บท
ตั้งค่า

THE FLIRT : 01

วันต่อมา…..

“ทำไมมาเช้าจังวะ”

ฉันเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือแล้วมองไปยังต้นเสียงเห็นร่างหญิงสาวคราวเดียวกับฉันที่คุ้นตาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะพลางหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ตรงข้ามฉัน มันคือ เพลินตาเพื่อนสนิทสุดที่รักของฉันเอง ความจริงก็ไม่รู้ว่ามันมาคบฉันได้ยังไงเพราะฐานันดรเราโคตรจะแตกต่างแต่มันแม่งโคตรนิสัยดีแล้วก็จริงใจสุดๆ

“นอนไม่ค่อยหลับ” ฉันตอบไปแบบปัดๆ แล้วก้มหน้าลงเล่นมือถือต่อเพราะฉันกำลังง่วนอยู่กับการเสิร์ชหางานจากกูเกิ้ล

“หน้ายังเงี้ย ไม่ได้งานชัวร์”

“รู้แล้วถามทำไมวะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเพลินตาขวาง แม่งรู้ดียังกะตาเห็น คิดถึงเรื่องเมื่อวานแล้วก็หงุดหงิดชะมัด แล้วเพลินก็ด่าฉันด้วยประโยคเดิมๆ ที่ฟังมาตั้งแต่ปีหนึ่ง

“กูบอกให้ไปทำกะม๊ากูก็เสือกหยิ่ง ว่าแต่ช่วงนี้ไม่มีใครมาจ้างสอนพิเศษเลยเหรอวะ”

ฉันได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่..ไม่ใช่ว่าฉันหยิ่งหรอกนะแต่ฉันเกรงใจมากกว่า ถ้าไปทำงานที่บ้านมันมีหวังม๊าเพลินได้เสียตังค์จ้างฉันฟรีแน่เพราะลูกสาวตัวดีของท่านต้องลากฉันไปไหนมาด้วยตลอดคงจะไม่ได้ทำงานจริงๆ หรอก เหมือนจ้างฉันไปอยู่เป็นเพื่อนลูกเขาเฉยๆ

“เห้ยๆ มึง” เพลินมันเอื้อมมือมาสะกิดแขนฉัน

“อะไร”

“นั่นมัน…” ฉันเงยหน้ามองเพลินแต่สายตามันไม่ได้มองมาที่ฉันเลยสักนิด..แถมยังทำหน้าแบบช็อกสุดๆ ฉันเลยหันหลังกลับไปดูว่ามันช็อกกับอะไร...จะมีอะไรที่ทำให้อีนี่ช็อกได้นอกจาก

“เชี่ยยย…” ฉันรีบหันหน้ากลับมาทันที ผู้ชาย...อีนี่มันช็อกเพราะผู้ชายสามคนที่กำลังเดินมาทางนี้ คือสามคนที่ฉันเจอเมื่อวาน พวกเขามาทำไรที่นี่วะ ตึกวิศวะไม่ได้ผ่านทางนี้ซะหน่อย

“มึงงง รุ่นพี่เขาเดินมาทางนี้วะ” อีเพลินพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นสุดๆ พลางเอามือมาตีแขนฉันรัวๆ ฉันไม่กล้าหันไปมองด้วยซ้ำ เขาคงจำฉันไม่ได้หรอก...เป็นไปไม่ได้เขาจะมาฉันทำไม หลงตัวเองไปหน่อยแล้วมั้งอีมิณ แต่ก็ไม่ควรจะเสี่ยง

ฉันรีบหยิบกระเป๋าแล้วลุกออกมาจากตรงนั้นทันทีปล่อยให้อีเพลินมันนั่งช็อกอยู่นั่นก่อน ฉันวิ่งขึ้นบันไดมายังชั้นสองของอาคารและคิดว่าน่าจะปลอดภัยแล้ว แล้วกูจะหนีทำไมเนี่ยไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ฉันเอามือขึ้นทึ่งผมตัวเองอย่างหัวเสียก่อนจะเดินเข้าไปนั่งในห้องนั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะกะว่าจะหลับสักงีบก่อนเข้าคลาสแต่หัวยังไม่ทันถึงโต๊ะก็ต้องสะดุ้งจนสุดตัวกับเสียงสิบแปดปรอทของเพื่อนสนิท

“อีมิณ...อีมิณ!!!”

