EP : 11 : เราเคยเจอกันไหม
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ” ยัยเฟียสอะไรนั่นขวางทางฉันเอาไว้แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เด็กอนุบาลยังรู้ว่าไม่เป็นมิตร ดีค่ะเฟียส หนมชอบมากที่แสดงออกจัดเจนตอนอยู่กันสองคนแบบนี้
“มีอะไร” ฉันถามด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นยิ้มแบบพร้อมปะทะนะ
“เธอเป็นอะไรกับพี่เควิน” เข้าเรื่องได้เร็วมากค่ะนางไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่นิดเดียว แสดงว่าน้องเฟียสของเฮียเควินนี่ต้องแรงเอาเรื่อง
ขอยอมรับตรง ๆ ว่าความซวยมาหาขนมแล้วค่ะ บอกตามตรงเลยนะคะเห็นเซ็กซี่ลุคดูแรงแบบนี้มันแค่บุคลิกภายนอก ความร้ายก็ร้ายแบบตลกโปกฮา เกิดมาหนมยังไม่เคยทะเลาะตบตีกับใครเพราะผู้ชายเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะซิสทุกคนต้องมีครั้งแรกเสมอ ถึงเวลาชนก็ต้องชน
“แล้วเธอรู้อะไรมาล่ะจ้ะ” ฉันยิ้มถามนางหน้าระรื่น แม้ในใจจะเริ่มหวั่นกลัวสู้นางไม่ได้ก็ตาม สงสารตัวเองว่ะ ฮ่า ๆๆ
“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน!” ยัยเฟียสจ้องฉันด้วยความไม่สบอารมณ์พร้อมกับเสียงที่แข็งขึ้น
“ใครเล่นฉันแค่ถาม เผื่อตอบไปแล้วมันมากกว่าที่เธอรู้เดี๋ยวเธอจะรับไม่ได้นะ” มาแล้วค่ะความกล้าเริ่มมาแล้วเมื่อโดนยัยนี่พูดจาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีใส่มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฉันไม่รู้อะไรมากหรอกเพราะพี่เควินไม่เคยพูดถึงเธอด้วยซ้ำ แต่ฉันเชื่อเซ้นส์ของฉันว่าเธอกำลังอ่อยผู้ชายของฉัน” เอ้าอีนี่พลิกลิ้นเฉย เมื่อกี้ยังถามฉันอยู่เลยว่าเป็นอะไรกับพี่เควิน ตอนนี้มาทำเป็นพูดโชว์เหนือ ฮ่า ๆๆ ผู้ชายของฉัน พูดเต็มปากเต็มคำมากค่ะ
ผู้ชายของเธอ แล้วก็ของใครอีกหลาย ๆ คนเนี่ยนะ น่าภูมิใจตรงไหน
“เชื่อเซ้นส์ของตัวเอง?” ฉันถามนางกลับ ฉันก็นึกว่าจะร้ายกว่านี้สุดท้ายก็แค่พวกผู้หญิงไม่มีสติเที่ยวหึงหวงผู้ชายแบบโง่ ๆ นี่เอง
“ใช่!”
“นี่เฟียสจ้ะ เธอจะเอาเซ้นส์บ้า ๆ บอ ๆ ของเธอมาตัดสินใครแบบนี้ไม่ได้นะ...มันปัญญาอ่อน” ฉันมองนางแล้วก็ยิ้มใส่ ยิ้มเยาะนะคะไม่ใช่ยิ้มหวาน
“อีขนม!” ผู้หญิงคนนี้เรียกชื่อฉันหยาบมากแล้วยังยกมือขึ้นมาจะตบฉันอีกแต่ฉันตั้งตัวทันก็เลยจับที่ข้อมือยัยนี่เอาไว้ ว่าจะไม่ทำอะไรแล้วนะแต่จะมาตบฉันก่อนแบบนี้ก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน
“อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่เคยตบกับใครเพราะเรื่องผู้ชายให้เสียมือ แต่ถ้าเธออยากลองฉันก็พร้อมที่จะตบเหมือนกัน” ฉันบอกยัยเฟียสพร้อมกับกำข้อมือของยัยนี่เต็มแรง แล้วอีกมือก็กระชากผมจนมันหน้าหงายแล้วก็ร้องออกมา
“โอ๊ย!”
