EP : 12
“...อ้อ พี่ธามคะ รีบกลับมานะคะ มิลค์อยากนอนกอดที่รักแล้ว คิดถึงกอดของพี่ธามที่สุดเลย~” ฉันพูดประโยคนี้ออกไปหลังจากที่หันไปเห็นว่ามีใครบางคนกำลังยืนจ้องฉันอยู่พร้อมกับจ้องตากลับด้วยสายตาท้าทายเหมือนกัน แต่พี่ธามไม่อยู่แล้วนะคะวางสายไปตั้งแต่ประโยคก่อนหน้าแล้ว
ฉันแกล้งเป็นกดวางสายแล้วก็เดินผ่านหน้าไอ้บ้านั่นทันทีโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาดุดันของเขาเลยสักนิด รู้สึกมีความสุขที่ได้เล่นละครเหมือนว่าตัวเองไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก ระดับมิลานจะหาผู้ชายโปรไฟล์ดีแค่ไหนมาดามใจก็ได้ทั้งนั้นแหละ
“ไอ้นั่นมันเป็นใคร” เสียงแอลฟ่าถามขึ้นในจังหวะที่ฉันเดินผ่านพร้อมกับขยับตัวมาปิดกั้นทางเดินเอาไว้
“ไม่ใช่ธุระของนาย” ฉันตอบกลับทันที
“ไอ้ที่เธอไปเที่ยวยุโรปกับมันใช่ไหม” แอลฟ่าไม่สนใจคำตอบฉันเลยสักนิด แต่ยังถามต่อแล้วน้ำเสียงก็เริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ หึ! หมาหวงก้างล่ะสิมึง ขนาดไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วเขายังหวงก้าง แล้วไม่คิดบ้างว่าตอนที่เป็นแฟนกันเขาไปขย่มกับใครให้ฉันเห็นต่อหน้าต่อตาฉันจะรู้สึกยังไง เลวฉิบหาย!
“ใช่ พี่ธามคนเดียวกันนั่นแหละ” ฉันตอบเขาพร้อมรอยยิ้มนิดหน่อยประหนึ่งว่ากำลังมีความสุขที่ได้พูดถึงพี่เขา
“ไหนบอกคนอื่นบอกว่ายังไม่ได้คบกันไงวะ แล้วเมื่อกี้พูดกับมันว่าอะไรฮะ!” พอฉันพูดเสร็จแอลฟ่าก็ตะคอกเสียงใส่ฉันทันที ดีค่ะ โมโหให้เยอะ ๆ เลยค่ะกูสะใจ!
“เรื่องส่วนตัวของฉันรึเปล่าแอลฟ่า หลีกทางได้แล้ว”
“หึ! ทำเป็นหวงตัวกับฉันแต่สุดท้ายไปนอนแบให้คนที่เพิ่งรู้จักกันเนี่ยนะมิลาน” แอลฟ่าเอ่ยคำพูดหยาบคายออกมาทำให้ฉันที่ได้ฟังคำดูถูกของเขาถึงกับปรี๊ดขึ้นมาทันทีแต่ยังก่อนถ้าอยากจะชนะไอ้พวกอารมณ์ร้อน เราต้องเย็นเป็นน้ำแข็งยิ่งน้ำแข็งทั้งมหาสมุทรแอตแลนติกเลยยิ่งดี
“แล้ว?” ฉันข่มอารมณ์เอาไว้แล้วก็ยั่วโมโหไอ้บ้านี่ต่อ
“ถามจริงเถอะที่แกล้งหวงตัวกับฉันนี่เพราะเธอกลัวฉันรู้ความจริงว่าเธอแม่งไม่บริสุทธ์รึไง” โอ้โหความคิดเหี้ยจริง จัญไรด้วย ไม่เลวคิดแบบนี้พูดแบบนี้ออกมาไม่ได้นะ มีลูกหลานเป็นผู้ชายจะสอนจะท่องใส่สมองมันทุกวันเลยว่าอย่าพูดจาแบบนี้กับผู้หญิงมันชั่ว!