ทำไมมันหายช็อกเร็วนักวะ...อีเพลินมันปลื้มรุ่นพี่ยูตะบ้ากามนั่นจะตาย นี่ถ้ารู้ว่ารุ่นพี่ทำอะไรกับฉันนะ มีหัวฉันโดนฆ่าแน่ๆ ว่าแต่ทำไมถึงสลัดภาพนั้นออกไปจากหัวไม่ได้ซะทีนะ ฉันทำท่าขนลุกแล้วสะบัดหัวเอาความคิดพวกนั้นออก ก่อนจะหันไปหาอีเพื่อนบ้าผู้ชายที่วิ่งเข้ามาเรียกฉันหน้าตาตื่นก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ฉัน

“แดกนกหวีดไปรึไงวะ แสบแก้วหูฉิบหาย”

“เล่ามาเดี๋ยวนี้ อะไร ยังไง” มันพูดพลางเอามือขึ้นขนาบหน้าฉันก่อนออกแรงหันหน้าฉันมาสบตากับมัน อะไรของมันวะ พอฉันจะหันหน้าหนีมันก็ออกแรงขืนไว้แล้วจ้องฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย

“อะไรของมึง” ฉันพูดแล้วออกแรงดึงมือของเพลินออกจากใบหน้า

“ก็รุ่นพี่พวกนั้นไง…”

“ทำไม!” ฉันโพล่งขึ้นอย่างตกใจ มันรู้เรื่องอะไรมาถึงมาถามแบบนี้ พวกเขาบอกอะไรมันงั้นเหรอ

“รุ่นพี่ดินเขาฝากนี่ให้มึง” มันพูดแล้วยื่นบัตรอะไรสักอย่าง..ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นนามบัตรมาให้ฉัน แต่พอฉันจะหยิบมันก็รีบดึงกลับเข้าหาตัวมันทันที

“บอกมาก่อน เร็ว กูเพื่อนมึงนะ”

“กูไม่เอาก็ได้” ฉันบอกมันอย่างไม่สนโลกแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกครั้ง ความจริงก็ไม่ได้อยากรู้หรอกฉันไม่ค่อยได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่ ถ้ามันอยากได้ฉันก็ให้มันอยู่ดี

“เห้ย ไม่ได้ดิวะ งั้นโทรไปเร็ว กูอยากรู้”

เพลินพูดพลางเขย่าแขนฉันคะยั้นคะยอให้โทรไปหาเบอร์ที่อยู่ในนามบัตรนั่น สุดท้ายต่อมเผือกของมันก็ทนไม่ไหวอยู่ดี หึ ฉันผงกหัวขึ้นพลางยกยิ้มขึ้นมุมปากก่อนจะหยิบนามบัตรนั่นมาจากมือเพลิน นีรดาร์...งั้นเหรอ ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีคืออะไร ให้ฉันมาทำไม ฉันหันไปมองหน้าเพลินแบบงงๆ ส่วนมันก็ยักไหล่กลับมาให้ฉัน เหมือนประมาณว่ากูไม่รู้ แต่คือมันเป็นคนรับมาทำไมเสือกไม่ถาม

ฉันหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์แล้วโทรออกทันทีก่อนยกขึ้นแนบหูโดยมีอีเพื่อนตัวดีเอาหูมาแนบมือถือฉันไว้อีกที

ตื๊ดดดด...

โฮะรับเร็วแฮะ รออยู่แงๆ

“คือ…”

[อ่อ ฉันกำลังรออยู่พอดี ฉันอยากจะขอบคุณที่เธอเอาของมาคืนให้แล้วก็อยากจะขอโทษเรื่องที่ยูตะทำกับเธอด้วยน่ะ’]

เอาแล้วไง...มีชื่อรุ่นพี่ยูตะด้วย มีหรอที่อีคนข้างๆ ฉันมันจะอยู่เฉย ฉันเหลือบไปมองหน้ามันนิดหนึ่งแล้วรีบหลบตาทันที สายตาน่ากลัวสุดๆ เขียวปัดยังกะจงอางหวงไข่ กูจะรอดไหมเนี่ย ฉันเลยรีบเอ่ยขัดขึ้นก่อนที่เธอจะพูดอะไรเยอะกว่านี้

“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะที่คุณอยากคุยกับหนู..”

