Time & Lalin 7 - ถ้าอีกครั้งมันจะไม่ใช่วันไนต์แล้วละสิ
Time & Lalin 7 - ถ้าอีกครั้งมันจะไม่ใช่วันไนต์แล้วละสิ
“อร๊ายแก ชายในฝันของใครหลาย ๆ คนเลยนะนั่น”
เมื่อฉันเล่าและเผยบอกว่าเขาชื่ออะไรเป็นใคร ปฏิกิริยาจากเพื่อนรักที่ออกมาก็เป็นอย่างที่เห็น
“รู้ได้ไง” ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย
“แกทำไมฉันจะไม่รู้ ฉันอยู่ในวงการนี้นะ” คำตอบของเกลทำฉันคิดได้ ก็เขาเป็นเจ้าของผับ วงการที่เกลหมายถึงคือวงการกลางคืนสินะ
“เหรอ เล่ามาสิ” ฉันทำท่าเป็นไม่สนใจ แต่จริง ๆ แล้วฉันสนใจอยากรู้เรื่องของเขาเอามาก ๆ เลยล่ะ
“นั่นแน่ นี่แกสนใจเขาอยู่ใช่ไหม” เพื่อนรักนี่จะดูออกทุกอย่างเลยหรือไง
“เปล่า ก็แค่อยากรู้อีกอย่างฉันก็วันไนต์กับเขาไปแล้ว ทุกอย่างก็จบในคืนนั้นแล้วปะ” ฉันก็ปากแข็งเสียด้วยสิ
“แซ่บมากใช่ไหม”
พอพูดถึงเรื่องความแซ่บของเขาก็ทำเอาฉันหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที
“นี่ ฉันให้แกเล่านะ ไม่ใช่มาสอบถามฉันอย่างนั้นะ”
“เออ ๆ ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นที่หมายปองของสาว ๆ เพราะทั้งหล่อรวยเฟอร์เฟคมีครบทุกอย่าง เป็นลูกผู้ดีจากตระกูลเก่าอะไรทำนองนั้น”
“แกนี่ ฉันไม่เห็นจะได้รู้อะไรจากแกเพิ่มเลย” เมื่อฉันตั้งหน้าตั้งใจที่จะฟัง แต่ก็ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการอยากรู้เลยสักนิด
“เอ้าแล้วอยากรู้อะไรล่ะ” เกลยกยิ้มทำหน้าทะเล้น นางรู้ว่าฉันอยากรู้อะไรแต่แสร้งทำเพื่อแกล้งฉัน
สิ่งที่อยากรู้ก็คือ เขามีแฟนอยู่แล้วหรือเปล่า
และเขาเป็นคนนิสัยยังไง อะไรทำนองนี้ต่างหาก
“ไปเข้าห้องน้ำดีกว่า” ฉันตัดบทไว้เพียงเท่านั้น ลงจากเก้าอี้เพื่อมาหาเข้าห้องน้ำ
และปัญหาเดิม ๆ ของฉันก็คือการไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ไหน
แต่ก็คงไม่พ้นต้องเดินไปยังทางเข้า
“ค็อกเทลคืออะไร ทำไมแค่จิบนิดเดียวก็มึนหัวแล้ว” เพราะแสงไฟภายในผับด้วยส่วนหนึ่งที่วิบวับไปมาพาเวียนหัวบวกกกับเครื่องดื่มของยัยเกล
ที่เล่นงานฉันเข้าแล้ว
พลัก! และจู่ ๆ ฉันก็เดินชนเข้ากับใครไม่รู้
“อ๊ะ” อย่างแรงเลยด้วย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่มาชน
“คุณ!” ไม่ได้เป็นใครที่ไหน แต่เป็นเขาอีกแล้ว
ฉันที่เห็นว่าเป็นเขาก็ตกใจอย่างกับเจอผี
