EP : 9 : ใครที่มันกล้าปฏิเสธขนม
ก๊อก ๆๆ
“มีอะไร”
“ไปช่วยอะไรหน่อยดิ”
“ช่วย?”
“อืม ในห้องอ่ะ” ผมบอกคนตรงหน้า ผู้หญิงข้างห้องที่ผมรู้จักแล้วก็สนิทมานาน ยัยนี่เป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้วครับนานพอไหมล่ะ เธอชื่อเกล พอผมบอกเสร็จก็เดินนำเข้ามาในห้องทันที ส่วนยัยนั่นก็เดินตามมาโดยที่ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไร
“เดี๋ยวนี้ถึงกับต้องมอมเหล้าเลยเหรอ” พอเกลเข้ามาในห้องนอนผมแล้วเห็นขนมนอนเมาหลับอยู่บนเตียงก็หันมาถามผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะเชื่อสายตาเท่าไหร่
“มอมบ้าไรวะไม่ได้มอมน้องเขาดื่มจนเมาหลับเอง ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องเขาทีดิ”
“ทำไมนายไม่เปลี่ยนเองล่ะ ผู้หญิงของนายนี่”
“เออน่าเรื่องนั้นช่างเหอะ แต่ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องเขาทีเดี๋ยวไปรอข้างนอก เสื้อผ้าอยู่บนเตียงนะ” ผมขี้เกียจอธิบายอะไรมากมายเลยออกมาข้างนอก ยัยเกลแม่งก็ทำหน้าเหลือเชื่อที่ผมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ขนมเอง คือเห็นกูหื่นกูก็ไม่ได้หื่นเข้าขั้นลักหลับหรือทำมิดีมิร้ายคนเมานะเว้ย กูแค่หื่นมากแต่กูไม่ได้เลว
“เรียบร้อยแล้ว” เกลเดินออกมาบอกผมหลังจากที่ปล่อยให้ผมนั่งรอเกือบ 10 นาที
“อื้ม ขอบใจมากนะ”
“นี่ตัวจริงเหรอหน้าตาสวยน่ารักจัง ท่าทางนายจะทะนุถนอมน่าดู”
“หึ ๆๆ ฉันเคยคิดจริงจังกับใครเหรอ” ผมแค่นยิ้มบอกเธอไป ไม่มีความชั่วอะไรต้องปิดบังกันหรอกครับเพราะเราเป็นเพื่อนกันมานาน
“แล้วทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาเองล่ะจ้ะเควิน” ยัยเกลแม่งจะจับผิดผมทำไมวะกับอีแค่เรื่องนี้
“ยังไม่ได้กิน เห็นก่อนถึงเวลาจริงก็ไม่ตื่นเต้นสิวะ” ผมตอบเธอไปด้วยรอยยิ้มกวนประสาท อยากถามมากอยากรู้มากกูก็จะบอกตรงๆ ไปนี่แหละ
“Fuck~” แทนคำตอบที่ผมได้คือคำสั้น ๆ กับนิ้วกลางจากเธอแล้วเพื่อนคนสวยตรงหน้าผมก็เดินออกจากห้องไป หึ ๆ กูไม่สะท้านสะเทือนหรอกครับกับด่าแค่นี้
#KEVIN END
#KANOM TALK
“ฮ้าว~” อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบิน ออกหากินร่าเริงแจ่มใส~
อื้อ~ ทำไมเช้านี้มันสะบ๊ายสบาย เตียงนอนก็นุ่มอากาศก็เย็นสบายมาก ตั้งแต่อยู่กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์มาไม่เคยหลับสบายในเท่าครั้งนี้มาก่อนเลยค่ะ
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ฮ้าว~ แต่ยังอยากนอนต่ออยู่...” ฉันได้ยินเสียงใครบางคนถามด้วยความที่กำลังสะลึมสะลืออยู่ก็เลยตอบไป เชี่ย! เสียงใครคะเมื่อกี้เสียงผู้ชายใช่ไหม แต่ห้องฉันฉันอยู่คนเดียวนะแล้วเสียงที่ถามฉันเมื่อกี้เป็นใคร!
