บท
ตั้งค่า

เพื่อนสนิท 4

“ค่ะ เราเลิกกันนานแล้ว เลิกกันเพราะพี่ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น เลิกกันเพราะว่าหอมไม่ยอมมีอะไรกับพี่” ฉันพูดด้วยสีหน้านิ่ง ๆ หยิบยกความจริงขึ้นมาพูด ใครจะรับได้ไหมฉันไม่รู้ แต่ที่พูดคือความจริงทั้งนั้น

“พี่ขอโทษ” พี่โคมไฟก้มหน้าลงมองพื้นห้อง

“เรื่องมันนานมาแล้วค่ะ ได้สายชาร์จแล้วก็ไปสิคะ” ไม่ได้อยากทำตัวเป็นเจ้าห้อง แต่เพราะตอนนี้ทำตัวไม่ถูก

“เดี๋ยวพี่ไปเอายามาให้” พี่โคมไฟยิ้มและเดินออกไป

ฉันก็ยืนงงทำอะไรไม่ถูกอยู่อย่างนี้นั่นแหละค่ะ รู้ว่าจะเจอ แต่ไม่คิดว่าจะเจอเร็วแบบนี้

แล้วไอ้อาการป่วยของฉันมันก็ชอบแสดงอาการชัดเจนเหลือเกิน เป็นมาแบบนี้แต่ไหนแต่ไร ทั้งที่ไม่ได้ป่วยอะไรมากมาย ที่เป็นแบบนี้คงเพราะร่างกายมันเพลีย

ฉันเลิกคิดเรื่องนี้แล้วรีบเดินไปหากล่องยาคุมฉุกเฉินที่อยู่ในกระเป๋า ตอนออกจากห้องของนาวฉันยัดมันแบบลวก ๆ ไม่รู้ว่าจะยังอยู่ไหม

และก็เจอ มันยังอยู่ในกระเป๋า แต่ในห้องพี่แคลไม่มีน้ำสักขวด ฉันจึงต้องถือยาและเดินออกมาที่ตู้เย็นบ้านพี่แคล

“ออกมาทำไร” พี่โคมไฟเอ่ยถามฉัน ตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่ตรงเตาแก๊ส

“มากินน้ำค่ะ”

“พอดีเลยรอกินข้าวด้วย พี่ทำข้าวต้มไข่ให้หอมอะ” ฉันหันไปมองหน้าพี่โคมไฟ “ยังชอบอยู่มั้ย” เขาถามแล้วยิ้มนิด ๆ

ข้าวต้มไข่ คือเมนูที่โคตรง่าย ซึ่งเราสองคนเคยทำกินด้วยกัน เป็นเมนูแรกที่ทำให้ฉันอยากทำกับข้าวเป็น

“...” ฉันหันหน้าหนีและเทน้ำใส่แก้ว ยกขึ้นดื่ม

“รสชาติเหมือนเดิมเลยนะ พี่ทำกินบ่อย ๆ เวลาคิดถึงหอม”

“ขอตัวนะคะ” ฉันวางแก้วเก็บขวดน้ำและเลือกที่จะเดินหนี

คือไม่รู้ว่าจะต้องมายืนรื้อฟื้นความหลังกันทำไม ในเมื่อเรื่องของฉันและเขาจบลงไปหลายปีแล้ว แม้ว่าฉันไม่ได้ลืม แต่ก็ไม่คิดจะรื้อมันขึ้นมาเพื่อสานต่อ เรื่องอะไรที่มันจบไปแล้วก็ปล่อยให้มันจบไป และตอนนี้ฉันมีเรื่องที่น่าปวดหัวอยู่แล้ว ไม่อยากจะเอาความวุ่นวายมาใส่หัวสมองอีก

“เดี๋ยวดิหอม...” พี่โคมไฟจับแขนของฉันไว้ ในตอนที่ฉันกำลังจะเดินสวนกับเขา และมันทำให้ยาคุมที่ยังไม่ได้ปิดกล่องหลุดออกมาตกลงที่พื้น พี่โคมไฟมองของที่หล่นลงพื้น เขาก้มลงมองก่อนจะค้อมตัวลงไปเก็บ

“อะ” เขายื่นแผงยาคุมฉุกเฉินที่เหลืออีกหนึ่งเม็ดให้ฉัน สีหน้าของพี่โคมไฟเจื่อนลงอย่างชัดเจน

“ขอบคุณค่ะ” ฉันก้มหน้าก้มตาหยิบแผงยาคุมฉุกเฉินจากมือของพี่โคมไฟ แต่แล้วก็ต้องตกใจ “อ๊ะ!!” เมื่อพี่โคมไฟดึงฉันเข้าไปกอด

“ไม่รู้ว่าหอมเจออะไรมา ไม่ต้องเล่าให้พี่ฟังก็ได้ แต่พี่อยากให้รู้ว่ามีพี่อยู่ตรงนี้นะครับ แม้ว่าเราจะเลิกกันแล้ว แต่พี่ก็ยังเป็นห่วงหอมตลอด” พี่โคมไฟลูบหัวของฉัน

เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ฉันอยู่ ม.1 เทอม 2 ตอนนั้นฉันเป็นแฟนกับพี่โคมไฟแล้ว และหมาที่ฉันรักมาก ๆ มันโดนยาเบื่อตาย ในตอนนั้นฉันก็ได้อกและอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ ในตอนนั้นอกของเขาไม่กว้างขนาดนี้ด้วยซ้ำ

“ไปนั่งเล่นหลังบ้านกัน วันนี้ท้องฟ้าสดใสดาวน่าจะเยอะ” พี่โคมไฟเขาผละกอดออกและยิ้มให้ฉัน

“พี่ไม่ไปหาแฟนพี่หรือไง”

“เฮ้ย!!! น้ำข้าวต้มจะแห้งหมดแล้วไอ้หมู” พี่โคมไฟร้องขึ้น ฉันตกใจนะ ตกใจที่เขายังเผลอเรียกแบบนี้ “โทษที ลืมตัว” พี่โคมไฟหันมาบอกและหันกลับไปเติมน้ำใส่หม้อข้าวต้ม

“ค่ะ” ฉันว่าแค่นั้นและหันหลังเดินออกมา

“รอพี่ที่หลังบ้านเลยนะ เดี๋ยวพี่ยกข้าวต้มไป” พี่โคมไฟตะโกนบอกฉัน

“ไม่เอาหรอก” ฉันปฏิเสธ

“อย่าดื้อดิ ไม่สบายอยู่กินข้าวแล้วจะได้กินยา” พี่โคมไฟเขากำลังตอกไข่ใส่หม้อข้าวต้ม “เฮ้ยไอ้หมูกินไข่ไม่สุกมากเหมือนเดิมปะ”

“อื้ม”

“เคครับ ไปรอหลังบ้านเลยครับ” ฉันแกล้งทำเป็นเฉย ไม่อยากเรื่องมากกับสรรพนามที่เขาเรียกเท่าไหร่ แต่ถ้ามันบ่อยไปก็อาจจะบอกเขา ฉันเดินออกมาจากครัว เดินมาเปิดประตูหลังบ้าน

คือเข้าใจอารมณ์ความรักสมัยเด็กไหมอะ จะต้องแบบมีชื่อเรียกคนรักที่แบบไม่ใช่ชื่อของตัวเราเอง ประมาณว่า บี๋ เบ๊บ ตัวเอง เค้า แก เรา และแน่นอนว่าของฉันนั้นเรียกแทนกันว่า หมูกับหมา พี่โคมไฟชอบเรียกฉันว่าไอ้หมู ส่วนฉันชอบเรียกเขาว่าพี่หมา เวลาถูกใจตอนที่เขาตามใจก็จะเรียก พี่หมาของน้องหมู

แต่ก็นั่นแหละ มันจบไปแล้ว จบไปนานแล้ว และเขาก็มีคนของเขา ส่วนฉันก็มีปัญหาร้อยแปดพันเรื่อง

ติ๊ง!!!

(น้ำขิง: โพรเจกต์เริ่มพรุ่งนี้นะพวกมึง)

(โม: ค้างที่ไหน)

(น้ำขิง: หอกูมั้ยล่ะ)

(โม: ไม่ติด)

(โม: ไอ้หอมว่าไง แล้วที่เหลือยังไงวะ ไอ้ต่อ ไอ้นาว ไอ้ดิ๊ก)

(นาว: ตามใจ)

ฉันกดปิดมือถือเมื่อคนที่มันย่ำยีตอบกลับมา และก็เป็นจังหวะเดียวกับเสียงของพี่โคมไฟกำลังเดินมา

“โอ๊ย!!! ร้อน ๆ ร้อน ๆ หลบเร็วหมู” พี่โคมไฟกึ่งวิ่งกึ่งเดินเอาถ้วยข้าวต้มมาวางที่โต๊ะ

“ทำไมไม่เอาจานรอง เคยบอกทำไมไม่จำ” ฉันรีบลุกขึ้นจากแคร่ไม้ จับมือของพี่โคมไฟยกขึ้นไปจับที่ใบหูของเขาด้วยความเคยตัว เพราะมันเป็นเรื่องเคยชินเมื่อนานมาแล้ว

เมื่อรู้สึกตัวฉันจึงดึงมือตัวเองออก ซึ่งพี่โคมไฟมองหน้าฉันแล้วยิ้ม ฉันจึงกล่าว “ขอโทษค่ะ” และกลับมานั่งที่เดิม

“เดี๋ยวไปเอามาอีกถ้วยก่อน”