“ตามฉันมาอีกหรือไง” พร้อมกับโพล่งถามอะไรโง่ ๆ ออกไป
หรือคราวนี้จะบังเอิญจริง ๆ
“หึ ทำไมถึงคิดว่าผมตามคุณมาล่ะ” เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ ราวกับเป็นเรื่องขำ
“ไม่รู้สิ ช่วงนี้ไปไหนก็เจอแต่คุณ” ฉันหลุบสายตามองพื้น ไม่กล้าสู้หน้าเขาเลย รู้สึกแพ้ให้กับความหล่อ
โอ้ย...พอเหล้าเข้าปากฉันก็รู้สึกอะไรแบบนี้อีกแล้ว
“หรือว่าคุณคิดถึงผมอยู่กันแน่” คำพูดของเขาทำเอาฉันเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาในทันที
เมื่อเผลอสบตา ฉันก็ทำตัวไม่ถูก
แพ้ แพ้จริง ๆ แพ้อย่างราบคาบ
หมับ มือหนาจับเข้าที่ข้อแขนฉันเมื่อฉันกำลังจะรีบเดินหนีไปจากเขา
เราสบตากัน แต่ต่างคนต่างไม่พูดอะไร
แต่เชื่อไหม ในแววตาที่ส่งมา...ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองไหม
หรือฉันต้องการที่จะไปกับเขาอีกคืนถึงคิด...อย่างนี้ได้
ว่าเขาก็อยากให้เรามีวันไนต์กันอีกครั้ง
แต่ถ้าอีกครั้งมันจะไม่ใช่วันไนต์แล้วละสิ
“ไปทำอะไรมาหน้าแดง”
เกลเอ่ยถามเมื่อฉันกลับมานั่งที่เดิม
“แดงเหรอ” ฉันยกมือสองข้างประกบแก้มสองแก้มของตัวเองเพื่อเช็ก
“อืม” เกลตอบออกมาเพียงเท่านั้น ก่อนจะไปทำหน้าชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่น ๆ
และเมื่อชงเสร็จก็กลับมายืนอยู่ตรงหน้าฉันอีกครั้ง
“เขาเจ้าชู้ใช่ไหม” เมื่อได้จังหวะที่เกลว่าง ฉันก็โพล่งถามออกไปในสิ่งที่อยากรู้
“ใคร” แต่เพื่อนสาวนี่สิ
“แกนี่ เราคุยถึงเรื่องใครค้างไว้ล่ะ”
“อ่อ...” พอดุไปทีก็จำได้ขึ้นมาเชียว
“...โอเค ๆ ก็ตามประสาคนโสดที่เป็นหมายปองของสาว ๆนั่นแหละ” แสดงว่าเจ้าชู้หรือเปล่า
แต่ถ้าโสด
เอ๊ะ โสดสินะ
“ทำไม ติดใจงั้นสิ” คำพูดของทำให้ฉันคิดหนัก
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉัน ติดใจเขาอย่างที่เกลพูดออกมา
“ไม่ได้หรอก เขาคือหนึ่งในคนที่มาขอเทคโอเวอร์บริษัทฉัน แกก็รู้ฉันเกลียดพวกฉวยโอกาสมากแค่ไหน” และสุดท้ายฉันก็ตีกับตัวเอง
“เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวควรแยกกันสิ” เกลคงเห็นฉันคิดหนักจึงเอ่ยบอกฉันออกมาแบบนั้น
“แยกไม่ได้หรอก” เรื่องแบบนี้มันจะแยกกันได้หรอก
เพราะงานก็คือทั้งชีวิตของฉัน
ฉันเป็นเจ้าของบริษัทนี่นา
“แน่ใจนะว่าจะไม่เสียดาย”
“ก็ไม่ได้เด็ดอะไรขนาดนั้น” ปากพูดบอกออกไปแบบนั้น แต่จริง ๆ แล้วฉันเสียดายเอามาก ๆ เลยล่ะ