[เดี๋ยวซิ ฉันอยากหาคนช่วยทำบัญชีน่ะ สนใจไหม…]

“สนใจค่ะ”

พอฉันได้ยินเรื่องงานๆ เงินๆ ก็รีบตอบรับทันทีโดยไม่ลังเลเลยสักนิด เหมือนสวรรค์มาโปรด เยสสส!! ดีนะที่ตัดสินใจโทร งานนี้ตรงกับสาขาฉันพอดีไม่ยากเลยถ้าฉันคิดจะทำ ดีซะอีกฝึกสมองไปด้วย

[งั้นเย็นนี้เข้ามาหาฉันที่ผับนะ มาถูกไหม ถ้าไม่ถูกมากับ…]

“ถูกค่ะ ขอบคุณนะคะ”

ติ๊ด....

ฉันรีบเอ่ยขัดขึ้นอีกครั้งเพราะกลัวว่าเธอจะให้ฉันไปกับรุ่นพี่พวกนั้นและถ้าเพลินรู้นะมีหวังฉันชวดไปอีกงานแน่ๆ

“เอ้า...อะไรวะ กูยังจับใจความไม่ได้เลย วางแหละ”

“เขาอยากได้คนไปช่วยงานอะ ไม่มีไรหรอก” ฉันบอกมันพลางเอามือโยกหัวเพลินไปมาอย่างอารมณ์ดี ฉันจะได้งานแล้ว รอดตายแล้วฉัน

“ไม่มีได้ไง บอกหน่อยนะ...นะ” เพลินมันปัดมือฉันออกพลางเอาหัวมาซบไหล่ฉันพลางทำเสียงออดอ้อน เหอะ...มันชอบทำแบบเนี่ยจนคนอื่นเขาคิดว่าเราเป็นคู่เลสเบียนกันหมดคณะแล้ว ฉันเลยค่อยๆ ผลักหัวมันออก

“อย่ามา มึงถอยไปไกลๆ เลย กูขนลุก”

“ขนลุกเหรอ ถ้าไม่บอกกูหอมแน่...อื้ออ”

แล้วเพลินมันก็ทำปากจู๋ยื่นหน้ามาจะหอมแก้มฉัน ฮึ้ยยย อีนี่ท่าจะบ้า ฉันรีบเอามือขึ้นดันหน้ามันไว้ เราเล่นกันอย่างงี้ตลอดเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่มีมันสักคนชีวิตฉันคงจะเหงาแย่เลย

.........

........

หลังเลิกเรียน….

ฉันมายืนอยู่หน้าผับสักพักมีแวบหนึ่งที่ผุดขึ้นมาว่าฉันคิดดีแล้วเหรอที่จะเอาชีวิตอันสงบสุขมาพัวพันกับพวกเขาแต่พวกนั้นเขาจะมาสนใจฉันทำไม ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ตัวเองไปก็แค่นั้น...คิดมากไปเปล่าวะเนี่ย โอกาสดีๆ อย่างงี้หาได้ง่ายซะที่ไหน...เอาวะ

ฉันเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นมีพนักงานกำลังจัดโต๊ะทำความสะอาดอยู่หลายคนแล้วพูดบอกผู้ชายที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุด

“มาติดต่อคุณนีรดาร์ค่ะ”

“อ่อครับ ทางนี้ครับ” ผู้ชายคนนั้นหันมาตอบฉันแล้วเดินนำฉันขึ้นไปชั้นบนที่ฉันเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันเดินตามแผ่นหลังเขาไปแล้วมองไปรอบๆ ความจริงฉันก็เคยมาเที่ยวที่นี่นะแต่ไม่เคยได้ขึ้นมาโซน VIP แบบนี้หรอก ได้อยู่แต่ข้างล่าง สักพักเขาก็มาหยุดที่หน้าห้องๆ หนึ่งที่อยู่ในสุดทางเดินยกมือขึ้นเคาะประตูสองสามทีแล้วบิดลูกบิดเปิดมันออก

