พันธะสวาท_4 | ใครสักคน
โชคดีของชีวิตเด็กบ้านๆอย่างฉันที่สามารถเป็นเด็กทุนของมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศ เพราะถ้าพูดให้เห็นภาพเลยก็คือ สถานะการเงินของฉันไม่สามารถที่จะซื้อข้าวกลางวันในราคาห้าร้อยบาทเป็นอย่างต่ำ ย้ำนะคะอย่างต่ำ.. โชคดีที่เด็กทุนไม่ต้องเสียค่าอาหารใดๆแม้แต่น้ำแก้วนึงก็ไม่เสีย เพราะพวกเราต้องแลกมากับการสอบให้ได้เกณฑ์ที่สูงเกินกว่ามาตราฐานของระบบการศึกษา
เอแบค เป็นมหาวิทยาลัย ที่เด็กสอบชิงทุนจะต้องทำเกณฑ์ให้สูงเกินเกณฑ์ระบบศึกษา และแต่ละภาคเรียนจะรับเด็กทุนแค่5คนเท่านั้น เพราะสวัสดิการที่นี่แพงมาก นี่แหละค่ะชีวิต
ไม่มีอะไรที่พวกคนรวยจะให้ฟรีๆโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน การที่จะเข้าเรียนที่นี่ได้ สมองคุณต้องกะทิเลยทีเดียว นี่อาจจะเป็นเรื่องเดียวที่ฉันทำได้ดีก็ได้ เพราะจะให้นิยามมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้อข้าใจได้ง่ายๆสั้นๆ คืิถ้าไม่ใช่คนรวยสมองของคุณก็ต้องเก่งเกินเกณฑ์ เรียกว่ารวมทั้งคนที่มีชาติตระกูลและมากความสามารถไว้ในที่เดียวจริงๆ
"นี่ กินแค่นี้จริงๆเหรอ แกเป็นเด็กทุนนะธิชา เรื่องการกินเนี่ยเด็กทุนไม่เสียอะไรอยู่แล้ว พวกฉันต่างหากที่ต้องเสีย"
"ไม่เอาอะ แค่นี้ก็พอแล้ว"
"พอเพียงดีจริงๆ อยากสมองดีเท่าแกจัง ฉันจะได้ไม่ต้องเสียค่าอาหารเป็นพันต่อมื้อแบบนี้"
"ฉันไม่ค่อยจะชินกับอาหารดีๆนะ ปกติกินแต่ข้าวกระเพราอะไรแบบนั้น"
"กระเพราเหรอ?" (0[]0]
"..ไม่รู้จักเหรอ?" หน้าฉันเหวอมากนะตอนนี้ มีอยู่จริงนะเหรอคนที่ไม่รู้จักข้าวกระเพราไข่ดาวอะไรแบบนี้อะ
"รู้จักแต่ไม่เคยกินนะสิ ฉันอยากกินมานานแล้ว" ..ไปไม่เป็นเลยฉัน.. แต่ก็พอเข้าใจได้ ที่นี่มีแต่คนมีเงิน ฉันนี่สิแปลกประหลาดสำหรับที่นี่ต่างหาก
"..เอางี้ไหม ถ้าไม่อย่างนั้นเลิกเรียนฉันเลี้ยงข้าวกระเพราเอง รู้จักร้านอร่อยๆด้วยนะ"
"เอาสิ! งั้น.. ฉันขอโทรบอกพ่อกับแม่ก่อนนะว่าให้คนรถมารับช้าหน่อย"
"..อืมม" ดูเหมือนว่าจะมีหลายอย่างที่ต้องปรับตัวสำหรับที่นี่เลยจริงๆ บางทีคนรวยในละครที่ฉันดู..ชีวิตจริงก็ไม่ได้ต่างนะ