“ฉันไม่จำเป็นต้องทำตัวให้นายเห็นค่าขนาดนั้นหรอกแอลฟ่าเพราะนายก็ไม่ได้มีราคาให้ฉันต้องไปพยายามเสแสร้งหวงตัว ฉันบอกแล้วไงเวอร์จิ้นฉันไม่มีทางเป็นของนาย” ฉันบอกด้วยรอยยิ้มสะใจแอลฟ่ายืนจ้องฉันนิ่ง เขากำมือแน่นจนมันสั่น หึ! โกรธล่ะสิ สะใจเป็นบ้าเลย
“แล้วเป็นไง เสียตัวครั้งแรก” ฉันนึกว่าไอ้บ้านี่จะโกรธจนไม่อยากคุยกับฉันต่อแต่ไม่เลยค่ะแค่แป๊บเดียว แววตาที่เต็มไปด้วยไฟของเขาก็เปลี่ยนเป็นแววตาที่มองฉันด้วยความสมเพชทันที จะเล่นแบบนี้ใช่ไหมแอลฟ่า
“ก็ดีนะ พี่ธามแซ่บมากเลย” ฉันลอยหน้าลอยตาบอกไปแม่งเลย ทั้งที่ในใจก็อายนะต้องมาพูดว่าตัวเองมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นโดยที่คนที่ถูกพาดพิงถึงยังไม่เคยแม้แต่จับมือฉันด้วยซ้ำ
“เธอจะรู้ได้ไงวะว่าไอ้ห่านั่นแซ่บแค่ไหน ไม่ลองเปรียบเทียบกับคนอื่นดูก่อนรึไง” ไอ้ชั่ว! พูดมาได้ไม่อายปาก พูดกับผู้หญิงใครสั่งใครสอนให้พูดหมา ๆ แบบนี้วะ
“ไม่ล่ะแอล แค่พี่ธามคนเดียวฉันก็แทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแล้ว หยุดพูดเถอะ ยิ่งพูดยิ่งคิดถึง” ฉันบอกแอลฟ่าด้วยรอยยิ้มทำให้ไอ้บ้านี่หน้าเหวอทันที หึ! มึงสอนให้กูปากร้ายแบบนี้เองค่ะแอล ปกติก็ปากร้ายนะ แต่ตอนนี้เลเวลเพิ่มขึ้นมาคูณร้อยคูณพันเรียบร้อย
“มิลานเธอแม่ง!” แอลฟ่าสบถออกมาแค่นั้น ส่วนฉันก็ยังยิ้มระรื่นจนกระทั่งมีเสียงของคนเดินมาทางนี้ แอลฟ่าเลยต้องจำใจหลีกทางให้คนอื่นเดิน ฉันเลยได้โอกาสเดินกลับมาที่โต๊ะทันที
“อีมิลาน~ หายหัวไปนานมากค่า” พอถึงโต๊ะอีแมนนี่ที่นั่งระริกระรี้คุยกับเควินอยู่ก็ทักทายฉันทันที แต่ฉันสังเกตเห็นว่ายัยพี่ฝ้ายที่นั่งอยู่ตรงข้ามดูอารมณ์ไม่ดี สงสัยกำลังโมโหที่ไอ้ชั่วแอลฟ่ามันหายหัวไปนานมั้ง
“ทำไมคะ มึงรีบกลับ?” ฉันนั่งลงข้างมันพร้อมกับยกแก้วขึ้นกระดก ดื่มค๊อกเทลเบา ๆ นะคะเพราะเพิ่งปีหนึ่งถึงสังคมของฉันจะดูเป็นผู้ใหญ่กันมากแต่ตัวฉันก็ยังเพลา ๆ อยู่ค่ะ
“บ้าเหรอ กูจะอยู่ยันพนักงานเก็บเก้าอี้นั่นล่ะค่ะ” อีแมนนี่บอกแล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แอลฟ่าเดินกลับมานั่งพอมาถึงก็รินเหล้าเพียว ๆ จนเต็มแก้วแล้วก็ยกกระดกหมดแก้วทันที
“นอนนี่ได้นะมิลาน แมนนี่ มีห้องรับแขกอยู่ชั้นสามจะได้ไม่ต้องขับรถกลับมันอันตราย” ออสตินเอ่ยขึ้น ดีอ่ะ หล่อ แบด แต่ยังมีความแสนดี ไม่น่าล่ะมินตรามันปลื้มนักหนา ปลื้มจนกลายเป็นแอบรักไปแล้ว
“ถ้างั้นคงต้องให้สองคนนี้นอนห้องเล็กนะกูกำลังจะขึ้นไปใช้ห้อง” เสียงเข้มดังขึ้นในทันทีที่ฉันกำลังจะอ้าปากขอบคุณออสติน