“ฟังนะจ้ะเฟียสเผื่อเธอจะยังไม่รู้ ผู้ชายของเธอมาตามตื้อคอยตามรับตามส่งฉันเอง แต่ไม่ต้องห่วงฉันไม่แย่งเขามาจากเธอหรอก ตอนนี้แค่เอามาเล่นสนุก ๆ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ฉันจะปล่อยคืนไปให้เธอเอง!” ฉันพูดจบก็เอามือที่กำผมยัยเฟียสผลักหัวนางเต็มแรงจนยัยนั่นล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยความกลัว
“แก!” สายตากลัวนะแต่พอเป็นอิสระก็เลยปากเก่งขึ้นมาเชียว มาขึ้นเสียงใส่ฉันอีกสงสัยอยากเจอของจริง
“ถ้ายังไม่หุบปากเธอเจอของจริงแน่! ฉันไม่ได้แค่ขู่ถ้าอยากลองก็จะจัดให้ตรงนี้เอาไหม!” ฉันชี้หน้านางพร้อมกับขู่ไปด้วย กล้ายกมือจะตบอีหนมก่อนโดนแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ นี่ถือว่าปราณีที่สุดแล้วนะ พอเห็นท่าทางของฉันยัยเฟียสนั่นก็รีบลุกขึ้นแล้วก็เดินหนีไปทันที เหอะ! นึกว่าจะแน่
“ลูกสาวไปห้องน้ำนานมาก” ฉันเดินกลับมาก็เจอคุณแม่ร้องทัก แต่รู้สึกเหมือนโต๊ะมันจะโล่ง อ้อยัยเฟียสหายไป ผู้ชายของนางด้วยคงไปเข้าห้องน้ำมั้งคะหรือไม่ก็คงพากันไปไหนแล้ว
“แหะ ๆ ขอโทษที่ไปนานนะคะคนเยอะมากหนมเลยขึ้นไปชั้น 3”
“แล้วเมื่อกี้มีเรื่องไหม เห็นน้องเฟียสลุกตามหลังขนมไปท่าทางแปลก ๆ พี่ว่าจะตามไปดูอยู่เหมือนกัน” เจ้หวานกระซิบถามเบา ๆ เพื่อไม่ให้เฮียออสตินกับเฮียแอลฟ่าได้ยิน
“เกือบค่ะ แต่หนมจัดการเรียบร้อยแล้ว” ฉันบอกพี่ ๆ ที่มองหน้าฉันอยู่
“เลิศมากค่ะขนม” เสียงพี่มิลานดังขึ้นด้วยความชอบใจ หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้เซ้าซี้คุยเรื่องนี้กันต่อเพราะไม่ได้ใส่ใจให้ราคาพวกผู้หญิงที่มาหาเรื่องคนอื่นเพราะเรื่องผู้ชาย เอาเวลามาเม้าท์เรื่องแฟชั่นเรื่องเครื่องสำอางดีกว่าเยอะ
ฉันนั่งไปพักใหญ่อีตาเควินก็เดินกลับมาที่โต๊ะ เขาหันมายิ้มให้ฉันฉันก็เลยส่งยิ้มบาง ๆ กลับไปแล้วเมินหน้ามาสนใจอย่างอื่นต่อ ตลก! ยังมีหน้ากล้ายิ้มให้ฉันอีกนะ
“เด็กมึงล่ะไอ้วิน” เสียงเฮียแอลฟ่าถามขึ้นมาคงเพราะยัยเฟียสหายไปนานผิดปกติมั้ง
“กลับไปแล้ว”
“อ้าวทำไมรีบกลับวะ”
“ไม่รู้ว่ะ ช่างเถอะน่า” อีตาเควินบอกแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ส่วนฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วค่ะถึงแม้เขาจะคอยมองมาที่ฉันตลอดเวลาก็ตาม
-02.30 น.-
“ขับรถดี ๆ นะมึง”
“เออ ๆ เจอกัน”
เสียงพี่ ๆ ร่ำลากันดังขึ้นที่ลานจอดรถที่เป็นโซนส่วนตัวด้านหลังผับเพราะตอนนี้ผับปิดแล้วพวกเราก็เลยตัดสินใจแยกย้ายกันกลับ ที่จริงจะนั่งต่อก็ได้นะคะแต่เกรงใจพนักงานที่ต้องมาตามเก็บซากในวันต่อไปเลยตัดสินใจกลับดีกว่า
“หวัดดีเฮีย” เสียงอีตาเควิน เฮียออสติน แล้วก็เฮียแอลฟ่าดังทักทายพี่พอร์ชที่มารับพี่น้ำหวานกับฉัน
“เออหวัดดี กลับเลยไหมคะ” พี่พอร์ชตอบรับแล้วก็หันมาถามพี่หวานซึ่งพี่หวานเองก็พยักหน้ารับเพราะดูท่าทางจะง่วง
“ขับรถกลับดีๆ นะเฮีย” พอพวกฉันจะเปิดประตูขึ้นรถเสียงอีตาเควินก็ดังขึ้นมา พอพูดเสร็จเขาก็หันมามองหน้าฉัน ฉันอ่านสายตาเขาไม่ออกหรอกนะคะรู้สึกแค่ว่าวันนี้เขาเอาแต่คอยมองฉันแค่นั้น แล้วอีกอย่างวันนี้เราก็ยังไม่ได้คุยกันเลยสักคำ
-2 วันต่อมา-
ตอนนี้น้องหนมกำลังนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟในออฟฟิตค่ะ วันนี้วันจันทร์ชีวิตกลับเข้าสู่โหมดฝึกงานอีกครั้ง เป็นช่วงชีวิตที่สนุกสนานเพราะได้ที่ฝึกงานดี แต่ช่วง 2 วันที่ผ่านมา นับตั้งแต่กลับจากผับคืนนั้นอีตาเควินก็เงียบหายไปเลย ไม่โทรไม่ไลน์ไม่ทัก หรือว่าเฮียแกจะเจอเป้าหมายใหม่เลยเลิกสนใจหนม ไม่ได้นะอีหนมยังไม่ได้แก้แค้นอะไรเลย!
