EP18 แลกด้วยศักดิ์ศรี
EP18
.
.
.
วันต่อมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นในช่วงสายของวันถัดมาร่างหนาบนเตียงถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย อาการหนักอึ้งจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ยังคงหลงเหลืออยู่ ตั้งแต่เลิกกับไอติมแมทก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง เขาดื่มหนักเพื่อจะไม่ให้คิดเรื่องของคนตัวเล็กแต่กลับไม่เป็นผล เพราะยิ่งคิดเรื่องของไอติมมันก็ยิ่งทำใจไม่ได้กับการจากลาครั้งนี้…
"พี่แมทคะ คุณพ่อให้ขึ้นมาเรียกค่ะ"
"…" ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรทำเหมือนเสียงของนํ้าหวานเป็นดั่งอากาศ
"หลับหรอคะ หนูขอเข้าไปนะคะ"
"…" น้ำหวานไม่ได้ยินเสียงแมทตอบกลับมาอีกเช่นเดิม เธอจึงผลักประตูเข้าไปข้างในก็เห็นร่างหนานอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียง
"พี่แมทคะ ได้ยินหนูเรียกรึเปล่า" มือบางสะกิดเข้าที่ไหล่หนาหวังจะปลุกให้ชายหนุ่มตื่น กลิ่นแอลกอฮอล์จากร่างหนาลอยแตะปลายจมูกเชิดรั้น
"เอามือออกจากตัวฉัน" เสียงนิ่งเอ่ยขึ้นแล้วสะบัดแขนเรียวออก ทำให้นํ้าหวานรู้ว่าแมทไม่ได้หลับ
"คุณพ่อกับคุณแม่หนูมาเยี่ยมค่ะ" เสียงหวานตอบแล้วก้าวถอยออกมาจากบริเวณเตียง แม่มักจะมองเธอด้วยสายตานึกรังเกียจเสมอ น้ำหวานจึงรักษาระยะห่างของตนเองเอาไว้
"ฉันไม่ได้เป็นอะไร" ตอบแค่นั้นก็ตวัดสายตามองอย่างนึกรำคาญ
"แต่…"
"ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง?"
"ค่ะ" น้ำหวานขานตอบเสียงแผ่วเบาแล้วจำใจเดินออกจากห้องในตอนที่ร่างกายเดินมาหยุดหน้าประตูแมทก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"แล้วเรื่องเมื่อคืน หุบปากเอาไว้ด้วย"
"หนูไม่คิดจะบอกใครอยู่แล้ว"
"ฉันเอาแค่ตัวเธอ ไม่ได้รัก อย่าเข้าใจเองว่าฉันจะคิดอะไรกับเธอ"
"…" ปากบางเม้มเข้าหากันแน่น เธอนึกว่าแมทจะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้แล้ว
เรื่องมันมีอยู่ว่านํ้าหวานเข้าไปตามแมทในห้องเก็บไวน์ก็พบว่าเขานั่งดื่มอยู่เพียงลำพังแล้วระบายเรื่องทุกอย่างออกมา โทษเธอที่ไม่ยอมถอนหมั้นไป นํ้าหวานทนรับฟังมันเอาไว้แล้วจำใจพาคนตัวโตกลับมายังห้อง แต่มันก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้แมทเข้าใจว่าเธอเป็นไอติม เขารังแกว่าที่คู่หมั้นและทุกครั้งที่เปล่งเสียงออกมาจากความเสียวชื่อของผู้หญิงคนนั้นก็คือไอติม นํ้าหวานไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ขาของเขาไม่ได้เป็นอะไร ทุกอย่างมันเป็นปกติ...