“ไหนมึงบอกจะกลับบ้านวะ” ออสตินหันไปถามแอลฟ่าทันที
“ไม่อยากกลับแล้วว่ะ อยู่ใกล้ฝ้ายแล้วมีอารมณ์ทุกที ทนไม่ไหวแล้ว” แอลฟ่าตอบยิ้ม ๆ ก่อนที่จะช้อนตัวยัยพี่ฝ้ายขึ้นนั่งบนตัก
“ว้าย! แอล~ ไหนบอกคืนนี้ไม่ไงคะ” ยัยพี่ฝ้ายทำเป็นตกใจหน้าเหวอสะดีดสะดิ้งแต่พูดเสียงดังเชียว จะโชว์คนอื่นว่าผู้อยากกินตัวเองว่างั้น ยอมใจตัวผู้ตัวเมียคู่นี้จริง ๆ
“ไม่ไหวแล้วต่างหากล่ะ ไปเถอะ” แอลฟ่าบอกแล้วก็อุ้มยัยพี่ฝ้ายขึ้นจังหวะหนึ่งฉันเห็นว่าแอลฟ่าเหลือบมองมาทางฉัน หึ! จะโชว์เหนือว่างั้น เอาเถอะค่ะ เชิญตามสบายตามสันดานได้เลยจ้า
“อู้ย~ แค่เอากันใช้ห้องเล็กก็ได้มั้งคะ จะเอาท่ากายกรรม โลดโผนตีลังการึไงอีแอล!” แมนนี่ตะโกนไล่หลังทันที แต่ฉันอยากกลับแล้วไม่อยากมานั่งกินเหล้าโดยที่มีใครกำลังจั้มโบ๊ะกันอยู่บนหัว!
“มึง จะกลับยังอ่ะ” ฉันหันไปถามอีแมนนี่ทันที หัวมิลค์สูงส่งค่ะไม่อยากให้ใครมาทำอะไรกันบนหัว
“เดี๋ยวสิมึง กูบอกแลวไงว่าจะอยู่จนพนักเก็บเก้าอี้” อีแมนนี่หันมากระซิบตอบ
“กูอยากกลับแล้ว” ฉันเริ่มงอแงขึ้นมา อารมณ์ไม่ดี ไม่มีอารมณ์เที่ยว ไม่ได้เกี่ยวกับที่ไอ้บ้านั่นอุ้มยัยพี่ฝ้ายไปจั้มโบ๊ะกันหรอกนะคะ แต่ฉันอารมณ์ไม่ดีหมดสนุกตั้งแต่เจอหน้าเขาแล้วอ่ะ
“เดี๋ยวสิกูกำลังติดพัน” อีแมนนี่บอกดุๆ มันเที่ยวทีไรก็ติดพันแบบนี้ตลอดนั่นล่ะ ผับไม่ปิดสตาร์ทรถกลับบ้านไม่ได้
“มึงติดพันหรือกำลังจะติดสัด” ฉันกัดมันทันที
“โอ๊ยอีผี ปากดีจริงๆ เลย”
“หึ ๆๆ อย่าทะเลาะกันน่า มิลานง่วงก็ขึ้นไปนอนข้างบนได้นะมีเหลืออีกห้อง” ออสตินตอบมา นี่ก็คิดว่าคุยกันเบา ๆ แล้วนะทำไมเขาได้ยิน เอ๊ะหรือว่าไม่เบา ปกติเมาแล้วยิ่งชอบแหกปากควบคุมคีย์ไม่ได้อยู่ด้วย แล้วนี่ออสตินจะรู้สึกยังไงที่ฉันชวนแมนนี่กลับต่อหน้าเขาที่เป็นเจ้าของผับ
“แหะ ๆ ไม่เป็นไรติน เราแค่เจ็ทแลคนิดหน่อยแต่นั่งต่อได้ไม่เป็นไร” ฉันหันไปแก้ตัวกับออสติน ที่จริงก็เบลอ ๆ เพลีย ๆ เพราะเจ็ทแลคเหมือนกันนะคะนั่งเครื่องมาตั้งสิบสองชั่วโมงยังไม่ได้พักเลย แต่ถ้าให้ขึ้นไปคงนอนไม่หลับหรอกค่ะกลัวห้องข้าง ๆ ส่งเสียงรบกวน
“อื้ม ไม่ไหวก็ขึ้นไปได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” ออสตินยิ้มให้บาง ๆ หล่อมาก ตั้งแต่อกหักมามิลค์เห็นคนหล่อยิ้มให้ไม่ได้เลยใจบางเหลือเกิน แต่ไม่ได้ต้องห้ามใจออนตินเป็นเพื่อนแอลฟ่า เขาคือหนึ่งในสามชายหล่อชั่วประจำรุ่น แถมเป็นคนที่เพื่อนรักของฉันแอบรักอีกต่างหาก
