EP : 2
“น้องคนเมื่อกี้หน้าตาเขาก็สวยนะซูกัสทำไมเขาถึงทำแค่งานเสิร์ฟล่ะ”
“พี่คริชไม่รู้เหรอคะว่าคนที่น่าสนใจถ้าทำตัวให้ตัวเองเข้าถึงยาก แต่ก็ยังตัวธรรมดาเท่าไหร่มันก็ยิ่งมีคนสนใจมากขึ้น”
“ยังไง?”
“ก็...ยิ่งยากก็ยิ่งแพงไงคะ”
“...เรื่องจริง” ไม่รู้ว่าผมจะเชื่อสิ่งที่ซูกัสบอกได้มากแค่ไหนก็เลยถามออกไปอีกครั้ง
“จะลองซื้อไหมล่ะคะ แต่ต้องรอนานหน่อยนะ คนนี้คิวเขายาวค่ะ” ซูกัสบอกด้วยสีหน้าจริงจังแล้วก็เอื้อมมือหยิบแก้วมาส่งให้ผมเหมือนเป็นการตัดบท
ผมฟังหูไว้หูก่อนครับ ไม่รู้ซูกัสพูดเรื่องจริงหรือใส่ร้ายเพราะท่าทางเธอก็ดูจะไม่ค่อยชอบผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่ แต่ผมชักจะอยากรู้แล้วสิว่ามันจริงไหม ผมมันเป็นพวกอยากรู้ต้องได้รู้และผมจะเชื่อก็ต่อเมื่อผมได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง และผมก็คงจะพิสูจน์แน่นอน
-03.00 น.-
เฮ้อ! เสร็จงานแล้วโว๊ย! ชีวิตเด็กเสิร์ฟอย่างอีนับหมดวันที่แสนเหนื่อยล้าไปอีกหนึ่งวัน
ขณะนี้เวลาตี 3 แล้วค่ะฉันเพิ่งเดินออกมารอรถเมล์ที่ป้ายกว่าจะถึงบ้านกว่าจะได้นอนโน่นเลยเกือบสว่างดีนะที่เทอมนี้ไม่มีเรียนเช้าสักวิชาไม่งั้นอีนับเงินเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เปิดเทอมแล้วล่ะค่ะ
“น้องนับเงินคนสวยจ๋า~ ให้พี่จ๊อดไปส่งไหมจ้ะ” เสียงเปรต ๆ ที่คุ้นหูดังขึ้นมาทำให้ฉันต้องถอนหายใจออกมา พี่จ๊อดหรือไอ้พี่จ๊อดที่ฉันชอบเรียกในใจขับมอเตอร์ไซค์มาเทียบที่ป้ายรถเมล์แล้วก็ทำท่าทางเหมือนตัวเองหล่อประหนึ่งไอดอลเกาหลี
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบกลับโดยเหลือบตามองไอ้พี่จ๊อดแค่เสี้ยววินาทีแล้วก็ก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ ชวนฉันทุกวันฉันปฏิเสธทุกวันไม่เหนื่อยบ้างรึไรไงวะ
“โธ่~ อย่าเย็นชาสิจ้ะคนดี พี่จ๊อดไปทำอะไรให้น้องนับเงินโกรธคะ” นั่นไงมาแล้วบทพูดมโน ชอบพูดเหมือนฉันโกรธมัน พูดอย่างกับเป็นแฟนกัน ได้ยินทีไรจะอ้วกแตกทุกที เหนื่อยกับงานแล้วยังต้องมาเหนื่อยกับมันอีก
นับวันเส้นความอดทนที่ฉันมีให้ไอ้พี่จ๊อดจะยิ่งบางลง ๆ จนแทบจะขาด ซึ่งฉันว่าอีกไม่นานหรอกค่ะ
