Time & Lalin 5 - ความบังเอิญที่ตั้งใจ
Time & Lalin 5 - ความบังเอิญที่ตั้งใจ
หลายวันต่อมา...
“พี่ลลินคะ”
“อือ ว่าไง” ฉันเงยหน้ามองสายป่านที่เดินเข้ามาในห้องทำงานฉันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดคิดหนัก
“มีบริษัทมาขอเทคโอเวอร์บริษัทเราอีกแล้วค่ะ”
ตั้งแต่แอปพลิเคชันที่ฉันสร้างขึ้นมาเปิดตัวให้ทดลองใช้อย่างเป็นทางการมีผู้คนให้ความสนใจใช้งานกันอย่าล้นหลามจนกลายเป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมอันดับหนึ่งในตอนนี้
บริษัทเราเป็นบริษัทเล็ก ๆ แต่กลับสร้างแอปพลิเคชันดี ๆ ออกมา บริษัทใหญ่ ๆ ที่เห็นโอกาสตรงนี้ก็มักจะเอาเงินมาฟาดเพื่อขอซื้อไปบริหารต่อ
“พี่บอกให้ปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่เหรอ” นี่ไม่ใช่บริษัทแรกที่เข้ามาขอเทคโอเวอร์บริษัทเรา แต่เป็นบริษัทที่สี่ที่ห้าได้แล้วมั้ง
“ใช่ค่ะ สายป่านก็ปฏิเสธไปแล้วแต่ว่า เขายังดื้อไม่เลิกค่ะ และอยากจะขอเจรจากับพี่แค่คนเดียวด้วย” คนตรงหน้าฉันทำท่าทางกระอักกระอ่วนใจ
ฉันเข้าใจสายป่านที่เป็นด่านหน้าดี คงจะโดนมาไม่น้อย...
“เจรจาไปก็เท่านั้นพี่ไม่ขาย”
“แต่ว่า เขามารออยู่ด้านนอกแล้วค่ะ” สายป่านก็โดนกดดันมาอีกทีฉันเข้าใจดี
“เฮ้อ อือ อีกห้านาทีพี่ออกไป” สุดท้ายก็ต้องถึงมือฉันสินะ
“ค่ะ” สายป่านยิ้มรับแห้ง ๆ และเดินออกไป
“เกลียดนักไอ้พวกชอบฉวยโอกาส พวกทำนาบนหลังคน ไอ้พวกสมองไม่มี คิดว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ” เมื่อประตูปิดลงฉันก็พ่นคำด่าตามออกมาเป็นชุด เพราะมันอดกลั้นไว้ในใจไม่ได้จริง ๆ
ฉันสร้างมาแทบตายจะมาชุบมือเปิบแบบนี้ได้ไง
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แทนที่จะให้ฉันเอาเวลาไว้ทำงาน ต้องมาเสียเวลามาตามไล่พวกนี้อีก คิดแล้วก็ยิ่งโมโห
ปัง! ฉันวางปากกาในมือลงอย่างแรง
ไอ้เรามันเป็นพวกโมโหแล้วชอบใช้กำลังเสียด้วยสิ
“ได้เห็นดีกันแน่” ตอนนี้ฉันอารมณ์เดือดจนจะกินคนได้ทั้งคนอยู่แล้ว
เมื่อพร้อมฉันก็เดินออกมาด้านนอก มุ่งเดินไปยังห้องที่ไว้สำหรับต้อนรับแขก
ปกติก็เอาไว้ต้อนรับแขกที่รับเชิญเท่านั้น
แต่นี่อะไร เป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งนั้น
“ไม่ต้องเข้ามาพี่จัดการเอง” ฉันหันไปเอ่ยบอกกับสายป่านที่กำลังจะเดินตามฉันเข้ามาด้านในห้อง
“สวัสดีค่ะ” เดินเข้ามาก็พบกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งรออยู่
“สวัสดีครับคุณลลิน” คนตรงหน้าลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเอ่ยทักทาย
“รู้จักชื่อฉันด้วยเหรอคะ” ฉันไม่ได้เดินเข้าไปนั่งแต่เลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้เพื่อยืนคุย เพราะอีกไม่กี่นาทีฉันก็จะเดินออกไปแล้ว
“แหมไม่ให้รู้จักได้ไงล่ะครับ แอพที่คุณสร้างออกข่าวดังเสียขนาดนั้น” คนตรงหน้าเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน ๆ เพราะคงเห็นแล้วว่าฉันมาด้วยสีหน้าที่ไม่ต้อนรับเขาเลยสักนิด
“ขอบคุณนะคะที่สนใจกับสิ่งที่ฉันสร้างมาเองกับมือ ทั้งลงทุนลงแรงลงเงินล้มเหลวไปตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่ง่ายเลยค่ะ” ฉันร่ายยาวอย่างไม่คิดหายใจ
อยากจะจบตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“เอ่อ” จนพูดจบคนตรงหน้าก็หน้าเหวอแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ ที่จะต้องพูดตรง ๆ ว่าฉันไม่ขายและไม่มีวันขาย” เขานิ่งไปในทันทีที่ฉันพูดจบ