“ถ้ามิลานอยากกลับเราไปส่งก็ได้นะ” เสียงทะเล้นของเควินดังขึ้นทำให้ฉันต้องหันไปมอง เควินนี่ก็อีกคน หล่อมาก ยิ้มสวย แต่ไม่ได้ทำให้ฉันใจสั่นแต่อย่างใดเพราะระดับความร่านของเควินท่าทางจะมากเกินเพื่อนของเขาสองคนนะ
“อื้อ! สามีขา อย่านอกใจเมียสิคะ” อีแมนนี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงงอนเควินเลยหันไปเล่นกับมันด้วยการโอ๋ประหนึ่งเป็นผัวเมียกันจริง ๆ เลยทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อยพอให้ได้นั่งต่อจนผับปิดอยู่ล่ะมั้ง
-หนึ่งปีต่อมา-
“ค่าพี่ธาม คิดถึงเหมือนกันค่ะ” ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับคนที่อยู่อีกทวีปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกมีความสุขที่ได้คุยกับพี่เขา ฉันสบายใจมากทุกครั้งที่ได้คุยกับเขา
“อื้อ รีบๆ กลับมานะคะ บายค่ะ”
“โอ๊ย! รำคาญคนมีผู้ค่า” พอฉันวางสายจากพี่ธามเสียงหวีดร้องของกระเทยรูปหล่อนามเพราะอย่างอีแมนก็ดังขึ้นทันที อีแมนนี่ชอบรำคาญฉันตลอดนั่นล่ะค่ะ ก็มันยังไม่มีแฟนขนาดคู่ขายังไม่มีเลย สรุปคือนางบริสุทธิ์นะคะ นางซิง ถึงเป็นตุ๊ดเป็นเกย์แต่นางก็หวงตัวมาก
“หาผัวสิคะ เผื่อปากมีอะไรอมบ้างจะได้ไม่ว่างมาแขวะกู” ฉันกัดมันกลับ
“โอ๊ยอีปากร้าย”
“เอ๊ะ หรือความจริงแล้วมึงเป็นรุกเลยไม่คิดจจะหาผัว” ฉันสงสัยมานานแล้วว่าถ้าถึงเวลาอีแมนมันจะเป็นรุกหรือเป็นรับ เพราะเห็นเพื่อนหลายคนที่รู้จักเป็นเกย์ออกสาวแต่ถึงเวลาจริงนางเป็นรุกก็มี แต่อีแมนนี่ไม่ตอบได้แต่มองค้อนทำให้ฉันยิ่งสงสัย
ตอนนี้พวกฉันอยู่ปีสามแล้วนะคะ ผ่านมาปีกว่าแล้วฉันกับพี่ธามเราคุยกันมาเรื่อย ๆ จนมาตกลงคบกันเป็นแฟนเมื่อสองเดือนก่อน เทอมหน้าพี่ธามจะเรียนจบแล้วก็กลับไทยแล้วล่ะ ไม่เจอหน้ากันเป็นปีตัวจริงพี่ธามจะหล่อมากขึ้นแค่ไหนนะไม่อยากจะคิดเลย
ส่วนไอ้เลวแอลฟ่าอะไรนั่นก็หายไปจากชีวิตฉันแล้วค่ะ ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าหายไหมฉันไม่ได้สนใจ เวลาเจอกันหรือเดินผ่านเขาก็มองฉันนะแต่ก็ไม่ได้มายุ่มย่ามอะไร แล้วฉันพยายามเลี่ยงไม่เจอด้วยทำให้ตั้งแต่วันที่ปะทะคารมกันที่ผับออสตินฉันกับเขาไม่ได้คุยกันอีกเลย แต่ก็ดีแล้วล่ะค่ะจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตลำบาก ฉันขอโฟกัสกับปัจจุบันดีกว่า ชีวิตมีความสุขดี แบรนด์เสื้อผ้าที่ตั้งใจทำประสบความสำเร็จไปเรื่อย ๆ มีเพื่อนที่รักคอยอยู่ข้าง ๆ ไม่เครียดเรื่องเรียน แล้วก็มีแฟนที่แสนดีแล้วก็น่ารักมาก ๆ แบบพี่ธามฉันก็พอใจแล้ว