บทย่อ
เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องกลายมาเป็นเด็กเสี่ย พร้อมกับคำเตือนจากเขาเอง "ห้ามรักเขาเพราะเขาจะไม่มีวันรักเธอ"
EP : 1
"มึง! กูตายแน่ ๆ ซวยแล้ว กูตายแน่งานนี้!" ฉันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะรื้อกระเป๋าของตัวเองทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่มี ไม่มี!
"อะไรมึง เกิดไรขึ้น" วาวา เพื่อนสนิทของฉันเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความสงสัย
"เงินชมรม เงินชมรมมันหายไปมึง!" ฉันบอกเพื่อนก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร
สวัสดีค่ะฉันชื่อน้ำหวาน เรียนม. S ปี 2 กำลังจะขึ้นปี 3 วันนี้เป็นวันซวยของฉันเพราะฉันเป็นตัวแทนปี 2 ที่รุ่นพี่ปี 3 ไว้ใจให้ดูแลเงินชมรมดันทำเงินหาย 7 หมื่น! เงินชมรม 7 หมื่นที่ฉันทำหายมันต้องใช้วันพรุ่งนี้ แล้วฉันจะไปเอาเงินมากมายจากที่ไหนมาคืน
"มึง กูจะตายแล้ว"
"เฮ้ยใจเย็นมึง เอาของกูก่อนไหม กูพอมีเงินเก็บอยู่" วาวาตบไหล่ฉันแล้วก็ยื่นข้อเสนอให้แต่ฉันจะไปเอาเงินมันมาได้ยังไงล่ะ วาวาเป็นเพื่อนสนิทฉันที่สวยเปรี้ยว และมันก็ทำงานเป็นพีอาร์ในผับ อย่าเพิ่งว่ามันไม่ดีนะคะเพราะที่วาวามันต้องทำแบบนี้ก็เพราะมันต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวเลี้ยงแม่เลี้ยงน้อง ต้องยอมอดหลับอดนอนทุกคืนเพื่อไปทำงานที่มันไม่ชอบก็เพราะมันต้องใช้เงินเยอะในการรักษาแม่ที่ป่วยหนัก
"ไม่เอาหรอกมึง แม่มึงต้องฟอกไตทุกอาทิตย์ขอบใจมากนะ" ฉันส่ายหน้าปฏิเสธแล้วก็มองมันอย่างซึ้งใจ
"แล้วจะทำไงอ่ะ"
"ไม่รู้ว่ะ แต่เจ็บใจอย่าให้กูรู้นะว่าใครขโมยกูจะจิกหัวมันไปตบหน้ามหาลัยเลย!" ฉันพูดออกมาด้วยความแค้นใจ
“น้ำหวาน วาวา ยังไม่กลับเหรอจ้ะ” ฉันนั่งคุยกับวาวาอยู่เสียงรุ่นพี่ปี 3 ที่เป็นเหรัญญิกชมรมก็เดินเข้ามาทักทำเอาฉันกับวาวาใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม หน้าซีดจนแทบไม่มีสี
“เอ่อ...สวัสดีค่ะพี่แอน” วาวาเอ่ยทักพี่แอนแล้วก็ยกมือไหว้ ส่วนฉันเองก็ยกมือไหว้พี่แกเหมือนกันแต่ไม่กล้าพูดอะไรเพราะรู้กิตติศัพท์ของพี่แอนดีว่าเวลาดีก็ดีใจหาย แต่ความเคี่ยวความเป๊ะของพี่แกคือที่สุด ขืนใครทำผิดเจ้แกประจานเอาให้อายไปเป็นชาติแน่นอน
“อ้าวหวานแกเป็นอะไร” พี่แอนคงจะสังเกตเห็นท่าทางฉันแปลก ๆ ก็เลยทักพร้อมกับเอามือมาจับที่ไหล่ฉันเขย่าแต่กลับทำให้ฉันหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม
“เอ่อ ปะ เปล่าค่ะพี่แอน หวานเครียดเรื่องเรียนนิดหน่อยวิชาเมื่อกี้มันยาก แหะ ๆ” ฉันยิ้มอ่อนตอบพี่แอน
“อ๋อ มีไรถามพี่ได้นะแกไม่ต้องต้องเกรงใจ ถ้างั้นไม่กวนแล้วพี่ไปก่อน” พี่แอนยิ้มให้แล้วเอ่ยลา ก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินไปทำเอาฉันโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก เฮ้อ!
