขาเคลิ้มไปเลยทีเดียว
“ถ้าจะทะเลาะกันก็ไปที่อื่น มันเดือดร้อนชาวบ้านนะ รู้ไหม!” ทางด้านโรซาเลียก็เอาดาบชี้หน้าชายสองคนที่ทะเลาะกันจนทั้งคู่ต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ไปกันเถอะ” เอราเคียเดินมาเรียกหลานสาวพลางสวมฮู้ดคลุมศีรษะ “ขอบคุณที่ช่วย ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัว” กล่าวจบก็เดินจากไปพร้อมสาวผมแดงทันที
“เจ้านี่เป็นคนดีจริง ๆ เลโอนาร์ด คนที่เจ้าช่วยเป็นสาวสวยซะด้วย แต่เป็นผู้หญิงที่แปลกชะมัด ถ้าเป็นคนอื่นคงเขินอายไปแล้ว” เพื่อนสนิทที่อยู่ในเหตุการณ์เดินมาตบไหล่ชายผมสีทองก่อนจะชวนคุยกันต่อ “แล้วเจ้าเป็นอะไรอีก มองตามนางไม่กะพริบเชียว”
“ตัวนางนิ่มมากเลย”
“ตื่น ๆ อย่าเพิ่งละเมอ เราต้องรีบเอาสมุนไพรไปให้ท่านหมอนะ ลืมแล้วเหรอ เจ้าบ้า!” เพื่อนร่วมงานตบกะโหลกคู่สนทนาไปทีหนึ่งก่อนจะเดินหนี เลโอนาร์ดจึงรีบเดินตามเพราะใจหนึ่งก็รู้สึกว่าชักช้าไปแล้ว
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มผู้ไร้ความทรงจำก็หันกลับไปมองด้านหลัง ยังดีที่เมืองนี้ไม่มีคนเยอะ บนถนนตอนกลางวันจึงไม่มีคนพลุกพล่านมาก เขาก็เลยเห็นหญิงสาวคนนั้นเดินไปกับผู้หญิงอีกคนได้ชัดเจน อยู่ ๆ ก็เกิดความอยากรู้ว่าพวกเธอจะไปไหน
“เลโอนาร์ด! ไปได้แล้วโว้ย!”
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
สุดท้ายเขาก็ต้องรีบกลับไปทำงานตามเดิม