“ถ้าเข้าใจแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” ฉันจึงใช้โอกาสนี้ตัดจบและเดินออกมา
“สายป่าน ส่งแขกด้วย” อย่าหาว่าฉันไม่มีมารยาทเลยนะ แต่คนพวกนี้ไม่มีมารยาทกับฉันเองก่อนทำไม
ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจ ฉันเข้าใจดีเลยล่ะ
เพราะธุรกิจกับการฉวยโอกาสมันเป็นของคู่กัน
แต่จะฉวยกันดื้อ ๆ แบบนี้ก็ยากหน่อยล่ะ
ก๊อก ก๊อก
“มีอะไร” พอฉันเห็นหน้าสายป่านเป็นรอบที่ร้อยของวันนี้อารมณ์หงุดหงิดก็มาในทันที
“พี่ลลินคะ” สายป่านเดินเข้ามาใกล้ ๆ ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนเฉกเช่นเดิม
“มาอีกแล้วค่ะ” ก่อนจะเอ่ยบอกในสิ่งที่ฉันก็คิดไว้อยู่แล้ว
“ฉันควรจะเปลี่ยนเลขาดีไหม สั่งแล้วทำไม่ได้แบบนี้” แค่คิดเล่น ๆ ไม่ได้จริงจังแต่สายป่านก็หน้าเสียอยู่
“สายป่านก็ไล่ไปได้หมดเลยนะคะ แต่ว่า...คุณคนนี้เขาหล่อ...” พูดเสร็จก็บิดตัวไปมาอย่างเขินอายจนฉันงง
นี่ฉันกำลังจริงจังอยู่นะเนี้ย
“...และยังให้นามบัตรมาด้วยค่ะ บอกว่าถ้าพี่เห็นนามบัตรนี้ พี่ต้องเปลี่ยนใจออกไปหาเขาแน่ ๆ” พูดจบมือน้อยก็ยื่นส่งนามบัตรสีดำสนิทตัดทองดูหรูหราในมือส่งให้ฉัน
ฉันยังไม่รับมันมาได้แต่มองหน้าสายป่าน เพราะกำลังคิดว่าทำไมฉันต้องออกไปถ้าหากฉันเห็นนามบัตรนี้
“เฮ้อ” ฉันถอนหายใจให้กับคนตรงหน้า และเพื่อคลายความสงสัยฉันก็ต้องรีบหยิบนามบัตรนั่นมาดูสินะ
เมื่อนามบัตรมาอยู่ในมือแล้ว ฉันก็กวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษร
“บริษัทใหญ่นี่เอง” ฉันพึมพำออกมาก็นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนที่ฉันรู้จัก ที่แท้ก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่นี่เอง
คิดว่าฉันรู้แล้วจะยอมขายให้หรือไง เอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้น
พรึบ ฉันโยนนามบัตรนั่นลงบนโต๊ะ
“หื้อ” แต่แล้วบางอย่างก็ทำให้หยิบมันขึ้นมาใหม่ เพราะพอฉันเพ่งดูชื่อผู้บริหารอีกทีแล้ว
ไทม์ งั้นเหรอ
ชื่อนี้ทำให้ฉันนึกถึงใครบางคนขึ้นมา
“เขาบอกว่าไงนะ คนที่ให้นามบัตรนี้มา” ฉันชูนามบัตรขึ้นถามสายป่านอย่างถี่ถ้วนถึงเรื่องราวอีกครั้ง
“บอกว่าถ้าพี่ได้เห็นนามบัตรนี้พี่ต้องออกไปหาเขาแน่นอนค่ะ” สายป่านยกยิ้มพร้อมกับส่งสายตามองอย่างจะแซวฉันทางสายตา
“รู้จักเหรอคะ” พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามากระซิบถามใกล้ ๆ
“ไม่รู้จัก” ฉันพูดออกไปนิ่ง ๆ เพื่อตัดบท
ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักแต่ยังไม่แน่ใจ...ว่าใช่เขาหรือเปล่า
“หรือว่าเขากำลังตามจีบพี่อยู่” สายป่านเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่เลิก
“ชักจะไปไกลแล้ว...” เมื่อโดนจี้ ฉันก็โพล่งพูดเสียงดังออกไป
“...ออกไปทำงานเถอะ” ก่อนจะไล่ให้สายป่านไปทำงาน
มีหวังได้เอาเรื่องนี้ไปเมาท์มอยกันแน่ ๆ
พรึบ ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้เพราะจะออกไปเจอคนที่มั่นใจว่าฉันต้องออกไปเจอเขาแน่ ๆ
“ยิ้มอะไร” แต่ก็ไม่วายให้ได้เห็นสายตาของสายป่านที่มองมา
“เปล่าค่ะ” พูดจบก็ถอยหลังเล็กน้อยเพื่อหลีกทางให้ฉันเดินออกจากห้อง
“ต้องมีอะไร แน่ ๆ” ฉันเดินออกมาไม่พ้นประตูดีพอ ก็ได้ยินเสียงสายป่านเล็ดลอดออกมา
ฉันกัดริมฝีปากแน่น ใจเต้นแรงขึ้นอย่างบอกไม่ถูกคงไม่บังเอิญขนาดนั้น
แต่ถ้าเป็นเขาคนนั้นล่ะ ก็ไม่แน่...เพราะเขามักจะทำเรื่องที่ฉันคิดว่าบังเอิญ
แต่สำหรับเขา...เขาตั้งใจ
อย่างเรื่องในคืนนั้น...
ที่เขาตั้งใจเข้ามาหาฉันตั้งแต่แรก