“เอ้อ! หวาน”
“ขา!” อยู่ ๆ พี่แอนก็หันมาเรียกฉันเสียงดังทำให้ฉันที่เพิ่งโล่งใจสะดุ้งขานรับสติแทบหลุด
“เป็นไรแกตกใจทำไมเนี่ยพี่แค่จะบอกอย่าลืมเงินที่ต้องเอามาให้พี่พรุ่งนี้นะ ไปละ” พี่แอนบอกแล้วก็ยิ้มหวานให้ฉันแต่อีหวานคนนี้นี่สิที่จะตายแล้ว!
“มึง...พรุ่งนี้กูลาตายได้ไหม” ฉันมองตามพี่แอนที่เดินจนลับตาไปแล้วถามวาวาเสียงเหม่อ
“มึงอย่าพูดแบบนั้นทุกปัญหาต้องมีทางออก” วาวาตบไหล่ฉันเพื่อปลอบใจ แต่ไม่เลยฉันไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นเลยสักนิด
“แต่ต้องไม่ใช่ปัญหาหมาจุกตูดแบบของกูสิมึง ฮือ~” ฉันตอบมันแล้วก็ฟุบหน้าลงไปร้องไห้ ทำไมนะ ทั้งที่ฉันก็ทำดีมาตลอด ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่เคยไปเบียดเบียนใคร ทำไมฉันถึงต้องเป็นฝ่ายโดนเบียดเบียนด้วย ทำไม!
“วา...”
“ว่าไง”
“งานของมึงอ่ะ เบิกล่วงหน้าได้ไหมวะ”
“อยากทำ?” มันถามฉันเพราะมันรู้ว่าฉันไม่ชอบงานนี้และฉันก็ไม่อยากให้มันทำมาก ๆ
“ถ้าจำเป็นมันก็ต้องฝืนใจไหมมึง”
“ไม่ได้หรอกมึง ยิ่งไปทำใหม่ยิ่งยาก” วาวาส่ายหน้าบอกฉัน เฮ้อ! ชีวิตอีหวาน อีกตั้ง 3 ปี กว่าจะเบญจเพสทำไมมันซวยบัดซบเร็วขนาดนี้นะ
“หวานมึงเชื่อกู เอาเงินกูไปก่อน” วาวายังไม่ลดละความตั้งใจยืนข้อเสนอให้ฉันอีกครั้ง มีเพื่อนดีนี่มันเป็นศรีแก่ตัวจริง ๆ นะ แต่เราจะทำให้เพื่อนดี ๆ ต้องมาลำบากเพราะเราไม่ได้เหมือนกัน
“ไม่เป็นไรมึง อาจจะมีทางอื่นก็ได้” ฉันบอกมันแล้วยิ้มขอบคุณเพื่อนที่แสนดีที่ไม่ว่านานแค่ไหนมีเรื่องลำบากมากเท่าไหร่ก็ไม่เคยทิ้งฉันไปไหน
“จะมีทางไหนหาเงินได้เร็วขนาดนั้นวะ ไปเป็นเด็กเสี่ยไหมล่ะ” วาวาพูดขึ้นมาติดตลกแต่ใจฉันมันฉุกคิดขึ้นมา คือไม่ได้อยากทำนะแต่พอจนตรอกมันก็ทำได้ทุกอย่างนั่นล่ะ รู้นะว่าสิ่งที่ฉันคิดมันผิด ผิดมาก ๆ ด้วยแต่อย่าด่ากันเลย สถานการณ์มันบีบบังคับ จะให้โทรไปขอเงินพ่อแม่เหรอ พ่อกับแม่น่ะอาจจะมีให้ แต่ไม่รู้ว่าท่านจะต้องลำบากแค่ไหนกับการหาเงินก้อนนั้นมา เพราะบ้านฉันก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร
“จะมีทางไหนหาเงินได้เร็วขนาดนั้นวะ ไปเป็นเด็กเสี่ยไหมล่ะ” วาวาพูดขึ้นมาติดตลกแต่ใจฉันมันฉุกคิดขึ้นมา
ไม่ได้อยากทำนะแต่พอจนตรอกมันก็ทำได้ทุกอย่างนั่นล่ะ รู้นะว่าสิ่งที่ฉันคิดมันผิด ผิดมาก ๆ ด้วยแต่อย่าด่ากันเลยเพราะสถานการณ์มันบีบบังคับ จะให้โทรไปขอเงินพ่อแม่เหรอพ่อกับแม่ก็อาจจะมีให้แต่ไม่รู้ว่าท่านจะต้องลำบากแค่ไหนกับการหาเงินก้อนนั้นมาให้เพราะบ้านฉันก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร
“ก็ถ้าได้เงินพรุ่งนี้ก็เป็นนะ”
“บ้า! ก็พูดเล่นไหมล่ะ” วาวาพูดขึ้นแล้วหันไปสนใจโทรศัพท์ไม่ได้สนสายตาที่ดูจะสนใจสิ่งที่มันพูดออกมาเมื่อกี้ของฉันเลยสักนิด
“มึง...”
