EP13 อย่ารนหาที่ตาย
EP13
.
.
.
คฤหาสน์
"กลับมาแล้วหรอ" ในตอนที่คนขับแท็กซี่พาแมทลงจากรถที่จอดอยู่หน้าประตูเข้าบ้านในช่วงสายของวันเสียงของภาคินก็เอ่ยขึ้น
"คุณพ่อมีธุระอะไรรึเปล่าครับ" ชายหนุ่มเอ่ยถามแล้วคนรับใช้ในบ้านก็เข้ามาช่วยเคลื่อนรถเข็นให้
"วันนี้หนูหวานย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเรา จะมาดูแลแกที่นี้"
"ผมรู้แล้ว" แมทขานรับเพราะตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลภาคินก็คอยยํ้าแต่เรื่องนี้
"รู้แล้วหายไปแบบนี้หรอ?" ภาคินยังคงซักถามลูกชายตนเองต่อ ทำให้แมทถอนหายใจแล้วเบือนสายตามองไปทางอื่นด้วยความเบื่อหน่าย
"ผมออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ"
"สวนบ้านเราก็มี ไม่ใช่ไปทำอย่างอื่นหรอ"
"แล้วพ่อคิดว่าผมทำอะไรล่ะ"
"ฉันเคยเตือนแกแล้วนะ" ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินเข้ามาในบ้าน ที่นํ้าหวานคู่หมั้นของแมทกำลังพูดคุยกับกรัตอยู่ คนรับใช้จึงเคลื่อนรถเข็นเข้าไปข้างใน จังหวะนั้นภาคินก็หย่อนตัวนั่งลงที่โซฟา
"เป็นยังไงบ้างหนูหวาน ห้องถูกใจไหม" ภาคินเอ่ยถาม
"ถูกใจค่ะ แล้วพี่แมทเป็นยังไงบ้างคะ"
"ตอบน้องสิตาแมท" กรัตหันไปแขวะลูกชาย แมทจึงเคลื่อนรถเข็นหนีพร้อมกับทิ้งคำพูดเอาไว้
"ผมขอคุยอะไรกับคุณหน่อย" เพียงเท่านั้นนํ้่าหวานที่อยู่ในวัยยี่สิบเอ็ดปีก็กวาดสายตามองตามหลังว่าที่คู่หมั้นของตนเองอย่างไม่เข้าใจ
"ตามไปเถอะลูก ตาแมทคงอยากคุยอะไรด้วย"
"งั้นเดี๋ยวหนูมานะคะคุณลุงคุณป้า" พูดแล้วร่างเล็กก็หยัดกายลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตามแมทออกมาที่สวนหลังบ้าน เธอเรียนอยู่ที่เดียวกันกับแมทและพอจะรู้มาบ้างว่าพ่อแม่ของตนเองจับคู่ให้และฝ่ายชายก็ไม่เต็มใจ ส่วนตัวเธอเองก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ได้รักแต่คงไม่มีสิทธิ์เลือกแล้วอัดอย่างนํ้าหวานไม่ได้มีพันธะกับใคร ส่วนเรื่องย้ายเข้ามาดูแลเธอก็เลี่ยงไม่ได้จึงต้องรับปาก ภาคินหยุดงานมาต้อนรับเธอเข้าบ้านนํ้าหวานไม่อยากผิดสัญญาเธอทำใจกับเรื่องทั้งหมดได้แล้ว
"พี่แมทมีเรื่องอะไรจะคุยกับหนูหรอคะ"
"เรื่องหมั้น เต็มใจรึเปล่า"
"หนูปฏิเสธคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ค่ะ"
"ฉันถามความรู้สึกเธอ"
"หนู…เต็มใจค่ะ"
"ชอบฉันหรอ"
"ตอนนี้ยัง…แต่พี่ก็ไม่ได้แย่อะไร" สิ้นเสียงตอบก็หลุบตามองตํ่า นํ้าหวานเป็นแค่ลูกคุณหนูที่คอยให้พ่อแม่ชักจูงเท่านั้นเธอไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรในชีวิตแม้แต่คู่รัก ฟังจากนํ้าเสียงของชายหนุ่มเด็กสาวก็พอจะรู้ดีแล้วว่าแมทต้องการจะสื่อถึงอะไร เพราะเขาไม่ได้อยากหมั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
"รู้ใช่มั้ยว่าฉันมีคนของฉันอยู่แล้ว" แมทเอ่ยถามเสียงนิ่งสายตายังเพ่งมองตรง ไม่ได้หันกลับไปมองน้ำหวานเลยแม้แต่น้อย
"ทราบค่ะ หนูเห็นข่าวแล้ว"
"เพราะงั้น เรื่องงานหมั้นของเรามันไม่ได้เกิดจากความรักแต่เป็นเรื่องของธุรกิจ คิดว่ามันจะไปกันรอดแบบนั้นหรอ กับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเหมือนตบมือข้างเดียวยังไงมันก็ไม่รอด ชีวิตคู่คือเรื่องของคนสองคนถ้าเริ่มต้นมันยังไม่ดีตอนต่อไปมันคงแย่กว่าเดิม ฉันไม่อยากให้งานหมั้นของเราเกิดขึ้น เธอคิดว่ายังไง?"