"ฉันยังยืนยันว่าไม่อยากหมั้นกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักอย่างเธอ"
"รู้แล้วค่ะว่าพี่ไม่ได้รักหนู หนูไม่คิดจะเรียกร้องอะไรอยู่แล้ว"
"รู้แล้วก็ออกไปสิ ฉันไม่อยากมองหน้าเธอ"
"…" นํ้าหวานไม่ได้แม้แต่จะหันกลับไปมอง เธอเปิดประตูออกมายังด้านนอกพร้อมกับความเจ็บปวด เจ็บกับทุกคำพูด เจ็บกับการที่ต้องทนรับฟังอะไรแบบนี้อยู่ทุกวันแค่เริ่มต้นมันยังแย่ขนาดนี้แล้วต่อไปมันจะแย่ขนาดไหน
"ตาแมทล่ะหนูหวาน?" กรัตเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินลงมาตามบันไดด้วยสีหน้าฝืนยิ้ม
"พี่แมทไม่สบายค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว หนูไม่อยากกวนเลยปล่อยให้พี่เขานอน"
"แบบนี้คุณนีกับคุณธรก็มาเสียเที่ยวเลยสิคะ" เธอหันไปพูดกับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงของน้ำหวาน
"ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าเรามาเยี่ยมและคุยเรื่องหมั้นไปด้วย" ภาวินีย์ตอบด้วยรอยยิ้ม นํ้าหวานจึงเดินไปหย่อนตัวนั่งลงข้างผู้เป็นแม่
"ตอนนี้ข่าวก็หายไปแล้ว ไม่ได้โยงอะไรถึงตาแมทกับหนูหวาน ผมอยากเลื่อนงานหมั้นเข้ามาให้เร็วกว่าเดิมคุณภาคินจะว่ายังไงบ้างครับ" วรินธรถามภาคินที่กำลังนั่งจิบกาแฟฟังบทสนทนา
"ได้ตามที่ต้องการเลยครับ ไหนๆหนูหวานก็ย้ายเข้ามาอยู่แล้วเพื่อเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิงด้วย"
"งั้นเราก็ตกลงตามนี้เลยนะครับ ผมจะได้จัดการเรื่องสถานที่"
"ครับคุณธร"
"หนูหวานก็อย่าลืมบอกพี่แมทด้วยนะลูก พี่เขาจะได้ทราบเรื่อง" กรัตหันหน้าไปคุยกับน้ำหวานที่สีหน้ากำลังซีดเผือด แบบนี้แมทคงคิดว่าเธอเอาเรื่องอาการหลังอุบัติเหตุไปบอกผู้ใหญ่แน่นอนเรื่องงานหมั้นถึงได้เลื่อนขึ้นมาเร็วกว่าเดิม
"พี่แมทยังเดินไม่ได้เลยนะคะ หนูว่าเราเอากำหนดเดิมหลังพี่แมทหายดีกว่า"
"งานหมั้นให้พี่เขานั่งบนรถก็ได้ ไหนๆพิธีก็ต้องนั่งอยู่แล้ว จริงไหมคะคุณภาคิน" ภาวินีย์ต้นคิดเรื่องนี้หันไปคุยกับภาคินแล้วส่งสายตาไม่พอใจส่งให้ลูกสาวเพียงคนเดียว ทำให้น้ำหวานรีบหลบสายตา
"ไม่เป็นไรหรอกหนูหวานก็ถูกเหมือนที่แม่หนูพูด"
"ใช่ค่ะ" กรัตตอบเห็นด้วยกับสามีทำให้นํ้าหวานไม่มีโอกาสได้พูดอะไรออกไปอีกแล้ว เธอต้องเป็นคนบอกเรื่องนี้กับแมทและอธิบายให้เขาเข้าใจแต่มันคงยากหน่อยเพราะหน้าเธอแมทยังไม่อยากมอง ยิ่งได้รู้เรื่องเลื่อนงานหมั้นคงจะเกลียดน้ำหวานมากกว่าเดิม
.
.
.
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์หลังจากเมื่อคืนที่ได้เจอกับลิสท์เจมไอติมก็นอนไม่หลับทั้งคืนกับคำพูดของเขา เธอนั่งแท็กซี่กลับมาทำแผลที่ห้องของตนเองโดยที่ไม่ได้บอกเรื่องนี่กับมิวเพราะกลัวว่าเพื่อนเป็นห่วง ในตอนที่สายตาหมองเศร้าจ้องมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องนํ้าเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ไอติมละสายตามองแล้วเอื้อมหยิบขึ้นมากดรับสาย
"สวัสดีค่ะ ไอติมพูดสายค่ะ" ปากบางเอ่ยบอกแล้วพยุงตัวเองออกมาจากห้องน้ำ
(ฉันผู้จัดการร้าน SG มาเจอกันที่นี้หน่อย)
"งานของหนูเริ่มช่วงดึกไม่ใช่หรอคะ" เธอถามออกไปอย่างสงสัยแล้วหย่อนตัวเองนั่งลงยังหน้ากระจก บนตัวมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันรอบอก เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยดูดอย่างน่าเกลียดปลายนิ้วสะอาดไล่แตะเบาๆพลันเหตุการณ์เมื่อคืนก็ย้อนเข้ามาในหัว หลังจากที่ลิสท์เจมเดินออกจากห้องไปไอติมก็เอาเศษแก้วออกแล้วฉีกเศษผ้าจากชุดพันรอบเท้าเรียวแน่น ยังดีที่เศษแก้วไม่ได้เข้าลึกเพราะเธอไม่ได้เน้นแรงหมดแผลจึงไม่ค่อยลึกมากแต่เลือดออกเยอะเนื่องจากแผลเฉือนเป็นทางยาว