Line!
Kevin : เย็นนี้พี่ไปรับนะคะ
หืม~ พอบ่นถึงก็ทักมาเลยค่ะตายยากมาก แต่ทักมาบอกว่าจะมารับแบบนี้นี่เฮียแกเห็นน้องเป็นอะไรคะหายหัวไปหลายวันแล้วอยู่ ๆ ก็บอกจะมารับนี่นะ หนมไม่ง่ายนะคะ
Kanom : วันนี้ขนมมีนัดแล้วค่ะ เอาไว้วันหลังนะคะ ^^
Kevin : ครับ
ฉันตอบกลับไปแค่นั้น วันนี้ไม่ได้มีธุระไปไหนหรอกแต่ไม่อยากยอมให้ไอ้บ้านี่มันถือไพ่เหนือกว่า คิดว่าหล่อแล้วจะมารับสาววันไหนตอนไหนก็ได้เหรอคะเฮีย แต่พอฉันตอบแบบนั้นไปเขาก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรกลับมาเหมือนกัน พิมพ์มาแค่ครับแล้วเราสองคนก็จบการสนทนาไปเลย
ฉันว่าเปอร์เซ็นที่เขาจะเจอคนใหม่แต่ยังมาเจ๊าะแจ๊ะฉันเบา ๆ เริ่มมีเค้าลางแล้วล่ะ ซึ่งนั่นก็อาจจะทำให้แผนการที่อยากจะเอาคืนของฉันมันล่ม! แต่จะให้ตื้อเขาเพื่อจะได้แก้แค้นต่อฉันก็ไม่ทำเหมือนกัน ล่มก็ล่มไปเหอะ
พอถึงเลิกงานน้องก็เดินไปหน้าบริษัทค่ะว่าจะไปโหนรถเมล์เล่นแก้เบื่อสักหน่อย บ้า! ไม่ใช่แล้วที่จริงต้องไปโหนรถเมล์กลับหอนั่นล่ะค่ะ ชั่วโมงระทึกกำลังจะเริ่มขึ้น รู้งี้นะยอมเรียนขับรถให้เป็นก่อนมาฝึกงานก็ดีจะได้เอารถที่บ้านมาใช้ T_T
“หวัดดีครับ”
“...” พอฉันเดินมาจะถึงทางออกของบริษัทอยู่แล้วก็มีเสียงคุ้น ๆ ดังขึ้นมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร อีตานั่นแหละ ตอนนี้น้องรู้สึกอึน ๆ งง ๆ นิดหน่อยว่าเขามาทำไม -_-!