ธิชานั่งกินอาหารตรงหน้าด้วยความไม่คุ้นชิน อาหารเช้าธรรมดาๆ แต่ช้อนส้อมและมีดทำให้เธอค่อนข้างกังวลในการใช้มัน เธอไม่ถนัดอะไรสักอย่างแต่ยังมีบุ๊คที่คอยบอกว่าเธอควรใช้มันยังไงอยู่ไม่ห่าง รอยยิ้มแหยๆกับจานอาหารตรงหน้า ธิชาอยู่กับมันเกือบครึ่งชั่วโมง
"ทรมานมาก"
"เอาน่าเดี๋ยวก็ชิน" ฉันเห็นบุ๊คทำนั่นนี่ด้วยความคุ้นเคย ผิดกับฉัน.. ก็อดคิดบางเรื่องไม่ได้
"..ไม่รังเกียจคนที่ใช้ส้อมกับมีดแบบฉันไม่เป็นเหรอ"
"นี่ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่ตัดสินใคร และการใช้ชีวิตแบบที่เธอมีมันเป็นความฝันของฉันเลยนะ กินอะไรง่ายๆ นอนที่ง่ายๆ ไม่ต้องคอยให้มีคนมารับมาส่งคอยจับปิดคอยจับเวลากลับบ้านหรือต้องรายงานทุกอย่างเวลาทำอะไรเสมอ เหมือนนกในกรงแบบเนี่ย.. ยอมบินทั้งๆที่ปีกหักยังจะดีซะกว่า"
"แต่เป็นกรงทองเลยนะ"
"จะกรงไม้กรงทองอะไรก็ช่างไม่สนหรอก"
"....."
"นี่ ฉันอยากเป็นเพื่อนกับแกจริงๆนะธิชา"
"..ขอบคุณนะ" บุ๊คยื่นมือมากุมมือฉันเพียงครู่ก่อนจะเก็บของ และกำลังจะยกจานไปเก็บ ฉันก็เลยรีบเก็บของตัวเองบ้างและลุกตามพร้อมๆกัน แต่จังหวะที่หมุนตัวไม่ทันได้ระวังไง
ผลัก! ฉันทำจานกระแทกกับแก้วน้ำของใครสักคนที่ตัวสูงมากๆ ภาพแรกที่เห็นคือรองเท้าเงาดำเลอะไปด้วยอาหารในจานของฉันและน้ำที่เขาถือไว้
"แย่แล้ว! ขอโทษค่ะ"
"อาหารที่นี่ไม่อร่อยหรือไง"
"..ค๊ะ?" และพอฉันเงยหน้าเท่านั้นแหละ ก็ต้องยืนแข็งทื่อ พวกเขามองในระยะไกลก็ดูน่าเกรงขามแล้วนะ นี่ฉันกำลังยืนประชันหน้ากับผู้ชายสี่คนที่สาวๆในมหาลัยหมายปองพวกเขา... แถมตัวสูงเหมือเสาไฟฟ้าทุกคนเลยด้วย
"อะ.. เอ่อ.."
"ไง?"
"ปละ เปล่าคะ.. ขอโทษนะคะเดี๋ยวหนูไปเอาทิชชู่" ธิชาอึ่กอักแล้วกำลังจะรีบไปหยิบทิชชู่ในจุดบริการ แต่กลับถูกร่างสูงรั้งแขนเอาไว้ ภาพที่เห็นต่อมาคือทุกคนที่ทานข้าวอยู่มองมาที่ฉันเป็นตาเดียว
"ไม่ต้อง"
"แต่ว่าหนูทำ"
"กูขอทิชชู่หน่อย" เขาหันกลับไปพูดกับเพื่อนคนตัวสูง ซึ่งเพื่อนของเขามองมาที่ฉันก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะในลำคอเพียงนิด แต่ยอมออกไปตามคำร้องของของ พี่คาร์เตอร์
"เธอยังไม่ตอบฉัน ว่าอาหารที่นี่มันไม่อร่อยหรือไง ถึงกินเป็นแมวดมแบบนี้"
"เปล่าค่ะ หนูแค่ไม่ค่อยหิว"
“เด็กทุนนี่หว่า.. คนนี้ที่มึงเจอในลิฟต์?”