(ฉันให้เธอมาเพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย)
"เรื่องสำคัญ…" เธอทวนเบาๆ
(ถ้าอยากสบายและมีเงินใช้ไม่ต้องลำบากแบบนี้ก็มาหาฉันที่ห้องชั้นบนสุดไม่เกินเที่ยง)
"ค่ะ หนูจะไป"
(โอเค ฉันจะรอ)
พูดคุยกันจบปลายสายก็ถูกตัด ไอติมรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเธอไม่อยากฝืนเดินมากจึงใช้รถเข็นเพื่อช่วยตัวเองไปก่อน จนกระทั่งมาถึงจุดมุ่งหมายผับ SG ที่เธอพึ่งเข้ามาทำงานแค่เมื่อคืน ไอติมเคลื่อนรถเข็นมายังลิฟต์เพื่อจะมายังชั้นบนสุดของร้านที่ผู้จัดการอยู่ พอลิฟต์เปิดออกคนตัวเล็กก็เข้าไปอยู่ข้างในแล้วกดเลขชั้นไม่นานก็มาหยุดอยู่หน้าห้องของผู้จัดการ
"เข้ามาสิ" เสียงของเจ้าของห้องเอ่ยขึ้น ไอติมจึงผลักประตูเข้าไปข้างในไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
"สวัสดีค่ะ"
"เท้าเป็นอะไรล่ะ ถึงต้องนั่งรถเข็น" ปากถามสายตาก็หลุบมองเช็คในมือไปด้วย
"เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ ผู้จัดการมีธุระอะไรจะคุยกับหนูหรอคะ"
"มีแขกสนใจเธอ"
"…" ไอติมฉายสีหน้างุนงงเล็กน้อยแล้วสบตากับคนตรงหน้า
"คงไม่ต้องอธิบายใช่ไหมว่าสนใจแบบไหน"
"ค่ะ"
"แล้วสนใจรึเปล่า"
"ใครสนใจหนูหรอคะ"
"แขกคนแรกที่เธอเข้าไปหา"
"ไม่ใช่…แขก VIP คนนั้นใช่ไหมคะ"
"ลองคิดดูสิว่าแขกคนแรกของเธอคือใคร" คำถามนั้นทำให้ไอติมครุ่นคิด แขกคนแรกที่เรียกเธอเข้าไปหาคือผู้ชายหน้าตาดีคนนั้น
"เข้าใจแล้วค่ะ"
"เธอปฏิเสธไม่ได้แล้วนะ ฉันรับเงินจากแขกแล้ว นี้เป็นจำนวนเงินที่เขาซื้อเธอ" ว่าแล้วก็ยื่นเช็คมาตรงหน้าไอติม ดวงตาคู่สวยหลุบมองก็พบจำนวนเงินเจ็ดหลัก
"มันเยอะขนาดนั้นเลยหรอคะ" ปากบางถามออกไปอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง มันเยอะจนสามารถทำให้ครอบครัวเธอสุขสบายได้
"ใช่ ไม่เคยมีแขกคนไหนทุ่มเงินซื้อเด็กในร้านเราเยอะขนาดนี้"
"…"
"รับไปสิ ยังจำสัญญาที่เซ็นก่อนเข้ามาทำงานได้รึเปล่า" คำถามนั้นทำให้ไอติมแทบจะลืมนึกถึงก่อนจะเข้ามาทำงานที่นี้มีสัญญาฉบับหนึ่งระบุให้เซ็นและข้อสุดท้ายมันก็เขียนว่าเด็กทุกคนในร้าน SG จะปฏิเสธงานที่แขกเสนอมาไม่ได้หากไม่ทำตามกฎจะต้องนำเงินค่าปรับมาจ่ายทางร้านเป็นจำนวนหกแสน เธอคิดภายในใจพร้อมกับลอบกลืนนํ้าลายลงคออย่างยากลำบาก
"…" งานที่ว่านี้เหมือนคำที่ลิสท์เจมเคยด่าทอให้เธอไม่มีผิด เธอมันก็ไม่ต่างอะไรจากผผู้หญิงขายตัว
"ฉันไม่ได้บังคับนะ แต่ก่อนเข้าทำงานเธอคงทำใจและยอมรับทุกอย่างได้ ถ้าไม่อยากรับข้อเสนอของลูกค้าก็เสียค่าปรับหกแสนมาก็พอ" หกแสนแบบนั้นหรอ มันมากเกินไปก่อนจะเซ็นเธอไม่คิดว่าตนเองจะเป็นที่สนใจของแขกเพราะหุ่นและหน้าตาที่ไม่ได้เทียบติดคนอื่น แต่มันกลับผิดคลาดสถานการณ์ตอนนี้เหมือนมัดมือชก ถ้าไม่รับก็ต้องจ่ายเงินหกแสนซึ่งเธอไม่มีเลยสักบาทเดียว หมดแล้ว ทางเลือกของเธอมันตันไปหมดทุกทางแล้ว…
"หนู…"
"บางทีมันก็อาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดก็ได้นะ ลองดูหน่อยไม่เสียหาย"
"หนู…ตกลงค่ะ" สิ้นเสียงพูดผู้จัดการร้านก็ยัดเช็คเงินสดสามล้านใส่มือบาง ไอติมมองมันด้วยหัวใจที่เต้นระรัว มันอาจจะดูแย่ในสายตาคนอื่นแต่ชีวิตนี้เป็นของเธอขอลองเลือกเอง กำหนดมันเอง ถึงจะแลกด้วยศักดิ์ศรีแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความสุขสบายของครอบครัวสิ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่ในชีวิตแค่นั้นมันก็ทำให้เธอมีความสุขแล้ว ชีวิตนี้ไม่ขอผูกมัดกับใครอีก เจ็บมามากพอแล้ว…
.
.
.
นึกให้ดีนะน้องติมว่าแขกคนแรกที่จองก่อนคือใคร?