“พี่จ๊อด นับจะไปโกรธอะไรพี่คะ” ฉันละสายตาจากโทรศัพท์มาคุยกับคู่สนทนาที่ไม่พึงประสงค์ด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้มันดูน่าเกลียดเท่าไหร่
“ก็น้องนับดูหมางเมินกับพี่จ๊อดนี่คะ” มาแล้วค่ะ เริ่มจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ อีกนิดหนึ่งคนที่ผ่านมาได้ยินจะรู้สึกได้ว่าผัวเมียกำลังงอนกันเชื่อเหอะ
อ้อลืมบอกค่ะ ไอ้พี่จ๊อดเนี่ยเป็นบาร์เทนเดอร์ของผับ นางชอบคิดว่าตัวเองฮอตเพราะเป็นบาร์เทนเดอร์ และทำตัวเชิดใส่พนักงานชายคนอื่น แถมยังหลงตัวเองมาก ๆ ซึ่งความจริงแล้วนั้นไม่ได้มีอะไรให้น่าเชิดเลยสักนิด
“พี่จ๊อด...” ฉันกรอกตามองบนเพราะเส้นความอดทนเริ่มจะหมดแล้วจริง ๆ
“หรือที่นับเงินไม่ยอมให้พี่ไปส่งเพราะพี่ขับแค่บิ๊กไบค์ใช่ไหม เพราะพี่ไม่ได้มีรถยนต์หรู ๆ เหมือนคนอื่นใช้ไหม หึ! ผู้หญิง พอเราจนก็ถีบหัวส่ง” อ้าวเฮ้ย! กูไปถีบหัวส่งมึงตอนไหนวะ!
“พูดดี ๆ นะพี่จ๊อด” ฉันเริ่มเสียงแข็งใส่เพราะเวลาทำงานซึ่งทำที่นี่เป็นปีแล้วฉันมักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดจาต่อปากต่อคำกับใคร เห็นเงียบ ๆ คิดว่าจะมาลามปามยังไงก็ได้เหรอ
“พี่พูดไม่ดีตรงไหน ใช่สิไอ้จ๊อดมันขับแค่บิ๊กไบท์ ไม่ได้พาเธอนั่งรถยนต์ติดแอร์สบายนี่”
“โอ๊ย! อะไรนักหนาวะ อย่ามาพูดจาเรื่อยเปื่อยนะพี่ คำพูดพี่จ๊อดนี่จะดูถูกนับมากไปแล้วนะ” ฉันทนไม่ไหวพูดออกมาเสียงดังใส่หน้าไอ้พี่จ๊อด ซึ่งเขาก็ดูจะตกใจกับท่าทางของฉันเหมือนกัน แม่งพร่ำเพ้อแต่ละคำบ้าบอคอแตกไปกันใหญ่แล้ว
“อย่ามาขึ้นเสียงใส่พี่นะนับเงิน!” พอเห็นฉันเสียงดังใส่ไอ้พี่จ๊อดก็ยิ่งเสียงดังกว่า ไม่รู้มันจะทำอะไรฉันไหม แถวนี้ยิ่งเปลี่ยวอยู่ด้วย
“ก็พี่มาพูดจาแย่ ๆ ใส่นับก่อน!” ถึงจะเริ่มกลัวแต่ใจยังไหวค่ะ ยังไม่โดนมันทำอะไรก็แกร่งต่อไป ไม่ไหวค่อยวิ่ง
“ก็มันจริงพี่ชวนกลับกับพี่กี่ครั้งน้องนับเงินก็ปฏิเสธตรลอด รังเกียจบิ๊กไบท์มากรึไง นี่คันละเป็นแสนนะ” พอฉันว่ากลับเขาก็เริ่มอ่อนลง คงจะรู้ตัวแต่ก็ยังไม่ทิ้งลาย นอกจากหลงตัวเองแล้วยังขี้อวดอีกด้วย อยากตะโกนใส่หน้าดัง ๆ ว่า เรื่องจริงคือกูรังเกียจมึงค่ะไม่ใช่รถ!