“หยุดความคิดของมึงเดี๋ยวนี้หวาน” วาวาเงยหน้าขึ้นมามองฉันสีหน้านิ่งเพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่ามันเริ่มจะไม่พอใจ
“แต่ถ้ามันคุ้มกูก็อยากลอง”
“มึงจะเอาชีวิตของตัวเองไปตีตราบาปเหรอ ตราบาปที่ทั้งชีวิตมึงก็ไม่มีทางลบออกนะหวาน” วาวาวางทุกอย่างลงแล้วพูดกับฉันอย่างจริงจัง อืมก็จริงอย่างที่มันพูด แต่จะให้หาวิธีไหนวะ
“ฮาย~ น้ำหวาน~” พอฉันหยุดคิดได้ไม่ถึง 3 วินาที ก็มีเสียงหวานแต่โคตรเสแสร้งทักทายขึ้นมา เสียงที่พูดกับฉันตั้งแต่ปี 1 ที่ตอแหลยังไงก็ยังคงเส้นคงวาอยู่อย่างนั้น
“ไปไกล ๆ ไป ชิ่ว ๆ” ฉันปลายตาไปมองต้นเสียงด้วยหางตาแล้วหันกลับมา พร้อมกับสะบัดมือไล่มัน แต่เชื่อเถอะอีนี่มันไม่แคร์หรอก หน้ามันหนา หนาขนาดที่รองพื้นบนหน้ามันยังอาย
“แห อย่าเพิ่งไล่สิจ้ะ ผึ้งแค่จะมาทักเพื่อนหวานดี ๆ นะ” โอ้ย~ กระพริบตาปริบ ๆ ตอแหลใส่นี่ไม่คันตาบ้างรึไง ติดขนตาอะไรหนาเบอร์นั้น
“เก็บปากไว้ไปอ้อนเสี่ยเถอะจ้ะ” ฉันหันไปแขวะมันกลับบ้าง รำคาญ ไม่รู้ว่ามันโกรธเกลียดอะไรฉันมาแต่ชาติปางไหนถึงได้ตั้งตัวเป็นศัตรูฉันตั้งแต่ปี 1
“หึ! ปากดีจังเลยนะจ้ะ ผึ้งแค่จะมาบอกว่าพรุ่งนี้มาเรียนด้วยนะจ้ะเพื่อนหวาน อย่าหนีไปไหนล่ะ บาย~” อีน้ำผึ้ง อีผีกระสือพูดขึ้นมาแล้วยิ้มเยาะก่อนที่จะเดินบิดตูดอย่างกับตัวเองเป็นนางแบบออกไป
“มึง...มันพูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ มันรู้อะไรมา” วาวาหันมาหาฉันแล้วรีบถามด้วยความตกใจ
“กูว่ามันไม่รู้หรอก มันนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ อีผึ้ง ผีแมลงสาบ!” ฉันมองตามหลังแล้วก็กำมืออย่างเจ็บใจ พอจะรู้แล้วว่าเงินหายครั้งนี้เป็นใครที่ทำ!
“ไปถามมันตรง ๆ เลยไหม” วาวาถามฉันขึ้นมา
“คนตอแหลแบบนั้นมึงคิดว่ามันจะยอมรับเหรอ ดีไม่ดีเล่นใหญ่หาว่ากูใส่ร้ายมันอีก” ฉันบอกวาวาไปด้วยความโกรธที่มันล้นใจจนตอนนี้ฉันสั่นไปทั้งตัว
“วา...” ฉันเรียกวาวา ซึ่งมันก็มองหน้าฉันเพื่อฟังสิ่งที่ฉันจะพูด
“มึงรู้จักคนที่เลี้ยงอีผึ้งใช่ไหม จัดการให้กูหน่อย”