“แต่หน้าแดงนะ”
“แกผสมเหล้าให้ฉันเยอะหรือเปล่า” อันนี้ไม่ได้ปากไม่ตรงกับใจ แต่ฉันรู้สึกมึน ๆ เมา ๆ ขึ้นมาเยอะกว่าเดิมแล้ว
“ใส่นิดเดียวแกก็เมาเนอะ” ฉันเท้าแขนกับเคาน์เตอร์บาร์มือก็กุมขมับเอาไว้ แทบอยากจะฟุบ
“พูดถึงเขา เขาก็มองแกอยู่ตลอดนะ” สิ้นประโยคของเกลฉันก็เงยหน้ามองเพื่อนสาวในทันที
และก็พบกับสายตาที่เพื่อนสาวกำลังจ้องมองไปยังด้านหลังของฉัน
ควับ ฉันหันไปมองยังด้านหลัง ก็พบกับเขาคนจริง ๆ
“แกเห็นเขาตั้งแต่เมื่อไหร่” ก่อนจะหันมาเอ่ยถามเพื่อนสาว
“เขามาก่อนแกอีกนะ”
“จริงดิ” ฉันถามออกไปอย่างตกใจ
เพราะก่อนหน้านี้ฉันไปพูดกับเขา ไปหาว่าเขา ว่าตามฉันมา
โอ๊ย ทำตัวน่าขายหน้าจริง ๆ ยัยลลิน
และประโยคถัดมายิ่งตอกย้ำความปากพล่อยของตัวเอง เกิดมาทั้งชีวิตวันนี้เป็นวันที่ขายหน้าที่สุด
“ที่นี่ก็เป็นผับของเขา” พูดจบเพื่อนรักก็เดินจากไปทิ้งให้ฉันนอนฟุบปิดหน้าตัวเองอยู่ลำพัง
ให้ฉันได้ตั้งสติ แก้วตรงหน้าฉันก็ไม่จิบมันอีกเลย
เนิ่นนานเพื่อนรักก็กลับมาหาฉันอีกครั้ง
“ถ้าคืนนี้เขาชวนฉันอีก ฉันควรไปไหม” ฉันนั่งครุ่นคิดกับแววตาของเขาเมื่อตอนไปเข้าห้องน้ำ
“ติดใจล่ะสิ”
“จะว่าใช่ก็ใช่” ฉันคนเดียวหนะเหรอที่คิดแบบนั้น
แววตาที่เขาสื่อออกมาถ้าฉันมองไม่ผิดเขาก็คิดแบบเดียวกันอยู่แน่ ๆ
“คิดแค่ว่าแก้เครียดแล้วกัน...”
“...มันก็ดีกว่านอนปวดหัวอยู่ที่ห้องคนเดียวไม่ใช่เหรอ”
เพื่อนสาวแนะนำมาจากประสบการณ์ของตัวเองล้วน ๆ
เมื่อได้คำปรึกษามาอย่างนั้น ฉันก็เอี้ยวตัวหันหลังไปมองยังโต๊ะที่เขานั่งอยู่อีกครั้ง
และก็พบสายตาคมที่กำลังมองฉันอยู่ก่อนแล้ว
เราสบตากัน...
สายตาที่เขาใช้จ้องมองมา ทำฉันอ่อนระทวยใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันกลับแล้วดีกว่า” ฉันเอ่ยบอกเพื่อนสาว แต่ก่อนจะไปฉันคิดยังไงไม่รู้หยิบแก้วด้านหน้ากระดกดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
ฉันมอมตัวเองอีกแล้ว
ก่อนจะเดินออกมานอกผับ
ถ้าเขาตามมาแสดงว่าใช่
แต่ถ้าไม่...
หมับ จู่ ๆ ก็มีมือหนาเอื้อมมารั้งข้อแขนฉันไว้
“ให้ผมไปส่งไหม” และเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหูเอ่ยถามก็รู้ได้ในทันที
ว่าเป็นเขา...
ฉันหันมาสบตากับเขา
“ฉันมาคิดดูแล้ว เรื่องที่คุณเสนอมา ก็น่าสนใจดีนะคะ”
“ถ้าคุณสนใจ ไปคุยรายละเอียดที่ห้องผมไหม”