“พี่! อย่ามาดูถูกนับ นับนั่งรถเมล์เก่า ๆ กลับบ้านทุกวัน แต่ที่นับปฏิเสธพี่ไม่ใช่เพราะนับรังเกียจรถมอเตอร์ไซค์แต่นับไม่ชอบพี่! ชัดไหม!” หมดแล้วค่ะความอดทนก็เลยตะโกนใส่หน้าไอ้พี่จ๊อด บาร์เทนเดอร์สุดหล่อสุดฮอตที่มีแค่เจ้าตัวที่รู้สึกแบบนั้นไปเองคนเดียวดังลั่นป้ายรถเมล์
“นะ นับเงิน...” เหอะ! อึ้งค่ะ พอโดนพูดตรง ๆ ใส่หน้าพ่อสุดฮอตถึงกับหน้าซีดหน้าถอดสี รับไม่ได้สินะที่โดนบอกตรง ๆ
“พี่จ๊อดเลิกมาวอแวกับนับสักที ขอร้องเถอะนะ” ฉันพยายามพูดเสียงอ่อนลง เหนื่อยกับงานแล้วยังต้องมาเหนื่อยกับอะไรอีกก็ไม่รู้
“หึ! ไม่ชอบพี่งั้นเหรอ ฮะ! ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธพี่นะนับเงิน พี่สนใจแค่เธอคนเดียวไม่เคยสนใจผู้หญิงคนอื่นที่ทอดสะพานให้เลยสักคนเธอไม่รู้รึไง!” เอาแล้วมาอีกแล้วจ้า เฮ้อ! มึงจะมโนขี้โม้ไปถึงไหนวะ? มึงดูละครมากไปใช่ไหม
“ขอบคุณความรู้สึกดี ๆ ที่มอบให้นะพี่ แต่นับคงรับไว้ไม่ได้หรอก”
“ดี! ในเมื่อให้เป็นแฟนดี ๆ ไม่ชอบก็อย่าหาว่าพี่ใจร้ายนะนับเงิน อยากเล่นบทตบจูบใช่ไหม!”
“ว๊าย! ปล่อยนะพี่จ๊อด!” พอไอ้พี่จ๊อดมันพูดเสร็จก็ตรงเข้ามากระชากข้อมือฉันประหนึ่งว่าตัวเองกำลังเล่นบทนายหัวสุดเถื่อนอยู่ ฮื่อ~ ตายกูตาย!
“ไม่! วันนี้แหละพี่จะทำให้นับเงินเป็นเมียพี่ ดูสิจะรังเกียจผัวตัวเองไหม!” พอมันพูดแบบนั้นใจฉันแทบจะตกลงไปกองที่พื้นซีเมนต์ ฉันคิดว่าเขาแค่หลงตัวเองไปตามประสาแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วค่ะ ไอ้พี่จ๊อดบ้าแล้วก็โรคจิตไปแล้ว
“กรี๊ด! ปล่อยนะพี่จ๊อด ปล่อย!” ฉันโดนไอ้พี่จ๊อดฉุดกระชากลากถูไปทางรถมอเตอร์ไซค์ของเขา ที่จริงจะกระโดดลงจากรถมันทีหลังฉันก็กล้าทำนะคะ แต่ที่ขัดขืนและกรี๊ดอยู่ตอนนี้เพราะโดนมันสัมผัสแล้วก็ลวนลามมากกว่า มือมันมาโอบเอวฉันแล้วด้วย กรี๊ด!
ปี๊น ๆๆ
ฉันโดนมันลากมาที่รถเรียบร้อยและกำลังจะจะดึงฉันขึ้นนั่ง แรงเยอะอย่างกับควายจริง ๆ ค่ะ ฉันสู้แรงมันไม่ไหวในจังหวะนั้นก็มีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ด้านหลังมอเตอร์ไซค์ไอ้พี่จ๊อดแล้วก็บีบแตรใส่ มีคนมาช่วยฉันแล้วใช่ไหม
“ปล่อยเดี๋ยวนี้พี่จ๊อดไม่งั้นนับจะให้คนเรียกตำรวจ!” ฉันพยายามบิดมือออกจากไอ้พี่จ๊อดแต่ไม่สำเร็จ สายตาก็คอยมองไปทางรถว่าเมื่อไหร่จะลงมาช่วยฉันสักที
“ไม่! เดี๋ยวพี่จะทำให้น้องนับเงินหลงพี่หัวปักหัวปำเลยคอยดู!”
