TRICK 5
“มาด้วยกันด้วย อะไรยังไงค๊าาาาาาา~” เมื่อทิชาก้าวขาเดินไปยืนใกล้ๆ ซุ้มของรุ่นน้อง เสียงแซวของบีน่าก็ตะโกนขึ้นมาจนทำให้คนรอบๆ ข้างหันมาให้ความสนใจจนมีเสียงซุบซิบเกิดขึ้น
“นั่นสิทิชา มากับแพทย์หนุ่มสุดฮอตเพื่อนของพวกผมได้ยังไงเนี่ย” มาร์คเพื่อนของพันไมล์เอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างทั้งสองคน ช่วยเพื่อนของเธอคาดคั้นเอาคำตอบเต็มที่
“พันไมล์มาที่คณะบริหารเลยเดินมาด้วยกัน”
“ไอ้ไมล์มึงไปคณะบริหารทำไม มึงเรียนแพทย์นะ”
“ไม่อยากให้เดินมาคนเดียว เลยไปรอรับทิชา”
“กรี๊ดดดดดด~ บ่งบอกถึงความใส่ใจสุดๆ” ทิชากลอกตาไปมาให้กับท่าทางของเพื่อนที่เล่นใหญ่จนเกินเบอร์ ก่อนจะหันไปกระทุ้งศอกใส่คนข้างๆ ที่พูดชวนให้เพื่อนได้กรีดร้องกันไปมากกว่าเดิม
“เอาใหญ่”
“ทำร้ายว่าที่หมอมันบาปนะครับ”
“เดี๋ยวจะตีว่าที่หมอด้วย”
“จะมาจีบกระหนุงกระหนิงอะไรตรงนี้ยะ กลัวคนอื่นเข้าไม่อิจฉาตาร้อนหรือไง…แกก็เข้ามาที่ซุ้มได้ละ เป็นสาวเป็นแส้” เอนจอยกวักมือเรียกทิชาที่ยืนอยู่ข้างนอกกับพันไมล์พร้อมกับพูดเชิงปรามเหมือนมีอะไรเข้าสิงทั้งที่ก็รวมหัวกันตั้งแต่แรก
“เอนจอยรับบทแม่ทิชาเหรอ”
“รับบทเป็นแม่ของลูกทัชได้ไหมล่ะ เราพร้อมนะ”
“เรามาหาแฟนให้เพื่อนเฉยๆ อะ ไม่ได้มาหาแฟนเอง”
“เราปวดใจนะ” เอนจอยที่โดนปฏิเสธล้มตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรงพร้อมกับกุ้มหน้าอกข้างซ้ายตัวเองไว้
“ทำเพื่อนเราอกหักเหรอทัช” ทิชาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนเข้มนิดๆ ตั้งใจแกล้งอีกฝ่ายให้ดูเหมือนเธอกำลังไม่พอใจ
“เฮ้ย! เปล่านะทิชาเราแกล้งเอนจอยเล่นเอง”
“งั้นเดี๋ยวเราแกล้งพันไมล์บ้างดีปะ”
“ทิชาไม่เกี่ยวกับเราเลยนะ” คนโดนพาดพิงรีบออกตัวก่อนกลัวว่าจะโดนหางเลขไปด้วย ทิชาขยิบตาหนึ่งทีเชิงบอกว่าเธอไม่ได้จริงจัง ก่อนจะเดินเข้าไปในซุ้มของรุ่นน้องแล้วมีนักศึกษากลุ่มนึงเดินผ่านมาพอดี
แววตาคมกริบจากใครคนนึงจ้องมายังเธออย่างไม่ละสายตา แม้ว่าเพื่อนของเขาจะเดินผ่านไปแล้วก็ตาม ทิชาเลือกที่จะไม่สนใจ แล้วมาช่วยเพื่อนขายน้ำดื่มแทนจนอีกฝ่ายเดินตามเพื่อนไปจนลับสายตา
เธอรู้สึกประหลาดใจมากที่ช่วงนี้เจอคนอันตรายแหน่งคณะนิเทศบ่อยๆ ทั้งที่เรียนมาเกือบสี่ปีไม่เคยได้พบเจอเขาตรงๆ เลยสักครั้ง แถมอีกฝ่ายยังจ้องเธอราวกับว่าเธอไปทำอะไรให้กับเขาอย่างนั้นแหละ
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง~ เสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์ของทิชาดังขึ้น ทำให้เธอเลี่ยงมานั่งข้างหลังของซุ้มแล้วเปิดข้อความอ่าน