ก๊อกๆ ๆ ๆ

แอ๊ดดดดด

ฉันเดินเข้าไปข้างในก็เห็นผู้หญิงคนนั้น...อ๋อ คุณนีรดาร์ ฉันรู้ชื่อเธอแล้วนิ นั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมกับกองเอกสารกองโตบนโต๊ะ เธอเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มให้ฉันแบบใจดีสุดๆ ฉันเลยยกมือไหว้เธออย่างนอบน้อม

“มิณาริน ใช่ไหม นั่งก่อนซิ” เธอพูดขึ้นพลางปิดแฟ้มลงแล้วทิ้งตัวพิงเก้าอี้ ฉันเลยเลื่อนเก้าอี้ออกนั่งอย่างงงๆ คุณนีรดาร์รู้จักชื่อฉัน...เหอะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนี่หว่า รวยซะขนาดนี้แล้วแถมแฟนยังเป็นมาเฟียอีกจะสืบประวัติใครสักคนแค่ดีดนิ้วก็ได้แหละมั้ง

“มิณต้องทำอะไรบ้างคะ”

“ก็ทำบัญชีทั่วไปนั่นแหละ ไม่เยอะเท่านี้หรอกไม่ต้องตกใจ ช่วงเนี่ยฉันแพ้ท้องน่ะ เลยทำบ้างไม่ทำบ้าง งานก็เลยกองต้องหาคนมาช่วย”

“ทะ...ท้อง กับรุ่นพี่…” ฉันถามย้ำออกไปเพื่อความแน่ใจแล้วเธอก็พยักหน้าให้ฉันแบบยิ้มๆ ฉันไม่เห็นรู้เลยว่ารุ่นพี่ดินกำลังจะมีเบบี้ นี่มัน talk of the town ยิ่งกว่าตอนที่มีข่าวว่ารุ่นพี่มีแฟนอีกนะ แล้วฉันรู้เป็นคนแรก oh my goddddd

“มิณทำได้ถึงกี่โมงล่ะ”

“กี่โมงก็ได้ค่ะ เสร็จแล้วค่อยกลับก็ได้ หอมิณอยู่ไม่ไกลเท่าไร”

“เห้ย ไม่ได้ เราเป็นผู้หญิงกลับดึกได้ไง แต่…” เธอพูดขึ้นแล้วหยุดไปเหมือนกำลังใช้ความคิด

“อะไรเหรอค่ะ” ฉันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นเธอเว้นช่วงไปนาน ใจก็กลัวเธอจะเปลี่ยนใจไม่จ้างฉันทำงาน

“ความจริงที่นี่ก็คนเยอะแยะให้ใครไปส่งก็ได้ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง ส่วนเงินเดือน..”

“เท่าไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณนีรดาร์เลย” ฉันพูดออกไปด้วยความเต็มใจเพราะเธอดูใจดีแล้วเป็นกันเองมากให้เท่าไรฉันก็เอาทั้งนั้น ไม่ซี...ได้เจ้านายดีก็พอ เพราะที่ผ่านมามีแต่เจ้านายโหดๆ เคี้ยวๆ เธอดูเหมือนจะตกใจนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ารับแล้วหัวเราะน้อยๆ ออกมา เธอน่ารักแบบนี้นี่เองถึงได้มัดใจรุ่นพี่ดินได้อยู่หมัด

“เรียกพี่หนูดาก็ได้นะ ไม่ต้องเรียกเต็มขนาดนั้นหรอก”

“ค่ะ…”

“เออ..เดี๋ยวพาไปแนะนำก่อน อยู่ที่นี่ต้องรู้จักพวกนี้” พี่หนูดาพูดขึ้นพลางลุกจากเก้าอี้แล้วขวักเรียกฉันให้ตามมาด้วย

“ใครเหรอค่ะ” ฉันเอ่ยถามก่อนจะลุกตามเธอไป พวกนี้...พวกรุ่นพี่รึเปล่านะ แต่คำตอบที่ได้ยิ่งทำให้ฉันงงหนักเข้าไปอีก ลูกค้า เกี่ยวไรกับฉัน...ยังไงฉันก็ไม่เจอลูกค้าอยู่แล้ว

“ลูกค้า VIP”

…..