“กรี๊ด! ไอ้จ๊อด! ไอ้ชั่ว! ปล่อยสิโว๊ย!” ฉันกรี๊ดลั่นอีกครั้งเพราะไอ้พี่จ๊อดมันกระชากฉันเข้าไปชนอกของมันแล้วก็รวบเอวฉันไว้ ฮือ~ มึงจะสเต็ปพระเอกนิยายน้ำเน่าไปไหนวะ!
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!” ฉันหันไปทางรถยนต์คันนั้นที่ประตูฝั่งคนขับได้เปิดออกเรียบร้อยแล้วฉันว่าเขาคงดูเชิงว่าเป็นผัวเมียทะเลาะกันรึเปล่าถึงได้ยังไม่ลงมาแน่นอน
“ปล่อยผู้หญิง” เพราะแสงไฟหน้ารถมันส่องตาทำให้ไม่เห็นหน้าตาของคนที่ลงจากรถแต่เสียงหล่อมาก เสียงหล่อและคุ้นหูยังไงก็ไม่รู้
“อย่าเสือกเรื่องของผัวเมีย!”
“ไม่ใช่นะคะไอ้นี่กำลังจะลวนลามฉัน” ฉันรีบสวนกลับไปขออย่าให้คนคนนี้เชื่อว่าเป็นผัวเมียเลยเถอะไม่งั้นอีนับเงินตายแน่ ๆ และเหมือนผู้ชายที่มาใหม่จะไม่ได้ปักใจเชื่อ เขาเดินมาทางฉันพอพ้นระดับแสงไฟก็เลยทำให้เห็นใบหน้าของเขาชัดขึ้นพร้อมกับเสียงของเขาที่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เธอ...เป็นเมียไอ้บาร์เทนเดอร์นี่เหรอ?” คุณคริช! แฟนในมโนของอีนับเงินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แล้วก็ทำหน้าสงสัยเล็กน้อยฉันเลยรีบส่ายหน้าตอบ
“ไม่ใช่รค่ะ”
“รู้จักกู?” ไอ้พี่จ๊อดถามคุณคริชแล้วก็เชิดหน้าขึ้น โถ~ ไอ้คนดัง!
“รู้ มึงเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ XY” ฮือ~ สุดหล่อขาอย่าเพิ่งไปสนทนากับมัน มาช่วยอีนับก่อนโว๊ย!