LP : สวัสดีครับคุณครู
TICHA : สวัสดีค่ะคุณเลปกร
LP : พอดีว่าผมอยากจะขอเลื่อนนัดจากวันจันทร์หน้าเป็นวันศุกร์นี้ได้ไหมครับ
TICHA : วันศุกร์คิวเต็มแล้วค่ะ ถ้าเป็นวันเสาร์คุณเลปกรสะดวกไหมคะ
LP : สะดวกครับ เวลาเดิมหรือเปล่าครับ
TICHA : ตามที่คุณเลปกรสะดวกเลยค่ะ
LP : งั้นผมขอเป็นช่วงบ่ายสองนะครับ
TICHA : ด้วยความยินดีค่ะ
“คุยกับใครครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาชะโงกหน้าเข้ามาในซุ้มขายข้าวโพดอบเนยของรุ่นน้องที่ทิชานั่งอยู่ ก่อนจะยื่นแก้วกระดาษทรงสูงที่มีน้ำแอปเปิลโซดาของโปรดคนตัวเล็กพร้อมกับประดับด้วยเยลลี่เข็มฉีดยา
“ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนค่ะ”
“เป็นผู้ชายเหรอครับ”
“คิดว่าใช่นะ” ทิชาตอบพร้อมกับยกน้ำที่รับมาจากพันไมล์ขึ้นมาดื่ม
“อยากเรียนว่ายน้ำกับครูทิชาบ้างจังเลยครับ”
“ไม่อยากสอนผู้ใหญ่ค่ะ ดื้อ”
“แต่เราจะเป็นเด็กดีกับทิชานะ”
“ไม่เชื่อหรอก” ทิชาส่ายหัวน้อยๆ ตอบกลับไป
“พูดจริง”
“ว่ายน้ำเป็นแล้วยังจะเรียนอยู่อีกเหรอ”
“รู้?”
“รู้สิ เราเคยเห็นไมล์ลงว่ายน้ำของคณะแพทย์น่ะ”
“ว้าาา~ ความแตก” ทิชากลั้วหัวเราะกับคำพูดของชายหนุ่ม ก่อนที่เธอกับเขาจะพูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วไปรวมไปถึงแลกเปลี่ยนเรื่องส่วนตัวของกันและกัน
อีกด้าน…
ดวงตาคมกริบมองเจ้าของใบหน้าสะสวยในชุดนักศึกษาถูกระเบียบแต่กลับมีเสน่ห์ชวนมองเสียเหลือเกินเขาใช้เวลานานนับสองชั่วโมงรอเวลาให้หญิงสาวกลับไปที่รถของเธอ
“มึงจะไปไหนไอ้แปง”
“กลับบ้าน” พูดจบเขาก็ลุกจากเก้าอี้ม้าหินอ่อน แล้วสาวเท้าเดินตามทิชาที่กำลังเดินกลับไปที่คณะบริหารจนกระทั่งหญิงสาวหยุดเดินไปเสียดื้อๆ แล้วหันกลับมามองเขาราวกับรู้ว่ามีคนเดินตาม
“นายเดินตามฉันเหรอ”
“แล้วคิดว่ายังไงล่ะ”
“เดินตามฉันทำไม มีอะไรหรือเปล่า” ทิชาถามพร้อมกับขมวดคิ้วถามคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ หลายวันที่ผ่านมาเขาวนเวียนมาให้เธอเห็นหน้าจนเกิดความคาใจ
“…” ลูแปงไม่ตอบอะไร แต่ค่อยๆ ก้าวขาเดินไปหาร่างเล็กอย่างช้าๆ แต่อีกฝ่ายกลับก้าวถอยหนี
“ถ้าไม่มีอะไร ฉันไปก่อนแล้วกัน”
“ฉันชื่อลูแปง”
“…” เท้าเล็กที่กำลังจะก้าวขาเดินต่อก็ต้องชะงักกึกแล้วหันกลับไปหรี่ตามองคนข้างหลังด้วยความงุนงง ทำไมเขาถึงแนะนำตัวทั้งที่คนอย่างเขาไม่มีใครไม่รู้จัก
“เอาไลน์เธอมาหน่อย”
“นายจะเอาไปทำไม”
“ฉันบอกให้เอามาก็เอามาเถอะ อย่าถามเยอะ”
