ตอน 2
“ทำอย่างกับจะได้กิน” เขียดดักคอ
“ไม่ได้กินจับมือ กอด หอม บนเวทีก็ยังดี ตี๋ๆ หล่อๆ ขาวๆ วัยกำลังแรงดีเลยล่ะ โอ๊ยยย ฟิน” อีเพื่อนก็ยังคงดำน้ำไปต่อ
“ฉันจองเจอาร์” เขียดมีเป้าหมายแน่วแน่
จากนั้นอีสี่ชะนีก็แบ่งสันปันส่วนนักร้องกันยกใหญ่ ถามเขาหรือยังเอาพวกมึงไหม บ้ามากับพวกมันทำไม มินตราหันไปทางอื่น พอนักร้องวงนั้นเล่นจบ ก็มีดีเจตะโกนผ่านไมค์ทักทายนักเที่ยว ที่มาเที่ยวเพื่อรวมตัวกันเคาท์ดาวน์ นับถอยหลังขึ้นศักราชใหม่
ความเมาได้ที่ความมึนพอดิบพอดี ความหน้าด้านไล่ตามมา มินตราคนอกหัก เพื่อนทิ้ง ตุ๊ดเมิน กรีดร้องเต้นเย้วๆ ออกไปวาดลวดลาย แซงหน้าอีสี่ชะนีที่เอาแต่จ้องผู้ชาย กะจะหาของกินให้ได้ในคืนนี้สินะ
“นั่นอีเจ๊เมื่อกี้ที่มากับเราหรือเปล่า นางแรดกว่าพวกเราอีก”
“โอ๊ย ปล่อยแกไปเถอะ คงโดนทิ้งจนสติแตก” นางเขียดเบะปากมองบน ไม่ได้สนใจเพื่อนรุ่นพี่ที่เพิ่งเจอตรงข้างทาง แล้วลากมาด้วยเพราะสงสารวันส่งท้ายปีทั้งทีต้องเที่ยวดื่ม และอยู่คนเดียวคงเหงาเอาการ
“กรี๊ดดดดดนั่นๆ มาแล้ว ผัวฉันมาแล้ว วงทรีกายมาโน่นแล้ว” เสียงโห่ กรีดร้อง บ้างดีดดิ้น บางส่งสายตาวาววาม เมื่อวงวัยรุ่นขวัญใจกำลังก้าวขึ้นเวที เพื่อเล่นเป็นวงต่อไป วงนี้มีสามหนุ่ม ทั้งสามสามารถร้องนำ เล่นดนตรีกันได้ทุกคน เจอาร์กีตาร์ร้องนำ อาร์ตเบสร้องนำ คิวกลองร้องนำ หล่อตี๋ทั้งหมดหั่นกันไม่ลง
“โอ๊ยยย !!! ฉันกำลังจะละลายแล้ว เขียดกรีดร้อง ร่างกายแทบแตก เมื่อความชอบ ความปลื้มแผ่อำนาจของมัน ความโกลาหลเกิดขึ้น ทุกคนต่างดีดดิ้นกรูกันไปหน้าเวที เพื่อขอจับมือ แตะต้อง ลวนลาม ดึงทึ้ง นักร้องหนุ่มวัยใสทั้งสาม วงเล็กๆ ที่เล่นในผับ เป็นที่นิยมสูงสุด มากกว่าวงดังๆ ที่ออกผลงานกับค่ายเพลงดังหลายวงซะอีก
เจ๊มิ้นยังเต้นโบกสะบัดทั้งที่ยังไม่มีเพลง เนื่องจากดีเจกล่าวต้อนรับวงทรีกาย เธอค่อยๆ หันไปตามเสียงไม่ใช่อะไรก็แค่ขัดใจที่เพลงสนุกถูกปิด ตามมาด้วยเสียงดีเจพูดอะไรไม่รู้ยืดยาว น่ารำคาญ คนจะเต้น คนจะปล่อยความบ้า ที่โดนเพื่อนๆ ทิ้ง ในวันส่งท้ายปี ขัดจังหวะอยู่ได้ไร้สาระ
“อีกไม่กี่ชั่วโมงจะเข้าสู่ปีใหม่ ทำไมฉันต้องมาเที่ยวคนเดียว แถมต้องฟังเสียงน่ารำคาญพวกนี้อีก” ในจังหวะที่มินตราหันไปตามเสียงกรีดร้อง “อีกพวกผีไม่มีศาล กรี๊ดๆๆ อย่างกับโดนน้ำร้อนลวก” ปากพร่ำบ่นไปเรื่อยอารมณ์เสียจากการถูกขัดจังหวะการเต้นกินพื้นที่ ในช่วงจังหวะนั้นเอง ที่มินตราเห็นดวงหน้านักร้องหนุ่มน้อย หน้าอ่อน ดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายถูกตรึงนิ่งงัน อ้าปากหวอรอยุงบินเข้าไปวางไข่ “หล่อตี๋อินเตอร์” เผลอครางเสียงหลุดจากปาก มาดอีเจ๊โดนทิ้งซะหลุดลุ่ย