พรึ่บ!
ไม่ใช่ห้องฉัน! พอเด้งตัวลุกขึ้นมองรอบ ๆ ถึงได้รู้ว่าที่ตรงนี้ไม่ใช้ห้องของฉัน! แล้วพอมองไปที่ประตูห้องก็เจอผู้ชายคนหนึ่งที่ใช่ชุดนอนยืนมองฉันอยู่
“พะ พี่เควิน...” ฉันพูดออกมาแค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ แล้วเสียงก็เบาซะจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงตัวเอง อารมณ์มันเหมือนฉันกำลังช็อกค่ะ จะกรี๊ดจะโวยวายจะร้องไห้หรือทำอะไรมันก็ทำไม่ถูกสักอย่าง ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี
อีตาเควิน ไอ้บ้านั่นมองเห็นท่าทีของฉันก็รีบเดินเข้ามาทางฉันทันที
“ขนม เฮ้! อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ มัน... / กรี๊ด!!!” ฉันหายช็อกแล้วค่ะ ตอนนี้หายแล้วยิ่งพอเห็นไอ้บ้าเควินเดินเข้ามาใกล้สติยิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว เลยกรี๊ดออกมาดัง ๆ แล้วปาหมอนใส่เขาเต็มแรง
ตุบ!
“เฮ้ย! ขนมฟังพี่ก่อน” ไอ้บ้านั่นหลบหมอนที่ฉันปาใส่แล้วก็รีบมารวบมือฉันเอาไว้
“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ฉันพยายามบิดข้อมือออกแต่มันก็ไม่หลุด ไอ้ชั่วนี่จะมาแก้ตัวอะไร ฉันเมาจนสลบมีเหรอคนหื่นบ้ากามแบบเขาจะปล่อยให้รอด
"ขนมอย่าเพิ่งเข้าใจผิด"
"เข้าใจผิดบ้าอะไร เมาไม่ได้สติแล้วตื่นมาในสภาพใส่ชุดนอนผู้ชายขนาดนี้เนี่ยนะ! นายมันเลว! WVHG];! ไอ้ชะ... / ขนมฟัง!” ฉันสะดุ้งทันทีตอนที่ได้ยินเสียงเขาตะโกนดัง ๆ ไอ้เควินไอ้สารเลว ข่มขืนฉันแล้วยังมีหน้ามาตะคอกฉันอีก กูจะฟ้องมูลนิธิไหนดี! ฮื่อ ๆๆ
“พี่ไม่ได้ทำอะไรเรา ที่พามานอนที่คอนโดก็เพราะกลัวกลับไปห้องแล้วไม่มีใครดูแล สาบานได้อีกอย่างเมื่อคืนพี่ก็นอนอีกห้อง” อีตาเควินจับมือฉันแน่นแล้วก็อธิบาย แต่อีหนมไม่เชื่อ!
“ไม่ได้ทำอะไรแล้วใครเปลี่ยนเสื้อผ้าฉัน! สารภาพมาเลยนะว่าเมื่อคืนแอบลวนลามอะไรบ้าง สารภาพมา!”