"หนูคงไม่มีสิทธิ์ตัดสินอะไร"
"แค่บอกว่าไม่ต้องการ เพราะไม่ได้รู้สึกอะไร ถ้าเราสองคนร่วมมือกัน งานหมั้นก็อาจจะไม่เกิดขึ้น"
"ขอโทษนะคะ หนูทำอะไรไม่ได้จริงๆ" นํ้าหวานตอบออกไปเสียงแผ่ว เธอก็อยากจะทำแบบนั้นแต่การมีชีวิตอยู่เป็นหุ่นเชิดของพ่อแม่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างมันก็ทรมานเหมือนกัน ถ้าไม่ทำตามความต้องการ เธอเองก็จะไม่เหลืออะไรเพราะโดนบังคับ กดขู่ พ่อแม่สำหรับบางคนก็อาจจะไม่ใช่เซฟโซนที่ดีที่สุดของลูก บางทีความหวังดีของพวกเขามันก็อาจจะกลายเป็นความหวังร้ายสำหรับคนรับโดยที่ไม่รู้ตัว…
"เธอบอกว่าทำอะไรไม่ได้ โดยที่ไม่ลองทำเลยแบบนั้นหรอ"
"หนูเข้าใจพี่นะคะ ถ้าลองมาเป็นหนูพี่จะรู้เหตุผลที่ทำไม่ได้…"
"ทำไม่ได้ หรือเธอไม่อยากทำมากกว่า?" แมทเค้นหัวเราะในลำคอแล้วปรายตามองคนตัวเล็กที่จิกเล็บลงบนกระโปรงแน่นด้วยอาการประหม่า
"หนูยืนยันคำเดิมค่ะว่าทำไม่ได้ ขอตัวก่อนนะคะ" นํ้่าหวานรีบบอกออกไปพัลวันแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน เธอไม่อยากคุยอะไรต่อกับแมทอีกแล้วกลับเผลอบอกออกไปว่าตนเองโดนพ่อแม่ข่มขู่อะไรมาบ้าง ลับร่างของนํ้าหวานชายหนุ่มก็นั่งเหม่อลอยอยู่บนรถเข็น อีกไม่นานอีกสินะที่ต้องเข้าพิธีหมั้นหายเมื่อไหร่เวลาของเขากับไอติมคงหมดลงจริงๆ แล้วมันจะจบแบบนี้หรอ…การที่ได้ไอติมมาครอบครองมันไม่ได้ง่ายเลยสักนิด
…
คอนโดแห่งหนึ่ง
"ตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นกลับมา แกก็ไม่เคยยิ้มเลยนะติม" ภายในห้องนอนขนาดกว้างของคอนโดแห่งหนึ่งที่เป็นห้องของมิวไอติมพาตัวเองมาที่นี้หลังจากแยกกับแมท เธอยังไม่อยากกลับห้องเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยอีกทั้งยังอยากปรึกษาเรื่องงานเพราะตอนนี้งานประจำที่ทำอยู่ก็ถูกไล่ออก เงินก้อนสุดท้ายที่ได้มาก็จ่ายค่าห้องเดือนสุดท้ายหมดแล้วเหลือติดตัวอยู่แค่ไม่กี่ร้อย
"มันไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ยิ้มได้เลยมิว"
"แล้วนี้หายไปไหนมาสองสามวัน" เอ่ยถามเสร็จก็หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องครัวตัวกันข้ามกับไอติมพร้อมกับเพ่งมองถ้วยบะหมี่ที่วางอยู่ตรงหน้าเพื่อนสนิท มันถูกจัดการจนหมดเกลี้ยง
"ติม…"
"กลับไปเยี่ยมแม่มาหรอ"
"เปล่า ผู้ชายคนนั้นจับตัวติมไป"
"อะไรนะ!?" มิวอุทานออกมาด้วยสีหน้าตกใจ เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"อื้อ ติมถึงไม่รู้เลยว่าพี่แมทประสบอุบัติเหตุ อยากโทรกลับก็ไม่ได้ มันเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยมิว" ไอติมระบายออกมาทั้งหมดแล้วหลุบตามองถ้วยบะหมี่ในชาม เธอเกือบตายเพราะถูกปล่อยลงทะเล อีกทั้งยังมีพิษไข้ ตอนนี้ทรงตัวนั่งร่างกายก็แทบจะทรุดลงไหนจะเรื่องเมื่อคืนที่ร่างกายถูกรังแกมันอ่อนเพลียไปหมด
"ยิ่งได้ฟังยิ่งเหี้ย"
"อย่าพึ่งบอกพี่แมทเรื่องนี้ได้ไหม เขายังไม่หายดี" คำขอเรื่องของเพื่อนสนิททำให้มิวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ต่างคนต่างขอร้องให้เธอปิดบัง กลัวอีกฝ่ายเสียใจเหมือนจะประคับประคองความสัมพันธ์เอาไว้ให้มั่นคงที่สุดแต่ดูเหมือนพยายามยิ่งศูนย์เปล่า มิสอึดอัดอยากบอกออกไปว่าแมทกำลังจะหมั้นหากแต่กลัวเพื่อนเสียใจมากกว่าเดิมรออีกหน่อยหากแมททำอย่างที่รับปากไม่ได้เธอจะบอกความจริงเอง