“นั่นวงอะไรวะไบรโอนี” มินตราขยับไปถามเขียด ดิ้นพล่านเป็นชะนีโดนน้ำร้อนลวกอยู่หน้าเวที เอ่ยถามเพราะไม่รู้จริงๆ นึกว่าซาลาเปามา ขาวอิ่ม น่ารักตามวัยหนุ่มน้อยซะขนาดนั้น ถามว่าใครหล่อสุด ก็คงไอ้ตี๋น้อยตาตี่ๆ ที่ทำหน้าที่มือกีตาร์นั้นละ ทว่าปกติมินตราไม่คิดชอบเด็ก ยุคสมัยนี้เปลี่ยนไป ผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ ค่อนไปหาวัยสาวใหญ่ นิยมกินเด็กเป็นยาอายุวัฒนะ เธอยังไม่กล้ากิน เชื่อว่ารสดีอูมามิ แต่ยังกระเดือกไม่ลงเดี๋ยวเด็กมันถอนหงอกเอา
“เอ้า...เจ๊ก็วงทรีกายไง ที่หนูอยากมานั่งมองเสยไข่อีตาเจอาร์มือกีตาร์ไง ลืมง่ายจัง คืนนี้นเจ๊เผื่อโชคดีได้ไปกินสักครั้งใจชีวิต ดูสิ หล่อขาวทั้งสามคนเลยอ๊ะ แต่หนูจองเจอาร์ น่าหม่ำ น่าฟัดมาก เจ๊อย่าแย่งหนูนะ”
“เออ...เอาไปเถอะอีเขียด คืนนี้ฉันแค่อยากปลดความเศร้าที่โดนทิ้งเท่านั้นยะ ไม่เกี่ยวกับการหาของกิน เหม็นเขียว” มินตราเมินเด็กหนุ่มตี๋หล่อหน้าขาว ผิวขาว เชื่อถอดเสื้อออก อุ๊...คงขาวมาก
“งั้นเจ๊ ก็เมาของเจ๊ไป คนนี้หนูขอ” เขียดใช้สองนิ้วชี้สองตาตัวเอง แล้วชี้ไปทางหนุ่มนักร้องตี๋หล่อเป้าหมายของมัน
“เออ...เมาจริงๆ มึนมากตอนนี้ อยากอ้วกก็อ้วกไม่ออก พะอือพะอม” มินตราทำท่าโก่งคอ
“เจ๊พะอืดพะอม แต่เขียดอยากอมของเจอาร์” อีนี่มันแรงของจริง
“อีนี่แรงของจริง เด็กสมัยนี้ฉันอายเลย” สนทนาปราศรัยกันจบ มินตรามองขึ้นไปบนเวที เธอไม่ได้สนใจนักร้องมากกว่า การละลายความเหงาในคืนส่งท้ายปี ที่ไม่มีเพื่อนๆ คอยอยู่เคียงข้างอย่างเช่นทุกปี ปีนี้ช่างเป็นปีห่อเหี่ยว พอชมโฉมนักร้องที่เหล่าชะนีเด็กกรี๊ดคอแตก เธอเดินย้อนกลับไปนั่งตรงโต๊ะ ปล่อยให้พวกนั้นกรีดร้องโหยหวนไปตามเรื่อง
“น้องๆ ขอเครื่องดื่มให้พี่หน่อย” หญิงสาวในคืนเหงาสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม อยากเมาให้หัวทิ่มจะได้ลืมความเหงา ลืมเพื่อนที่ทิ้งไป ลืมผู้ชายที่จากลา
ดื่มไปหลายแก้ว หลายขนาน คราวนี้คนขี้เหงาในคืนกำลังจะข้ามปี เมาได้ที่ ความหน้าด้าน ความกล้า วิ่งปราดเข้าสู่ร่างกาย มองเห็นช้างตัวเท่าหมู เห็นหมูเท่ามด ด้านขึ้นหลายกอง