“เฮ้อ! หยุดโวยวายก่อนขนม เสื้อผ้าพี่ให้เพื่อนพี่มาเปลี่ยนให้ เพื่อนข้างห้องเป็นผู้หญิง ถ้าไม่เชื่อก็รอตรงนี้เดี๋ยวพี่ไปเรียกมายืนยัน” อีตาเควินพูดด้วยน้ำเสียงดุเป็นมุมหนึ่งของเขาที่ฉันไม่เคยเห็นเลยค่ะ ปกติเห็นแต่ความกะล่อนความเจ้าชู้
“สาบาน” พอเห็นเขาอธิบายแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าร่างกายมันไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนที่เป็นสัญญาณว่าโดนล่วงละเมิดทางเพศฉันก็เลยลดอารมณ์ลง
“ครับ” เขาบอกแค่นั้นแล้วก็ลดแรงบีบที่ข้อมือฉันลง
“แล้วทำไมขนมถึงมาอยู่ที่นี่” ฉันถามด้วยความสงสัยถึงแม้เขาจะบอกมาแล้วว่าฉันเมาหลับแต่มันไม่เคลียร์ไงคะ ส่วนสิ่งที่โวยวายไปเมื่อกี้ขนมไม่ขอโทษค่ะเพราะไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดต่ออีตานี่แต่อย่างใด
“ก็ขนมเมา พี่ไปเคลียร์ร้านให้ไอ้ตินกลับมาก็เห็นขนมเมาแล้ว เมาจนภาพตัดรู้ตัวบ้างไหม ทีหลังดื่มไม่เก่งก็อย่าดื่มเยอะสิ ยิ่งดื่มหลายตัวรวมกันมันก็ยิ่งเมาเร็ว” เขาอธิบายพร้อมกับสอนฉันด้วย แต่น้ำเสียงมันน่าฟังนะไม่รู้เหมือนกันอธิบายไม่ถูกมันเหมือนเขาเป็นห่วงฉัน แต่อย่าหลงกลผู้ชายเจ้าชู้ค่ะฉันว่าเขาแค่แสดงละคร
“ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ดูแลขนมเมื่อคืน” ฉันเอ่ยขอบคุณเขาออกไป สติเริ่มมาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าอย่าหลุดตัวตนที่ไม่น่ารักออกมา ท่ำคัญไม่รู้ว่าเมื่อคืนเมาแล้วเผลอด่าเขาไปรึเปล่า
“ครับ อยากนอนต่อไหม”
“ไม่แล้วค่ะ” ฉันส่ายหน้าตอบทันทีถึงแม้จะยังรู้สึกหน่วงในหัวแต่ใครจะอยากนอนต่อในห้องอีตานี่คะ? รีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า
“เอ่อพี่เควินคะเมื่อคืนขนมเมาแล้วทำอะไรแปลก ๆ รึเปล่า” ฉันถามเขาเบา ๆ เพราะเวลาเมาฉันชอบพูดมากไม่แน่นะเมื่อคืนฉันอาจจะด่าเขาหรือเผลอเล่าอะไรให้เขาฟังไปแล้วก็ได้ -_-!
“ไม่นี่ครับ จะมีก็แค่ด่า” เขาพูดยิ้ม ๆ แต่เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ด่า งั้นเหรอ ซวยแล้วอีหนมเอ๊ย~ T^T
“ด่า?”
“ครับ ขนมเอาแต่ด่าบักปอบ บักพาก บักอะไรอีกก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมดพี่ฟังไม่ทัน ว่าแต่ด่าใครครับท่าทางจะเกลียดมากจนแค้นฝังใจ” อีตาเควินเล่าไปยิ้มไป ยิ้มเหมือนเอ็นดูน้องหนม ได้ฟังแล้วก็โล่งใจมากค่ะที่ความลับยังไม่แตก