“หึ ๆ” ไอ้พี่จ๊อดยิ่งเชิดหน้ากว่าเก่าที่มีคนรู้จักมัน
“ที่จริงกูไม่อยากจำมึงหรอกนะแต่มึงชงเหล้าห่วยแตกกูเลยต้องจำแล้วสั่งเด็กเสิร์ฟว่าไม่ให้มึงชงให้กู” คุณคริชตอกกลับด้วยคำพูดที่สะเทือนพุงนับเงินมากค่ะ โดนดูถูกในสายอาชีพขนาดนี้ไอ้พี่จ๊อดปั่นป่วนแน่ยิ่งเป็นคนหลงตัวเองอยู่ด้วย
“ไอ้เหี้ย! เจอกูตัวต่อตัวไหมวะ” มันตะโกนด่าแต่มือยังโอบฉันไว้แน่นจนฉันต้องหันไปมองหน้าคุณคริชด้วยแววตาขอร้อง จะตีกันก็ได้แต่เอามือไอ้นี่ออกจากเอวฉันก่อนเถอะ T^T
“ปล่อยผู้หญิงก่อนแล้วมาเจอกับกู” คุณคริชยักคิ้วให้ข้างหนึ่ง ถึงตอนนี้ฉันจะไม่ค่อยโอเคกับการโดนไอ้พี่จ๊อดกอดแต่พอเจอท่าทางแบดบอยของเขาแล้วบรรยากาศมันดีขึ้นแบบแปลก ๆ
“กูไม่ปล่อยนี่เมียกู”
“ไอ้จ๊อด!” มันพูดหน้าไม่อายฉันเลยหันไปตะโกนด้วยความโกรธพร้อมพ่นน้ำลายเป็นฝอยใส่หน้าไปด้วย
“ถ้าเมียมึงต่อให้มึงไม่กอดเขาก็กลับไปกับมึงอยู่ดี จะเอาไงอย่าลีลา” คุณคริชพูดพร้อมกับเริ่มปลดกระดุมที่แขนของเสื้อเชิ้ตแล้วก็พับขึ้นช้า ๆ แต่ไอ้พี่จ๊อดเหมือนจะเริ่มเขวเพราะท่าทางของคุณคริชดูจะไม่ใช่มวยวัด
“มึงมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยอย่ามาเสือกเรื่องของผัวเมีย! กูไม่มีเวลาไปเตะมึงหรอกไอ้สำอางกูจะพาเมียกูกลับไปนอน”
“อืม...” เอ้า! พอไอ้พี่จ๊อดพูดแบบนั้นคุณคริชก็พยักหน้าแล้วก็หมุนตัวกลับไปทางรถซะงั้น อ้าวเฮ๊ย! ฉันได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นจนพูดอะไรไม่ออก บทจะไปก็ไปง่าย ๆ เลยเนี่ยนะ แล้วจะเสียเวลาลงจากรถทำไมวะ!
“หึ! นึกว่าจะแน่” ไอ้พี่จ๊อดพูดไล่หลังในตอนที่ไอ้คุณคริชเปิดประตูรถส่วนอีนับเงินก็กำลังอึ้งปนผิดหวังเพราะผู้ชายที่แอบชอบดันสันดานแบบนี้ แม่งเอ๊ย! ลงมาช่วยให้ดีใจตั้งหนึ่งนาทีเพื่ออะไร!
“กูง่วงจะรีบกลับไปนอน” ไอ้คุณคริชก้มลงไปเหมือนจะขึ้นรถแล้วก็เงยหน้ามาบอกไอ้พี่จ๊อด เชิญเถอะไอ้หล่อไร้น้ำใจ ง่วงก็เชิญกลับไปกินนมห่มผ้านอน!
“ก็ไปสิวะ!”
“หึ ๆๆ กูรู้ แต่กูยังไม่เสร็จธุระนี่หว่า” ไอ้หล่อไร้น้ำใจนั่นพูดแล้วก็ยิ้มใส่ไอ้พี่จ๊อดก่อนที่จะชูวัตถุสีดำวาวที่ฉันเห็นแล้วขาแทบจะอ่อนแรงในทันทีมาทางไอ้พี่จ๊อดและฉัน
“กูง่วงมากเพราะฉะนั้นปล่อยผู้หญิงซะไอ้ลูกหมา กูไม่มีเวลาเตะปากมึงตอนนี้ ถ้ายังไม่ปล่อยกูจะใช้เครื่องทุ่นแรง” เขาพูดขึ้นมาทำให้ไอ้พี่จ๊อดเริ่มหน้าซีด
“ยะ อย่ามาขู่กู!”