“พี่เควิน หวัดดีค่ะ มารอใครเหรอคะ” ฉันทักทายเขาตามมารยาท ไม่น่าจะมารอฉันหรอกมั้งก็ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าวันนี้ไม่ว่าง แล้วตอนนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“มารอขนมครับ” เขาตอบยิ้มๆ ฮะ! มารอทำไมคะเฮียก็บอกไปแล้วนี่ว่าไม่ว่าง
“มารอขนม? รอทำไมคะวันนี้ขนมบอกพี่เควินแล้วนี่ว่าไม่ว่าง” ฉันถามเขาด้วยความสงสัยแต่อีตานี่กลับแค่ส่งยิ้มมาให้ ฉันรู้สึกแปลก ๆ เพราะปกติเขาจะส่งยิ้มเจ้าชู้ให้ตลอดแต่วันนี้มันเป็นแค่รอยยิ้มบาง ๆ
“พี่รู้ครับ”
“แล้วมารอขนมทำไมคะ มีธุระสำคัญอะไรรึเปล่า”
“พี่แค่จะมารับขนมไปส่ง” อีหยังน้อขนมงงแล้วเด้อจ้า ขนมจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าเขาไม่ส่งยิ้มที่มันผิดปกติไปจากทุกวันมาให้ มันรู้สึกขนลุกอเหมือนจะมีเรื่อง มันอุกอั่งเอ้า (อีหยัง = อะไร / อุกอั่งเอ้า = อึดอัด)
“ไม่เป็นไรค่ะขนมไปเองได้” ฉันรีบปฏิเสธทันที
“ไม่เป็นไรครับพี่อยากไปส่ง เชิญครับ” เขายิ้มให้อีกแล้วพร้อมกับเปิดประตูรถรอฉันอย่างมัดมือชก เอาวะไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้จะคิดไปเองรึเปล่าแต่มีคนพาไปส่งมันดีกว่าขึ้นรถเมล์ แต่ไม่รู้ว่าธุระปลอม ๆ ที่มโนขึ้นมาอยู่ที่ไหนนี่สิ คิดสิคิดว่าจะให้เขาไปส่งที่ไหนดี
“ขนมมีนัดที่ไหนครับ” นั่นไงพอเขาขึ้นรถมาก็เอ่ยปากถาม
“ที่เอ่อ...ที่มหาลัยค่ะ ขนมมีนัดกับเพื่อนจะคุยเรื่องทำรายงานฝึกงานส่งอาจารย์” เยส! คิดออกแล้วค่ะ อิอิ ให้เขาไปส่งที่มหาลัยนี่แหละเพราะมันใกล้หอมาก ๆ ไปถึงมหาลัยก็ค่อยนั่งวินมอเตอร์ไซต์ 10 บาทเข้าหอ งานนี้สบาย~
“ครับ” เขารับคำแล้วก็ขับรถออกมาทันที โชคดีที่รถไม่ติดเท่าไหร่ขับมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ใกล้จะถึงมหาลัยฉันแล้ว แต่ตลอดทางเขาไม่คุยกับฉันเลยค่ะ ไม่ชวนคุยเหมือนทุกครั้งฉันก็เลยเลือกที่จะเงียบเหมือนกัน
“มหาลัยขนมน่าเรียนเนอะ” อีตาเควินพูดขึ้นมาหลังจากที่ฉันกับเขาเงียบกันอยู่นาน ดีมากค่ะช่วยทำลายความเงียบทีเถอะมันรู้สึกอึดอัด
“ค่ะ แต่ขนมว่ามหาลัยที่พี่เควินเคยเรียนก็น่าเรียนนะคะ บรรยากาศดี”
“ขนมเคยไปเหรอครับ”
“ค่ะ ขนมเคยไปหาเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นั่น”
“อื้ม แล้วเคยเจอพี่ไหมครับ พี่ฮอตมากเลยนะ รู้ไหมว่าไปมหาลัยนั้นแล้วไม่เจอพี่แสดงว่าไปไม่ถึง” อีตาเควินหันมาถามฉันยิ้ม ๆ นี่กะจะเล่นมุขตลกเหรอคะ โคตรเป็นมุขที่หลงตัวเองเลย
“ฮ่า ๆๆ จริงเหรอคะ หนมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะเนี่ย” ฉันหัวเราะตอบไป รู้สึกดีที่บรรยากาศมันดีขึ้น บางทีที่เขาเอาแต่เงียบมาตลอดทางอาจจะเพราะเครียดกับงานมาก็ได้มั้ง
“แล้วว่าแต่เคยเจอพี่ไหมครับ” เขาแค่ยิ้มตอบแล้วก็หันมาถามฉันอีกครั้ง
“ขนมว่าไม่นะคะ ไม่เคยเจอ” ฉันตอบเขาออกไป เรื่องอะไรจะบอกว่าเคยเจอล่ะคะ
“เหรอครับ พี่นึกว่าเราเคยเจอกันซะอีก”
“หืม หล่อขนาดนี้ถ้าเคยเจอขนมต้องจำได้แน่นอนค่ะ” ฉันแกล้งพูดกลับไป แต่ก็แอบแหวะคำพูดตัวเองเหมือนกัน
“เหรอครับ แต่พี่ว่าเราเคยเจอกันแล้วนะ” เขาหันมาพูดกับฉันในจังหวะเดียวกันกับที่รถมันจอดติดไฟแดง พร้อมกับจ้องหน้าฉันไม่วางตาด้วยสายตาที่ดูมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ฉันใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“...ที่ตึกจอดรถตอนวันวาเลนไทน์”
“...” !!!