….

….

ฉันเดินตามเธอเข้ามาในห้องที่มันดูคุ้นตาแปลกๆ ...เหอะ ห้องนี้มันที่ฉันเข้ามาเมื่อวานนี่ ใช้จริงๆ ด้วยเพราะรุ่นพี่ทั้งสามคนนั่งอยู่กันครบเลย และฉันมีคนที่ฉันไม่รู้จักอีกสามคน

“นี่เฮียหมอไวน์ เฮียแม็ก และก็เฮียฟิวส์ ส่วนสามตัว เอ๊ย! สามคนนี้คงรู้จักแล้ว” พี่หนูดาชี้ไล่ไปที่สามคนนั้นที่ฉันไม่รู้จักก่อนที่เธอจะนั่งลงข้างรุ่นพี่ดินและดึงฉันนั่งลงข้างๆ เธอ ฉันเลยยกมือไหว้พวกเขาตามมารยาท แต่เหมือนเขาจะไม่ค่อยสนใจเท่าไร มีแต่รุ่นพี่สามคนที่กำลังจ้องพี่หนูดาตาขวางที่หลุดปากเรียกตัวเมื่อกี้ หึ

“พามาแนะนำทำไม ก็แค่พนักงานคนหนึ่ง หึ” รุ่นพี่ยูตะพูดขึ้นแล้วแสยะยิ้มขึ้นมุมปากก่อนหันมามองฉันด้วยสายตาแปลกๆ อะไรของเขาวะ...ฉันไปทำอะไรให้เขาเนี้ย

“ปากดีๆ พามาให้นายขอโทษนั่นแหละ เร็วเลย ขอโทษน้องเขาซะ” พี่หนูดาหยิบน้ำแข็งปาใส่รุ่นพี่ยูตะแต่เขาดันหลบได้ทันและส่งเสียงโวยวายออกมา

“โว้วๆ ๆ ๆ นายหญิงอย่ารุนแรงนักซี เดี๋ยวลูกออกมาก็ซาดิสม์เหมือนพ่อมันหรอก” สิ้นเสียงรุ่นพี่ยูตะ รุ่นพี่ดินก็หยิบน้ำแข็งปาใส่รุ่นพี่ยูตะอีกคราวนี้เยอะกว่าเดิมมีรึจะไม่โดน...สม ปากเสียดีนัก ฉันยิ้มเยาะเขาในใจ...แต่เหมือนจะออกอาการมากไปหน่อย

“ยิ้มอะไร ห๊ะ! ยัยหัวขโมย” แล้วเขาก็หันมาแว้งกัดฉันจนได้...พาลนี่หว่า

“ยิ้มให้หลอดไฟ ให้โซฟา ให้เหล้าพวกเนี่ย” ฉันพูดพลางยกไหล่ขึ้นน้อยๆ แล้วหันไปอีกทางอย่างลอยหน้าลอยตาแล้วรุ่นพี่ยูตะลุกขึ้นยืนตะคอกใส่หน้าฉันดังลั่น

“ฉันเพื่อนเล่นเธอเหรอ ห้ะ!”

“แล้วฉันไปทำอะไรให้รุ่นพี่รึยัง ห้ะ! พูดดีๆ กับฉันไม่เป็นรึไง ตะคอกอยู่ได้” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วตอกกลับไปเสียงดังลั่นกว่า น่าโมโหชะมัด ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลยสักนิด เอะอะก็ตะคอกใส่อยู่ได้

“เหอะ...แล้วฉันต้องสน ฉันไม่มีทางขอโทษเธอแน่ เพราะมันเป็นความผิดเธอที่ไม่ยอมบอกฉันแถมยังทำตัวมีพิรุธอีก โทษฉันมะ…”

แกร่ก...แอ๊ดดดดดด

เขายังพูดไม่ทันจบก็หันไปมองที่ประตู ก่อนจะทำท่าเหมือนช็อกไปชั่วขณะ สองคนนี้ใครวะ ทำไมรุ่นพี่ยูตะต้องช็อกขนาดนี้ด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel