เพื่อนพี่ชาย 01 อยากย้อนเวลา(2)
อ้าว นี่ฉันแค่นึกว่าอยากจะร้องเอง ไหงเลยมีน้ำสีใสไหลออกจากดวงตาคู่สวยซะได้ ตาฉันช้ำหมดสวยกันพอดี
“รับผิดชอบอะไรคะ” ตั้งสติ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง คนอย่างพี่เอิ๊กจะมารับผิดชอบฉันงั้นเหรอ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ เมื่อก่อนฉันก็มองว่าเขาดี เป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่เท่มาก ๆ เพื่อนในกลุ่มและในห้องเรียนพากันปลื้มเขายกใหญ่ กดฟอลโล่ไอจีเฟซบุ๊ก และเป็นเดือดเป็นร้อนเวลาที่เขามีข่าวกับผู้หญิง ส่วนใหญ่ผู้หญิงโดนด่ายับ
พี่เอิ๊กเขาคล้ายเน็ตไอดอล แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นนั้น จะออกแนวขวัญใจวัยรุ่นทั้งหญิงชายอะไรประมาณนั้นเนื่องจากเขาเป็นเจ้าของร้านแต่งรถ วัยรุ่นผู้ชายจึงชื่นชอบเขา เขาเก่ง เขาดูเท่งี้ ขณะที่สาว ๆ คลั่งไคล้เขามาก ๆ เพราะเขาหล่อ เท่ โสด มีประวัติเป็นแฟนที่ดี ใคร ๆ ก็อยากได้เป็นแฟน ฉันเองก็ดีใจที่ได้รู้จักกับพี่เอิ๊ก ฉันได้พูดคุยกับเขาเพราะเขาเป็นเพื่อนของพี่ชาย ก็เลยค่อนข้างเจอกันบ่อย แต่ก็ไม่ได้คุยกันบ่อยนักหรอก แค่ทักทายบางครั้ง ยิ้มให้ในบางที เป็นความรู้สึกที่ดีนะ ให้ความรู้สึกแบบเออ ฉันรู้จักคนดังนะ คนที่พวกเธอชอบ คนที่พวกเธอปลื้มน่ะเป็นเพื่อนพี่ชายฉันนะ อะไรแบบนั้นอะ
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันกลัวเขามากและไม่อยากจะเข้าใกล้ด้วย เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษอย่างที่สร้างภาพลักษณ์ให้คนทั่วไปเห็น เขาเวลาอยู่บนเตียงเหมือนคนหื่นกระหาย ดูหิวโซเหมือนเสือหิวโหย เขาเหมือนคนอดอยากปากแห้ง ทำตัวหื่นกามน่ากลัวมาก ฉันที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายทุกคนเป็นแบบเขาไหม
ฉันรับไม่ได้กับสิ่งที่เพิ่งเกิด นึกถึงทีไรก็ทำใจฉันสั่นรัว
หือ เบลไม่เอาด้วยหรอกนะแบบนี้ พูดแล้วขนลุกขนพอง
สิ่งที่เสียไปแล้วฉันจะลืมมันไปซะ ต่อไปก็จะไม่เข้าใกล้เขาอีก ไม่ร้อง ห้ามร้องไห้เด็ดขาด ห้ามตัวสั่นด้วยเบล บอกให้ห้ามสั่นไงวะ ทำไมไม่เชื่อฟังกันบ้างเจ้าร่างกายตัวดี
“รับผิดชอบทุกอย่างครับ” พี่เอิ๊กพูดพร้อมสีหน้าที่ลำบากใจ แล้วเขาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “พี่ผิดพี่รู้ และแม่เลี้ยงน้องเบลก็เข้ามาเห็น ไหนจะเพื่อน ๆ พี่อีก น้องเบลเสียหาย พี่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าน้องเบลอยากให้พี่รัก พี่ทำไม่ได้นะครับ”
ฉันก็ไม่ได้ต้องการความรักจากเขาสักหน่อย และก็ไม่คิดให้เขามารับผิดชอบด้วย ยังไงก็เมาเหมือนกัน แม้จะนึกถึงแล้วรู้สึกไม่ดีทว่าตอนนั้นก็เหมือนฉันยินยอมไปแล้ว เสียแล้วก็เสียไปเถอะ ยังไงก็เอากลับคืนมาไม่ได้อยู่แล้ว แต่ที่แน่นอนคือฉันไม่ขอให้พี่เอิ๊กมารับผิดชอบ เรื่องนี้ฉันต้องพูดกับพี่เอิ๊กให้รู้เรื่อง
“พี่เอิ๊กไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเบลทั้งนั้นค่ะ เบลไม่ต้อง...อ๊ะ! พี่เอิ๊ก พี่จะทำอะไร!”
ขณะที่ฉันกำลังเจรจาพี่เอิ๊กก็ถือวิสาสะยื่นมือทั้งสองข้างมาติดกระดุมเสื้อ ฉันรีบดีดตัวออกจากที่นอนอย่างไว
อย่านะ อย่าคิดมาแตะตัวกันอีกเชียว ครั้งเดียวเบลก็หลอนไปอีกนาน
ทว่าเมื่อคิดดี ๆ อีกทีฉันไม่ควรทำแบบนี้เลย ไม่ควรที่จะลุกขึ้น เพราะตอนนี้พี่เอิ๊กกำลังนั่งตาค้างมองขาอ่อนฉัน
คืองี้นะเนื่องจากฉันเป็นคนชอบใส่เสื้อตัวใหญ่ ๆ นอนไง มันไม่อึดอัดทำให้รู้สึกหลับสบาย ฉันจึงชอบไปยึดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ ๆ ของพี่เบนซ์มาเป็นของตัวเอง
และมันคือเรื่องปกติที่ฉันไม่ชอบใส่ชั้นในนอน ฉันใส่กางเกงบ็อกเซอร์ผ้าบางที่ชอบซื้อมาแล้วแบ่งคนละครึ่งโหลกับพี่เบนซ์พี่ชายของฉัน
แล้วประเด็นคือกางเกงบ็อกเซอร์ของฉันมันโดนถอดด้วยฝีมือของคนตรงหน้า นั่นทำให้ตอนนี้ฉันไม่ได้ใส่กางเกง นั่นแหละค่ะ ที่สาธยายมาทั้งหมดแค่จะบอกว่าฉันไม่ได้ใส่กางเกง