"แล้วพี่แมทรู้เรื่องไหมว่าที่แกหายตัวไปเพราะอะไร"
"ติมบอกแค่ว่ากลับไปเยี่ยมแม่"
"ดูเหมือนอะไรมันยิ่งจะแย่ลงเลยเนาะ ข่าวก็ยังไม่ซาลงเลย" เรื่องคลิปหลุดฉากบนเตียงและคลิประหว่างเธอกับลิสท์เจมในคลับยังคงหลงเหลืออยู่ และดูเหมือนว่ากลุ่มคนที่ชื่นชอบลิสท์เจมจะคอยถ่ายรูปชายหนุ่มตอนในผับลงเพจเรื่อยๆติดตามข่าวสารราวกับดาราชื่อดังจึงทำให้เป็นกระแสอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงคนที่เริ่มแซะถึงผู้ชายในคลิปว่าคือแมท
"มีคนโยงไปถึงพี่แมทบ้างรึยัง"
"มีบ้างแล้ว ระวังตัวด้วยนะคนจับตามองแกกับพี่แมทแน่ รอให้ข่าวซาลงก่อนค่อยสู้ใหม่"
"อื้อ…" ไอติมขานรับในลำคอแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ มันเหนื่อยทั้งกายและใจไปหมด
"แล้วเรื่องงานจะเอายังไงต่อ"
"คงต้องลองหาสมัครดูก่อน"
"ถ้ายังไงก็มาบอกฉันด้วย หวังจะมีสักที่ที่ไม่สนใจข่าวไร้สาระพวกนี้"
"งั้นติมกลับก่อนนะ อยากลองหาสมัครงานดู"
"โอเค ไว้เจอกันที่มอพรุ่งนี้" ลํ่าลากันเสร็จไอติมก็หยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือบางเอื้อมหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องบ่าแล้วเดินออกจากห้องของมิวไป ขาเรียวก้าวเดินตามริมฟุตบาทพร้อมกับมองหาสถานที่ที่เปิดรับพนักงานในอินเทอร์เน็ตบนหน้าจอมือถือจนมาถึงจุดมุ่งหมาย มันเป็นร้านหมูกระทะที่เปิดรับพนักงานเสิร์ฟเงินเบิกเป็นรายสัปดาห์ซึ่งมันก็น่าจะพอใช้อยู่ คิดได้แบบนั้นคนตัวเล็กก็เดินเข้าไปในร้าน
"หนูมาสมัครงานเป็นพนักงานเสิร์ฟค่ะ เห็นประกาศในอินเทอร์เน็ต" เธอเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของร้านที่นี้ ก่อนที่เธอคนนั้นจะหันไปซุบซิบอะไรบางอย่างกับสามีและหันกลับมามองเธออีกครั้ง
"มีคนมาสมัครก่อนแล้ว เธอไปที่อื่นเถอะ"
"…" ไอติมนิ่งเงียบสายตาหลุบมองประกาศ พึ่งลงประกาศรับเมื่อห้านาทีที่แล้วมีคนมาสมัครก่อนแล้วแบบนั้นหรอ?
"ออกไปสิ ยืนอยู่ทำไมคะ"
"ค่ะ" ตอบรับเสียงแผ่วแล้วเดินออกมาจากร้าน เธอลองหาสมัครดูทุกที่แต่กลับไม่มีที่ไหนรับเลยสักแห่งจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ป้ายรถเมล์ แต่ดูเหมือนในขณะนั้นจะมีเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินตามมา ขาเรียวจึงรีบเร่งฝีเท้า พลันแรงจากร่างของใครบางคนก็ชนเข่าที่ไหล่พร้อมกับกล่องอะไรบางอย่างที่ร่วงลงบนพื้น
หมับ!
ตุ้บ!
"อ๊ะ!" ร่างเล็กแทบเซล้มยังดีที่ยังทรงตัวอยู่ ไอติมหลุบมองกล่องนั้นแล้วหยิบมันขึ้นมาเปิดดู สิ่งที่เห็นคือคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตามรูปถ่ายของพ่อและแม่เธอ และดูเหมือนว่ารูปจะขาดที่ลำคอพอดี ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นระรัวพออ่านข้อความบนโพสต์อิสก็เขียนเอาไว้ว่า
'อย่ารนหาที่ตาย…'
มันส่งมาจากใคร ส่งมาทำไม ไอติมไม่อาจรู้ได้เลย…
.
.
.
เอ๊ะ ไอติมไปรนหาที่ตายตอนไหนน้อนางเอกชั้น
Next ep...
"ไม่ต้องกลัว มันไม่เจ็บหรอก"
"…"
"แค่ทรมานนิดหน่อย…"