“ว๊าย !!! นั่นอีเจ๊ขี้เหงานี่หว่า” เขียดร้องกรี๊ด เมื่อเห็นคนคุ้นหน้าทำอะไรที่คนแรดอย่างหล่อนไม่กล้าทำ
“ต๊าย เห็นหงิมๆ ดูสูงวัย กระโดดขึ้นเวทีซะงั้น”
อีเจ๊มินตรานัวเนียนักร้องหนุ่มมือกีตาร์ ร้องเย้วๆ ขาดสติ ราวกับคนบ้าหลุดมาจากโรงพยาบาลศรีธัญญา นักร้องหนุ่มยิ้มแหย่ๆ ไม่ได้ด่า ไม่กล้าว่า คือลูกค้าของทางร้าน ได้แต่เอนตัวหนีการนัวเนียถึงเนื้อถึงตัว
“พ่อหนุ่ม ร้องเพลงเพราะนะไปร้องให้เจ๊ฟังที่บ้านไหม” นิ้วเรียวอ่อนแรงเพราะฤทธิ์เครื่องดื่ม ยกขึ้นพยายามแตะแก้มเนียนของหนุ่มน้อย ฝ่ายนักร้องหนุ่มได้แต่หลบหลีกหนีการรุกรานของป้าจรจัด
เพื่อนๆ นักร้องหนุ่มเป็นห่วง ต่างมองด้วยสายตาอยากเข้าไปถีบอีเจ๊จอมลวนลามตกเวที แต่ถ้าทำอย่างนั้นคงมีเรื่องกันยาว ระงับๆ สิ่งที่พวกนักร้องวัยหนุ่มน้อยท่องอยู่ตลอดเวลาการแสดง
“ปากน่าจูบจังพ่อหนุ่ม” มินตรารู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้างผสมกันไป แต่เจ้าเด็กคนนี้มันก็หล่อสมกับที่นางชะนีเด็กแรด สั้นเสมอหูว่าจริงๆ ก็ในตอนตาลายอะไรก็ดีไปหมด ที่ไม่ชอบเปลี่ยนมาชอบกระโดดขึ้นเวทีมาแทะโลมได้
คราวนี้เสียงโวยวายดังขึ้นบ้าง เชียร์เจ๊ขี้เหงาและเมาปลิ้นบ้าง
“เจ๊ๆๆ เผื่อหนูด้วย หอมเผื่อหนูด้วยเจ๊ กอดด้วย” เสียงเชียร์ดังอยู่ด้านล่างเวที คนที่กำลังออกศึกมักฮึกเหิม ก้าวประชิดตัวนักร้องหนุ่มน้อย ทำท่าจะจูบ จะหอม อ้าแขนไล่ต้อนเพื่อจะเอากอด แต่นักร้องหนุ่ม ไม่ยอม จึงวิ่งไล่กันทั่วเวที ขณะที่ต้องร้องเพลงไปด้วย เล่นกีตาร์ไปด้วยหายนะของจริง กับอีป้าขี้เมา ว่าแต่ไม่มีเพื่อนไม่มีญาติมาด้วยเหรอเนี่ย วันส่งท้ายปีแบบนี้ ใครเขาเที่ยวคนเดียวบ้าง
เจอาร์มองอีป้าจรจัดอย่างงงงวย เขากำลังพยายามรักษาตัวรอดจากมือ ปาก และร่างกายอีป้าจอมหื่นหวาดหวั่น
“ไปกับเจ๊ไหมจ๊ะ คืนนี้เจ๊ว่าง เหง๊าเหงา โดนเพื่อนทิ้ง แฟนเลิก โอ๊ยยยย สารเลวทั้งเพื่อนทั้งแฟน ไงสนใจมั้ย” เสียงยานๆ ถามนักร้องหนุ่ม
น้องร้องหนุ่มร้องเพลงต่อจนตบเพลง ซ้ำต้องระวังตัวเอง กระทั่งการ์ดของร้านต้องกระโดดขึ้นเวที พานักเที่ยวเมามั่ว ออกจากร้านเพื่อไปสงบสติอยู่นอกร้าน
“โอ๊ยยย ทำอย่างนี้กับลูกค้าได้ยังไง” มินตราโวยลั่นไม่ลืมหูลืมตา
“คุณรบกวนนักร้อง”
“อ้าว...รบกวนยังไง ก็แค่ขึ้นไปร่วมสนุก”
“นั่นสนุกเกินไปครับ ถ้าเมาก็กลับบ้านไปเถอะครับ ผมขอร้อง”
“รังแกลูกค้า ฉันไม่ไว้หน้าแน่ รู้ไหมฉันลูกใคร”
“ผมไม่รู้ครับ ผมทำหน้าที่การ์ดของร้าน”