“อ้อ ด่าหมาค่ะ เมื่อก่อนเคยโดนหมานิสัยแย่ ๆ มันจะกัดเลยแค้นฝังใจไม่หาย” อีหนมตอบเฮียเควินไปด้วยรอยยิ้มสวย ๆ พร้อมน้ำเสียงที่สื่อให้รู้ว่าเกลียดหมาตัวนั้นแค่ไหน
“หมาที่ไหนครับมารังแกขนม ท่าทางมันจะแสบมากถึงทำให้ขนมแค้นฝังใจได้ขนาดนี้” เฮียเควินของน้องหนมถามแล้วก็ส่งยิ้มขำ ๆ ออกมา โถ~ สงสารมากอยากบอกตรง ๆ ไปว่าหมาตัวไหนแต่ใจไม่กล้าพอ อิอิ
“แสบมากเลยล่ะค่ะไอ้หมาตัวนี้เนี่ย” ฉันตอบเขาแค่นั้นแล้วก็ยิ้มขำ เวลานี้เฮียดูใสซื่อมากเลยค่ะ พ่อหนุ่มน้อยเควินของน้อง~
“ถ้าเจอมันรีบชี้ให้ดูนะครับพี่จะไปเตะมันให้” เขาพูดพร้อมส่งรอยยิ้มเอ็นดูให้ฉันอีกครั้งเหมือนกำลังหยอกเด็ก แต่น้องก็ส่งรอยยิ้มเอ็นดูยิ่งกว่ากลับไปให้แล้วค่ะ
“ได้ค่า แต่พี่เควินช่วยขยับออกไปก่อนได้ไหม” ฉันบอกเขาเพราะตอนนี้เราค่อนข้างอยู่ใกล้กันแล้วมันก็บนเตียงด้วย อีกอย่างหนมรู้สึกว่าหนมไม่มีไส้ในค่ะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่
“อ้อ” พอฉันบอกแบบนั้นเขาก็ขยับออกห่างฉัน จะว่าไปแล้วอีตานี่ก็ยังพอมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่เหมือนกันนะที่ไม่ฉวยโอกาส หรืออาจจะไม่มีแต่แค่ยึดอุดมคติไม่ยุ่งกับคนที่ไม่เต็มใจเหมือนที่เคยบอกฉันก็ได้มั้ง
“พี่ให้แม่บ้านมาเอาชุดขนมไปซักรีดให้แล้วน่าจะเสร็จบ่ายๆ นะครับ รอได้ไหม” บอกมาแบบนี้แสดงว่าฉันต้องอยู่รอจนบ่ายสินะ นี่เพิ่ง 9 โมงเช้า กว่าจะบ่ายโอ๊ยตายกูตาย
“ค่ะ” รอไม่ได้ก็ต้องรอนั่นแหละค่ะ มีทางไหนให้เลือกวะ
-1 ชั่วโมงต่อมา-
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
“ฮัลโหลว่าไงแจน” เสียงโทรศัพท์ดังเรียกให้ฉันที่ตอนนี้นั่งอยู่ในห้องนอนอีตาเควินคนเดียวต้องรับสาย คนที่โทรมาก็คือเพื่อนของฉันเองค่ะ
“เอ้า! เมื่อคืนแจนก็ไปที่นั่นเหรอ”
“อ้อไม่มีไรเดี๋ยวสะดวกจะเล่าให้ฟังแต่เป็นวันหลังได้ไหม เดี๋ยวหนมโทรกลับนะวันนี้ไม่ว่างอ่ะแจน”
“ไม่ต้องห่วงหนมนะ หนมเจ็บแล้วจำแจนก็รู้”
“อื้อยิ่งเป็นไอ้บ้านั่นหนมยิ่งจำ หนมจำวันที่เขาปฏิเสธหนมได้แจนแล้วหนมก็จำได้ดีว่าหนมเกลียดไอ้บ้านั่นมากแค่ไหน เกลียดจนเข้ากระดูกดำ!”
#KANOM END
#KEVIN TALK
ผมเดินเข้ามาในห้องนอนเพื่อจะเรียกให้ขนมออกไปกินข้าวที่ผมทำเสร็จแล้ว แต่เห็นเธอคุยโทรศัพท์อยู่ก็เลยรอจังหวะให้เธอคุยเสร็จก่อน ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะครับแค่รอให้เธอคุยโทรศัพท์ให้เสร็จก่อนจริง ๆ แต่ใครวะที่เธอพูดถึง ใครที่มันกล้าปฏิเสธผู้หญิงสวย ๆ แบบนี้จนเธอถึงขั้นเกลียดเข้ากระดูกดำ