“อืม” พี่คาร์เตอร์ตอบเพื่อนของเขานิ่งๆ ทั้งที่ยังจับแขนฉันและมองฉันไม่ละสายตา ฉันรีบหันหน้ามองบุ๊คซึ่งรายนั้นหน้าแหยไปแล้ว
“งั้น.. หนูขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยว”
“….”
“เธอยังไม่ตอบฉันเหมือนกัน ว่าเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า”
“….”
“อย่าคิดว่าฉันจะใช้มุขตื้นๆนี่จีบเธอ เเต่เพราะหน้าเธอมันทำให้ฉันนึกใครสักคน”
“….” คะ ใครสักคนงั้นเหรอ เขาใช้คำว่า ใครสักคน มากกว่าจะใช้ ใครบางคน แสดงว่าเขานึกไม่ออกจริงๆ
“จนฉันเริ่มรำคาน”
“….”
“แต่ถ้าเราไม่เคยเจอกันมาก่อน ก็ต้องขอโทษด้วย”
มือบางกำแน่น ป่านนี้เหงื่อที่มือฉันคงไหลท่วมจนถึงตาตุ่มเท้าแล้ว ไหนๆโอกาสก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ธิชามองไปรอบๆ การมีคนอยู่ในที่เกิดเหตุก็เครื่องการันตีได้ว่า คาร์เตอร์ เป็นคนเข้าหาเธอก่อนเพราะฉะนั้น.. เธอคงไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายไปหาคาร์เตอร์ถึงที่.. ก็ต้องใช้โอกาสนี้แหละ
ธิชาวางจานข้าวกับโต๊ะ คาร์เตอร์ปล่อยแขนของเธอเมื่อธิชามองมือที่เขาไม่ปล่อยเธอสักที ก้มลงและหยิบซองจดหมายสีเก่าๆตามกาลเวลา แล้วยื่นให้คนตัวสูงทันที
“..จดหมายเหรอ?” คาร์เตอร์เอ่ยถาม ซึ่งธิชาพยักหน้า
“..ต่อให้หนูบอกพี่ตอนนี้พี่ก็คงจำหนูไม่ได้หรอก”
“….”
“อ่านมันด้วยนะคะ มันเป็นสิ่งที่พี่ควรจะได้รู้”
“..เธอมาแปลกวะ” ทีนี้เป็นเพื่อนเขาอีกแล้ว ตัวสูงๆผมสีเทาควันบุหรี่ ไม่รู้จักชื่อ แต่หน้าดีมาก
“มันมีคำตอบที่พี่อยากได้อยู่ในนั้น”
“….” คาร์เตอร์หรี่ตาภายใต้กรอบแว่น เขารับซองจดหมายสีขาวจนจะเหลือง ต่างจากจดหมายสารภาพรักที่บรรดาผู้หญิงชอบยื่นให้เขา
“หนูขอตัวนะคะ คนมองกันเยอะแล้ว เดี๋ยวหนูจะใช้ชีวิตที่นี่ลำบาก”
ธิชารีบคว้าจานของตัวเองแล้วก้มหน้าเดินออกไปจากโรงอาหารทันที โดยที่มีบุ๊คที่กำลังกระอั่กกระอั่กแล้วรีบเดินตามธิชาไป
“ไม่ได้คำตอบไม่พอ เดินหนีมึงซะงั้น.. คนแรกเลยมั้งเดินหนีมึงแบบนี้”
“เสียเซลฟ์ตายห่าเลยสิมึง” อัลฟ่าที่กลับมาพร้อมทิชชู่ยืนแซะอยู่ข้างๆ ชิริวกับเรียวก็มองหน้ากัน ก่อนที่จะเป็นชิริวที่เป็นคนสุดท้ายที่เลือกจะเอ่ยวาจา
“กูเห็นด้วย”