“แต่เราไม่มีอะไรจะต้องคุยกันนะ”
“เดี๋ยวก็มี…” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ราคาแพงของตัวเองให้กับร่างแบบบางตรงหน้า
“ฉันไม่ให้ไลน์คนแปลกหน้า ขอโทษด้วย” ทิชากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แล้วก้าวขาเดินมาที่รถตัวเองจนกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นวิ่งเร็วขึ้น เมื่อลูแปงยังคงตามเธอมาที่รถราวกับสตอล์กเกอร์
พรึ่บ! เพียงไม่กี่ก้าวร่างสูงก็ประชิดตัวทิชาได้สำเร็จ มือหนารั้งเอวเล็กไว้ด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะดันแผ่นหลังบางแนบชิดกับประตูรถ
“ลูแปง!”
“ฉันอุตส่าห์พูดดีๆ ด้วยแล้วนะ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าไปกระซิบกระซาบข้างใบหูเล็ก ก่อนที่แผงอกแกร่งจะถูกดันด้วยสองมือบอบบาง
“ถอยออกไป นี่มหาลัยนะ” เจ้าของร่างกายหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตรพยายามเบือนหน้าหนีใบหน้าของคนตัวโตที่สูงกว่าเธอราวๆ หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร แต่อีกฝ่ายกลับแรงเยอะกว่าแล้วใกล้ชิดเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
“งั้นเหรอ แต่ดูเหมือนตรงนี้มันจะมืดจนมองอะไรไม่เห็นแล้วนะ” รอยยิ้มกวนประสาทบนใบหน้าของลูแปง ทำทิชารู้สึกโมโหกับท่าทางไม่สนใจอะไรของเขาเสียจริงๆ
“ปล่อยฉัน”
“อยากให้ปล่อยตรงไหนดีล่ะ…มือนี้” ร่างสูงเลิกคิ้วถามพร้อมกับบีบหัวไล่มนเบาๆ ก่อนที่จะถามอีกครั้งและบีบบริเวณเอวคอดด้วยแรงที่ไม่มากนัก “หรือมือนี้ดี”
“ปล่อยทุกมือแล้วเอาโทรศัพท์นายมา”
“อะ ถ้าไม่ใช่ไลน์จริง ฉันจะมาหาอีกรอบ”
“อือ” ทิชากระแทกเสียงมองค้อนใส่คนตัวสูง กดไอดีไลน์ของตัวเองใส่ในโทรศัพท์ของลูแปง แล้วยื่นคืนกลับไป “รับคืนไปสิ”
“พูดง่ายแต่แรกแค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” ไลน์ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่เขาเข้าหาทิชา เขาแค่หาเรื่องมาแกล้งคนตัวเล็กก็เท่านั้น
“ถอยไปได้แล้วฉันจะกลับบ้าน”
“ครับ แล้วเจอกัน” ลูแปงทิ้งท้ายด้วยการโน้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างใบหูเล็กอีกครั้ง แล้วจึงก้าวถอยหลังห่างออกมาจากรถของคนตัวเล็กแล้วยืนมองจนเธอขับรถออกจากมหาวิทยาลัยไป
มือหนาแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ เมื่อเผลอนึกถึงเรื่องบางอย่างในหัว เพียงแค่นึกก็แทบจะรอให้ถึงเวลานั้นไม่ไหว “ตัวยังหอมขนาดนี้ ตรงอื่นจะหอมเหมือนกันหรือเปล่า”