“รึมึงจะลองวะไอ้ชงเหล้าห่วยแตก” คุณคริชสุดหล่อพูดแค่นั้นก็ดึงแมกกาซีนที่เอาไว้ใส่กระสุนออกจากด้าม แล้วโชว์ให้ไอ้พี่จ๊อดดูว่ามันมีกระสุนเต็มลำก่อนที่จะใส่เข้าไปใหม่แล้วก็ยกปืนเล็งมาที่ไอ้พี่จ๊อดอีกครั้ง
“กูไม่ขู่ แล้วกูก็ไม่กลัวกฎหมาย มึงเป็นผีแล้วก็มาตามดูด้วยว่ากูจะเข้าคุกรึเปล่า” น้ำเสียงเย็นยะเยือกที่พูดออกมาขนาดไม่ได้พูดกับฉันฉันยังเสียวสันหลังวาบ และถัดจากเสียวสันหลังคือการโดนผลักสันหลังแทน
“โอ๊ย!” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจเพราะโดนผลักแบบไม่ทันได้ตั้งตัวจนแทบล้มหัวคะมำ
“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง!”
ปัง!!!
“กรี๊ด!!!” พอไอ้พี่จ๊อดตะโกนแล้วก็ชี้หน้าใส่คุณคริชด้วยความเจ็บใจเสียงปืนมันก็ดังสนั่นขึ้นมา แล้วฉันก็ไม่ได้ตาฝาด กระตุนมันยิงเฉียดขาไอ้พี่จ๊อดไปแค่นิดเดียว
“อันนี้กูขู่ แต่ถ้าเห่าไม่เลิกกูจะยิงจริง” คุณคริชพูดขึ้นเรียบ ๆ แล้วก็ยกปืนขึ้นมาในระดับเดียวกันกับหัวไอ้พี่จ๊อด โคตรโหด โหดมาก
“ปะ ไปแล้วครับ พี่อย่า ยะ อย่านะพี่” ไอ้พี่จ๊อดรีบพูดตะกุกตะกักพร้อมยกมือไหว้คุณคริชแล้วก็รีบเดินกึ่งวิ่งเหมือนคนขาอ่อนแรงไปข้างทาง อ้าวเฮ๊ย! มอเตอร์ไซค์มึงอยู่นี่
“ฟู่ว!” ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ก็ยังอกสั่นขวัญผวาไม่หาย เกิดมายังไม่เคยเห็นปืนมันลั่นไกต่อหน้าเลยสักครั้ง แล้วถึงได้หันไปมองหน้าคุณคริชที่โยนปืนเข้าไปในรถแล้วก็หันมามองหน้าฉัน
“ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ฉันคงแย่” ฉันยกมือไหว้ขอบคุณเขา แต่บอกตามตรงว่าไม่กล้าสบตาทั้งเขินทั้งกลัวแล้วตอนนี้
“อื้ม ทำไมไม่รีบกลับบ้านล่ะมาทำอะไรตรงนี้” พอเขาถามมาใจมันก็เต้น คนหล่อมากไงคะ คนหล่อที่แอบชอบมาคุยกับเราเลยนะคะ มาคุยแบบไม่ทันได้เตรียมใจจะไม่ให้ใจเต้นรัวได้ยังไง >///<
“เพิ่งเลิกงานเลยมารอรถเมล์ค่ะ” ฉันตอบเบาๆ และพยายามหาคีย์เสียงที่สวยที่สุด
“ขึ้นรถสิเดี๋ยวไปส่ง” เขาพูดขึ้นมาทำให้ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันทีถึงแม้ในใจจะแทบกรี๊ดออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรถเมล์ก็มาแล้ว”
“ขึ้นมาเถอะน่า ฉันง่วงไม่มีเวลามานั่งเฝ้าเธอจนขึ้นรถเมล์หรอกนะ รถไอ้นั่นก็ยังอยู่เดี๋ยวมันก็กลับมาอีกหรอก”
“บ้านฉันอยู่ไกลค่ะ” ฉันพยายามหาข้ออ้างเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรบกวนเขา
“โอเค”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันยิ้มขอบคุณแต่ก็สบตาเขาได้แค่นิดเดียว
“อื้ม ถ้างั้นก็มีสองทางเลือกจะ ให้ฉันไปส่งที่บ้านเธอหรือเธอจะไปนอนบ้านฉัน”