“จานรองด้วยนะคะ” ฉันพูดขึ้นมาลอย ๆ พี่โคมไฟหัวเราะและเดินเข้าบ้านไป

หลังบ้านของพี่โคมไฟเป็นทุ่งนาค่ะ ตอนนี้หน้านาทุ่งข้าวเขียวชอุ่ม ที่นาพวกนี้ได้ยินมาว่าพี่แคลให้คนเช่าตามที่ยายของพี่แคลเคยทำมา เสียงแมลงร้องเสนาะหูสำหรับคนชอบบรรยากาศแบบนี้นะคะ ซึ่งฉันถูกนับรวมเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้

“อะ เสื้อแขนยาว อากาศมันเย็น” พี่โคมไฟวางถ้วยข้าวต้ม รอบนี้มีจานรองมาค่ะ เขาถอดเสื้อแขนยาวส่งมาให้ฉัน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีนะคะ สงสัยเพิ่งจะไปเอามาใส่

“ไม่เป็นไร หอมไม่หนาว”

“ไม่สบายอยู่ ใส่ไว้” ฉันรับมาสวม จะได้จบ ๆ ไปค่ะ

“ยังชอบพริกไทยเยอะ ๆ เหมือนเดิมใช่มั้ย”

“อื้ม”

“งั้นก็ชิมเลยครับ พี่ทำรสที่หมูชอบ รสเดิมของเรา”

“เลิกเรียกแบบนี้เถอะ อย่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดิ เพราะหอมไม่ได้เก่งแบบพี่” ฉันพูดจบจึงนั่งตักข้าวใส่ปาก รสชาติยังคงเดิมอย่างที่พี่โคมไฟบอกจริง ๆ และตั้งแต่ที่เลิกกันฉันก็ไม่เคยคิดจะทำเมนูนี้เลย ไม่อยากคิดถึงไง

“พี่สบายดีใช่มั้ย” บรรยากาศมันเงียบ และมันยิ่งอึดอัดใจเมื่อพี่โคมไฟมองหน้าฉันอยู่แบบนั้น

“สบายดีครับ” พี่โคมยิ้มให้ฉัน “ไอ้โมบอกพี่ว่าหมู เอ้ย โทษที หอมคบกับเพื่อนที่วิท’ ลัยเหรอ”

“ค่ะ”

“มันใช่มั้ย” คำถามนี้ดังขึ้นฉันมองหน้าพี่โคมไฟ เขาและฉันย่อมรู้ความหมายของคำถามนี้ดี

“เปล่า”

“อ้อ ขอโทษนะที่ถาม”

“หอมโดนข่มขืน” ไม่รู้สิ ไม่รู้เลยว่าทำไมต้องเล่าให้พี่โคมไฟฟัง

หรือเพราะอยากจะระบายงั้นเหรอ? ถ้าอยากระบายแล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่เล่าให้พี่แคลฟังล่ะ งั้นคงเพราะบรรยากาศพาไปแหละมั้ง

“มันเป็นใคร พี่จะไปจัดการมัน” เพราะพี่โคมไฟน่ะคล้ายนักเลงในหมู่บ้าน เก่ง ฉลาด พึ่งพาได้ บรรดาวัยรุ่นต่างก็พากันเกรงใจ ทำให้เขามีพรรคมีพวกเยอะ

“แค่อยากระบาย ไม่ได้อยากให้มันบานปลาย”

“เพราะแบบนี้ใช่มั้ยหมูถึงมาค้างที่นี่” ยังคงเรียกหมูอีกเช่นเคย และฉันคงต้องปล่อยเลยตามเลย

“อืม เจอพี่แคลตอนที่จะเดินเข้าบ้าน หอมก็เลยขอมาค้างกับพี่แคล ไม่อยากให้พ่อแม่รู้ ไม่อยากตอบคำถาม กลัวจะเป็นเรื่อง” ฉันวางถ้วยข้าวต้มและนั่งมองดาวที่ส่องประกายเต็มท้องฟ้า วันนี้ดาวเยอะอย่างที่พี่โคมไฟพูดไว้จริง ๆ

“กอดมั้ย”

“ไม่อะ ไม่อยากกอดแฟนคนอื่น แล้วก็ไม่อยากทำไม่ดีลับหลังแฟน แค่นี้ก็มากพอแล้ว”

“ยังเหมือนเดิมเลยนะ คิดถึงคนอื่นตลอด แล้วก็ชอบลืมคิดถึงความรู้สึกตัวเอง” พี่โคมไฟขยับเข้ามาใกล้ และวางมือลงที่มือของฉัน “งั้นแค่จับมือก็ได้ อยากให้รู้ว่าพี่หมาอยู่ข้าง ๆ น้องหมูนะครับ” เราสองคนหันมองหน้ากัน

พี่โคมไฟยกมืออีกข้างมาโน้มศีรษะของฉันให้ซบที่ไหล่ของเขา ต่อจากนั้นเราสองคนก็นั่งเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งคู่ มีเพียงเสียงร้องของแมลงยามค่ำคืน เสียงร้องของกบเขียด และแสงไฟส่องสัตว์ที่อยู่ไกล ๆ กลางท้องทุ่งนา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel